บทที่ 227 : จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของเจ้าของร้านหลิน
หรือนี่จะเป็นส่วนหนึ่งของแผนของเจ้าของร้านหลินด้วย?!
การตระหนักรู้ของคล็อดนั้นไม่ได้ไร้เหตุผล
ในเมื่อพวกเขากำลังจะลงมือที่หน้าร้านหนังสือ พวกเขาก็ย่อมต้องพิจารณาแนวทางการคิดและความปรารถนาของคุณหลินด้วย ที่จริงแล้วนี่ก็นับว่าเป็นรายละเอียดที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้
การประเมินในปัจจุบันของพวกเขาได้เผยว่าเจ้าของร้านหลินไม่ได้ว่าอะไรถ้าลูกค้าของเขาจะมีความสัมพันธ์เชิงร่วมมือหรือแข่งขันกัน
ตัวอย่างหนึ่งก็คือเรื่องที่หอพิธีกรรมต้องห้ามเคยทำงานร่วมกับวินเซนต์
อีกอย่างก็คือความสัมพันธ์เชิงคู่แข่งระหว่างคุณหนูจี้จากบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์และรองหัวหน้าสาขาเชอร์รี่จากหอการค้าแอช
แต่ถ้ามีความแค้นเกิดขึ้นระหว่างลูกค้าร้านหนังสือที่เป็นเรื่องคอขาดบาดตายล่ะ?
บางทีสำหรับเจ้าของร้านหลินแล้ว มันอาจจะเป็นเรื่องเล็กที่ไม่คู่ควรที่ตัวเขาจะเจียดเวลามาสนใจ
แต่ว่า…ถ้าเกิดลูกค้าของเขาฆ่ากันตายขึ้นมา มันอาจจะเป็นการทำให้เจ้าของร้านหลินเสียความบันเทิงไป
และยังมีด้านที่ยังชี้วัดไม่ได้อีกมากมาย
เพราะว่าตั้งแต่แรก เจ้าของร้านหลินผู้ลึกลับและแข็งแกร่งนั้นวางตัวเป็นกลางมาโดยตลอด เขาเมตตาต่อลูกค้าของตัวเองเสมอ และไม่เคยเลือกฝั่งระหว่างดีและร้ายเลย
ความสำเร็จล่าสุดในสงครามศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาต่อโบสถ์แห่งจุดสูงสุดโดยพึ่งคำแนะนำของเจ้าของร้านหลินนั้นได้ทำให้พวกเขาเผลอคิดไปว่าเจ้าของร้านหลินนั้นเป็นมิตร และอยู่ฝั่งคุณธรรม!
เมื่อคล็อดคิดได้เช่นนี้ หัวใจของตัวเองก็ดิ่งวูบ
ถ้าทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ถูกบรรเลงขึ้นโดยเจ้าของร้านหลิน งั้นมันก็หมายความว่าไวลด์ไม่มีค่าหรืออะไรที่ทำให้เขาสนใจได้อีกต่อไป
ไม่อย่างนั้น หอพิธีกรรมต้องห้ามคงไม่มีวันได้โอกาสจับตัวไวลด์ได้เลย
“ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยมีเหตุการณ์ในทำนองเดียวกันเกิดขึ้นมาก่อนนะ…”
คล็อดจับจ้องไวลด์และสมุนใหม่ทั้งสี่ หรือก็คือลูกค้าใหม่สี่คนที่ออกมาเจอกับพวกฟรานซิสนอกร้านหนังสืออย่างไม่วางตา
“ก่อนหน้านี้ อาจารย์เคยถามถึงที่อยู่ของไวลด์เพราะหวังจะได้ความช่วยเหลือจากเจ้าของร้านหนังสือบ้าง แต่น่าเศร้าที่เขาไม่เคยได้รับคำตอบ…”
“ในทางกลับกัน จากข่าวกรองที่เราได้มา แอคเกอร์แมนได้รับการแนะนำโดยตรงให้ทำงานให้จี้จือซู่ แล้วต่อมาก็มีส่วนช่วยอย่างยิ่งในการเติบโตของ ‘แมงมุม’”
“เกรงว่านี่จะเป็นการเผยจุดยืนของเจ้าของร้านหนังสือแล้ว”
“เขาไม่อยากให้ลูกค้าของเขาห้ำหั่นกันเอง!”
คล็อดรู้สึกว่าเขาเพิ่งจะเดาเจตนาของเจ้าของร้านหลินได้อย่างแม่นเป๊ะ ในขณะเดียวกันหัวใจของเขาก็ร่วงลงไปกองที่ตาตุ่ม
ไม่มีเหตุผลที่ความบังเอิญแบบนี้จะเกิดขึ้นในตอนนี้เลย ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้…
แต่เดิมพวกเขาเตรียมลอบโจมตีไวลด์และลูกสมุนของเขาอย่างรวดเร็วโดยไม่มีใครตั้งตัวติดเพื่อให้บรรลุผลสูงสุด แล้วจับกุมพวกเขาที่ไหวตัวไม่ทัน
ความแข็งแกร่งของไวลด์นั้นประมาทไม่ได้ แต่หอพิธีกรรมต้องห้ามก็ไม่ได้ปวกเปียกเช่นกัน
กระทั่งคนระดับเหนือนภายังเป็นเป้าหมายของพวกเขาได้ อย่าว่าแต่ระดับภัยพิบัติเลย
การจับไวลด์ด้วยกำลังของพวกเขาในตอนนี้อาจจะตึงมือไปบ้าง แม้ว่าการทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสจะยังเป็นไปได้ถ้าเป็นการลงมือโดยไม่ทันตั้งตัวก็ตาม
ยิ่งกว่านั้น พวกเขายังมีกำลังหลักที่กำลังรุดมาที่นี่อีก…โจเซฟ
ทว่าการตัดสินใจชุ่ย ๆ ที่พวกฟรานซิสทำลงไปนั้นทำให้ไวลด์ตื่นตัวแล้ว ทำให้ศัตรูที่แข็งแกร่งอยู่แล้วระวังตัวขึ้นมา ยิ่งกว่านั้น เขายังมีพวกระดับสัตว์ประหลาดและสกายวูลฟ์อีกตัวอยู่ฝั่งเขาด้วย
ถ้าการระวังตัวถูกกระตุ้นขึ้นมา ภารกิจของหอพิธีกรรมต้องห้ามครั้งนี้ก็บอกได้แล้วว่าล้มเหลว…
“ดำเนินปฏิบัติการต่อไหมครับ?” สมาชิกคนหนึ่งถามพลางง้างค้อนศึกในมือ รอคำสั่ง
คล็อดเก็บอารมณ์ของเขาไว้แล้วพึมพำ “แน่นอน ทุกหน่วยฟังนะ จุดประสงค์หลักของพวกเราเปลี่ยนไปเป็นการชิงตัวเจ้าหน้าที่อัศวินแปดนายนั้นแทนแล้วนะครับ”
มันไม่สำคัญว่าการกระทำของพวกฟรานซิสจะเป็นเรื่องผิดมาตรการหรืออยู่ภายใต้คำสั่งของใคร
เวลานี้บนสนามรบ พวกเขาก็ยังเป็นสมาชิกของหอพิธีกรรมต้องห้าม และเป็นกำลังฝั่งมิตร
แม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่ภารกิจเดิมต้องหยุดชะงักลง การประกันความปลอดภัยของเพื่อนร่วมองค์กรก็ยังมีความสำคัญกว่าอยู่ดี
ส่วนสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากนั้น…ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องภายในหลังจากเรื่องทั้งหมดจบแล้ว
“ครับ!”
สมาชิกหอพิธีกรรมต้องห้ามตอบโดยพร้อมเพรียงแล้วต่างแยกกันไปประจำที่ตามคำสั่ง
หนึ่งกลุ่มซุ่มเงียบเพื่อสานต่อแผนลอบโจมตี
อีกกลุ่มปลดการพรางตัวออก เผยตัวต่อไวลด์แล้วดึงความสนใจของกัลและคนอื่น ๆ อีกสามคนทันที
“ลอบโจมตีอีกแล้วเหรอ?!”
ในฐานะนักเวทนอกระบบที่มีประสบการณ์ต่อสู้หลายต่อหลายปี กัลจึงมีปฏิกิริยาฉับพลันและประเมินความแข็งแกร่งของศัตรู เขาผงะไปเมื่อเขาค้นพบมัน การลอบโจมตีนี้เตรียมไว้ให้คนระดับภัยพิบัติหรือไง? ไม่ใช่ว่านี่สุดขั้วเกินไปหน่อยเหรอ?!
ในฐานะคนที่คุ้นเคยกับการถูกไล่ล่า เขาสะดุ้งอย่างตระหนก คิดว่าการจัดกำลังลอบโจมตีเขาครั้งนี้เป็นการทำเกินไป แล้ววินาทีต่อมาเขาก็ตระหนักได้ว่าพวกเขามาล่าไวลด์ต่างหาก!
ดวงตาของกัลเบิกกว้าง ตำแหน่งในสนามรบในตอนนี้กลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว กำลังหลักของหอพิธีกรรมต้องห้ามปะทะกลุ่มสี่คนของกัล ฟรานซิสกับอัศวินทั้งแปดปะทะเกรดี้
เขาคว้าสัตว์ประหลาดตัดต่อหลายตนมาไว้ข้างตัวในทันทีเพื่อป้องกัน แล้วจากนั้นก็พุ่งเข้าใส่พวกฟรานซิส
เหยี่ยวราตรีและอีกสองคนที่เหลือทำได้แต่เบิกตาค้างมองอย่างตกใจ
ไหงเจ้าคนเจ้าเล่ห์อย่างเขาที่มักจะหลบหลังคนอื่นเปลี่ยนเป็นโหมดโหดได้ขนาดนั้นกัน?
“เป็นการลอบโจมตีจริง ๆ ด้วย!” ไวลด์ยิ้มเยาะ แต่ไม่ได้มีท่าทีตกใจเลยสักนิด
มันเดาได้ไม่ยากเลย ถ้ามีพวกที่เลือกจะเผชิญหน้ากันตรง ๆ ถ้าอย่างนั้นมันก็ย่อมมีคนอื่น ๆ ที่ชอบลอบเข้าหามากกว่าอยู่แล้ว
ศาสตร์แห่งการตบตา?
ที่จริงแล้วมันก็ไม่ใช่แผนที่แย่อะไร แต่น่าเสียดายที่ไวลด์ไม่ใช่แค่นักเวทสายวิชาการดาษ ๆ แต่เป็นเพชฌฆาตผู้โชกโชนการรบมาแล้วนับร้อย
ยิ่งกว่านั้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้ต้องอยู่ภายใต้การคำนวณของเจ้าของร้านหลินด้วยแน่ ๆ
ในเมื่อเขาบรรลุภารกิจและในที่สุดก็ก้าวข้ามความเศร้าจากการเสียลูกศิษย์ไปติด ๆ กันแล้ว เจ้าของร้านหลินคงจะสังเกตเห็นความคาใจอย่างเดียวที่เหลืออยู่ในตอนนี้ของเขาแล้วแน่ ๆ!
“ไม่เจอกันนานเลยนะ…โจเซฟ!”
ไวลด์หันดวงตาสีเขียวที่ฉายประกายวาบหลังหน้ากากของเขามองไกลออกไป แล้วสบเข้ากับสายตาของโจเซฟที่ไม่ได้พบกันเสียนาน
หลังจากสองปีที่ยาวนาน ทั้งคู่ที่ ‘หมกมุ่น’ กับเรื่องของอีกฝ่ายก็ได้มาพบกันอีกครั้งเสียที
โจเซฟยืนบนหลังคาแล้วตบหลังคล็อดเบา ๆ
สายตาที่คุ้นเคยแต่ก็แตกต่างออกไปประสานกันโดยไร้การสื่อสารด้วยวาจา แต่ทั้งคู่ต่างก็เข้าใจความคิดและเจตนาของอีกฝ่าย
เขาแข็งแกร่งกว่าเมื่อสองปีก่อน! x2
แต่ฉันก็เหมือนกัน! x2
การสบตานั้นกินเวลาแวบเดียว
ในตอนนี้ โจเซฟเข้าใจได้ทันทีว่าการรับมือและจับกุมไวลด์ที่นี่มันเป็นไปไม่ได้แล้ว ความแข็งแกร่งของศัตรูของเขาแข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้ตอนแรก และแผนซุ่มโจมตีในตอนนี้ก็ไร้ประสิทธิภาพโดยสิ้นเชิง
ในตอนนี้ ไวลด์ก็เข้าใจแล้วว่าบททดสอบที่ถูกขัดขวางนั้นไม่สามารถทำให้ลุล่วงได้อีกต่อไป เขาเห็นได้ว่าแสงสว่างได้กลับมาในดวงตาของศัตรูของเขา ไม่ว่าพวกเขาจะสู้กันหรือไม่ เขาก็กลัวแค่ว่าจะเป็นการรบกวนเจ้าของร้านหลินเท่านั้น
แต่มันไม่เป็นไรหรอก เจ้าพวกเจ็ดแปดคนจากหอพิธีกรรมต้องห้ามร่อแร่ไปแล้ว ในขณะที่พวกกัลก็นับว่าแสดงได้ดี ไวลด์ในตอนนี้สามารถระบุข้อผิดพลาดของแต่ละคนได้แล้ว ดังนั้นวัตถุประสงค์ของบททดสอบนี้ก็นับว่าได้รับการเติมเต็มแล้ว
ไวลด์ผิวปาก และเกรดี้ก็ตอบสนอง มันกวาดคนทั้งทีมหายไปในพริบตา
การต่อสู้จบลงอย่างกะทันหัน
โจเซฟรับหน้าที่ต่อจากคล็อดแล้วนำทีมปฏิบัติการเก็บกวาดสนามรบ รวมไปถึงช่วยพวกฟรานซิสที่ยังช็อกและบาดเจ็บสาหัสด้วย
คล็อดเล่าข้อสันนิษฐานของตนเองให้อาจารย์ของเขาฟัง
โจเซฟส่ายหน้าแล้วตอบ “ถ้าเป็นอย่างนั้น เจ้าของร้านหลินคงไม่แม้แต่จะให้โอกาสเรากลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้งแล้วล่ะ”
คล็อดตัวแข็งทื่อ แล้วถามอย่างลังเลเล็กน้อย “แล้ว?”
โจเซฟจ้องร้านหนังสือที่ห่างออกไปแล้วพูดต่อ “เห็นได้ชัดเลยว่าเจ้าของร้านหลินอยากให้ฉันกับไวลด์เปิดศึกกัน แล้วเขาก็จะเลือกฝึกผู้ชนะให้เข้าสู่ระดับเหนือนภา!”