บทที่ 250 : ปกป้องสิ่งที่ดีที่สุด…เจ้าของร้านหลิน
พรีม่าวางตำราโอสถบรรพกาลลงแล้วแอบมองหลินเจี๋ยที่ยังคงอ่านหนังสืออยู่
แอนดรูว์จากไปสักพักแล้ว
เมื่อไม่มีลูกค้า ร้านหนังสือก็กลับไปเงียบสงบอย่างเคย ความสงบสุขของที่นี่ดูราวกับว่าเป็นการแยกตัวออกจากโลก
เสียงเซ็งแซ่ของโลกภายนอกไม่เกี่ยวอะไรกับที่นี่เลย
ชายหนุ่มผู้กำลังจดจ่อพลิกหน้าหนังสือในมือเขา ศีรษะของเขาก้มลงเล็กน้อย และก็ให้ความรู้สึกราวนักวิชาการ หลินเจี๋ยเหมือนนักศึกษาธรรมดาไร้พิษภัยคนหนึ่งที่กำลังเรียนหนังสืออยู่ในหอคอยงาช้าง และดูไม่เหมือนใครสักคนที่เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยเลย
ยิ่งกว่านั้น เขายิ่งดูไม่เหมือนเจ้าของร้านหนังสือผู้ลึกลับและแข็งแกร่งซึ่งเป็นผู้ถือครองความรู้ต้องห้ามมากมายเลยสักนิด
เขาดูอ่อนวัยเกินไปและเป็นชายนิสัยดีมากที่เชี่ยวชาญในการดูแลผู้อื่นจริง ๆ…
นี่คือความคิดที่พรีม่าเคยคิดมากกว่าหนึ่งครั้ง
ถึงแม้ว่าเธอจะเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ไม่กี่วัน แต่เด็กสาวก็ยังสัมผัสได้ว่าเจ้าของร้านหนังสือเป็นชายผู้ ‘เป็นมิตรและเข้าถึงง่าย’ เมื่อมามองใกล้ ๆ
เขาใจดีและอบอุ่นราวกับเพื่อนบ้านข้าง ๆ
ซึ่งนี่คือเหตุผลที่ผู้คนมักจะคิดว่าเจ้าของร้านหนังสือ “เป็นแค่คนธรรมดา” จริง ๆ
แต่เมื่อสายตาของเธอเลื่อนไปที่เจ้าแมวอ้วนสีขาวใกล้ ๆ มือชายหนุ่มและแหวนสองวงบนนิ้วของเขาแล้ว ความคิดเช่นนั้นก็ถูกไล่เปิดเปิงไปทันที
นอกจากนั้น…แม้แต่รองประธานสมาคมแห่งสัจธรรม บุคคลผู้ทรงอิทธิพลที่พี่สาวของเราพูดถึงบ่อย ๆ ยังมาพบเจ้าของร้านหลินเพื่อขอโทษด้วยตนเองเลย
พรีม่าอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตัวสั่นขึ้นมาเมื่อเธอระลึกได้ว่าเห็นอะไรมาบ้าง
แอนดรูว์ดูราวกับว่าเขาถูกบางอย่างที่มองไม่เห็นสิงสู่…หนังสือเล่มนั้นต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ ๆ
อย่างเค้าโครงในมือของเธอนี่ก็ด้วย มันไม่ได้มีแค่คำอธิบายของสมุนไพรต่าง ๆ มันยังมีวัตถุดิบที่สูญหายไปแล้วถูกผนึกเอาไว้ด้วย
สมุนไพรยาพวกนั้น ‘งอกเงย’ และ ‘มีชีวิต’ อยู่ในหนังสือ และกระทั่งมีสติของมันเองอยู่ในหนังสือด้วย
หนังสือทุกเล่มในร้านหนังสือต่างเหนือธรรมดาทั้งนั้น
ดังนั้นเจ้าของร้านหนังสือจะเป็นคนธรรมดาไปได้อย่างไร?
แล้วกล่องสีเงินนั่น เราแน่ใจว่ามันต้องเป็นสมบัติลับในตำนานประจำตระกูลของรองประธานแอนดรูว์ ‘หนอนเฟืองนาฬิกา’ แน่ ๆ ในเมื่อเขาต้องเอาสมบัติชิ้นสำคัญของตระกูลมากำนัลต่อเจ้าของร้านหลิน มันก็คงเป็นเพราะก่อนหน้านี้เขาต้องทำอะไรล่วงเกินเจ้าของร้านหลินมาแน่นอน
จากอีกมุมมองหนึ่ง การที่รองประธานแอนดรูว์มาขอโทษพร้อมของขวัญสำคัญขนาดนี้ มันต้องหมายความว่าถ้าพวกเขาไม่ได้รับการอภัย ทั้งตระกูลของเขาต้องประสบเรื่องอะไรที่ร้ายแรงกว่าการเสียหนอนเฟืองนาฬิกาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
…พอคิดแบบนี้แล้ว ทำไมดูเหมือนเจ้าของร้านหลินกลายเป็นตัวร้ายไปเลยล่ะ?
…เดี๋ยวนะ ไม่สิ อย่าบอกนะว่า…?
แม่สาวน้อยที่ใจลอยไปไกลลิบพลันดูเหมือนได้ประสบสัจธรรม แล้วใบหน้าของเธอก็แข็งค้าง
ถ้าเจ้าของร้านหลินเป็นคนร้ายจริง ๆ เรื่องที่อธิบายไม่ได้พวกนั้นก็ดูสมเหตุสมผลขึ้นมาหมดเลย
พรีม่าแอบชำเลืองมองหลินเจี๋ยอย่างระวัง มีเพียงเสียงเล็ก ๆ ในใจเธอเท่านั้นที่ยังอยากปลอบตัวเองว่าหลินเจี๋ยเป็นคนดี แค่ว่าวิธีการของเขาออกจะ…แปลกไปสักหน่อย
เจ้าแมวนี่อาจจะแค่น่าเกลียด ความผิดปกติของแอนดรูว์ก็อาจเป็นแค่คิดไปเอง และเป็นเรื่องปกติที่หนังสือที่เป็นวัตถุเหนือธรรมชาติจะแปลกไปสักนิด…
เมื่อสังเกตเห็นสายตาของพรีม่า หลินเจี๋ยก็เงยหน้าขึ้นมาถาม “พรีม่า เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”
เขาปิดหนังสือที่อ่านอยู่อย่างทะนุถนอม การเคลื่อนไหวของเขาอ่อนโยนเสมอเมื่อจัดการกับหนังสือ เพราะนี่คือความเคารพพื้นฐานต่อความรู้
แต่ถ้ามันเป็นหนังสือเพื่อการซื้อขาย บางทีหลินเจี๋ยอาจจะรุนแรงกับมันกว่าปกตินิดหน่อย
พรีม่าส่ายหน้าแล้วโบกมือพัลวัน “ไม่…ไม่มีอะไรค่ะ” เธอว่า “ฉันแค่คิดถึงพี่สาวค่ะ…”
“อย่างนี้เอง”
หลินเจี๋ยวางหนังสือลงแล้วพยักหน้า จากนั้นก็พูดอย่างจนใจ “ผมเพิ่งขอให้คุณแอนดรูว์ช่วย มันคงเป็นไปไม่ได้ถ้าจะให้เจโรมสารภาพผิดออกมาทันที ผมเข้าใจความกังวลของคุณนะครับ เพราะถึงอย่างไรสถานการณ์ตอนนี้ของพี่สาวคุณก็อาจจะอันตรายมากก็ได้ และเธออาจจะได้ประสบมันเข้าแล้ว”
“แต่คุณก็ต้องเข้าใจนะครับว่ากระวนกระวายไปก็เท่านั้น มันรังแต่จะกวนจิตใจและขวางการฟื้นตัวจากแผลของคุณด้วย สิ่งที่คุณต้องทำคือรักษาความเยือกเย็นไว้แล้วรออย่างใจเย็นครับ เพื่อที่คุณจะสามารถพบศัตรูที่คุณเกลียดในตอนที่คุณแข็งแกร่งที่สุด แล้วตบมันให้หนักได้”
“เข้าใจไหมครับ?”
พรีม่าฟังคำชี้นำของหลินเจี๋ยแล้วพยักหน้ารัว ๆ ราวกับลูกไก่จิกข้าวสาร
เห็นเช่นนี้ หลินเจี๋ยก็ยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น พึ่งพาได้และอ่อนโยน “ผมขอให้แอนดรูว์โทรหาผมทันทีที่เขาได้ข่าวอะไร วางใจไว้ได้เลยว่าคุณจะได้รับข่าวทันทีที่มีนะครับ ทุกอย่างที่คุณต้องทำก็แค่ดูแลตัวเองก็พอ”
พรีม่ารู้สึกอบอุ่นขึ้นภายในใจเมื่อได้ยินเช่นนี้ “ขอบคุณนะคะ”
วิธีการของเจ้าของร้านหลินแปลกไปสักหน่อย แต่เขาไม่ใช่คนน่ากลัวอย่างแน่นอน ถึงยังไงเขาก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับท่านหญิงวัลเพอร์กิส ดังนั้นเขาต้องใจดีอยู่แล้ว!
พรีม่ากำหมัดน้อย ๆ ของเธอและมีความเชื่ออันมั่นคง
“ยินดีครับ การช่วยให้โลกอ่อนโยนขึ้นเป็นความปรารถนาส่วนตัวเล็ก ๆ ของผมครับ” หลินเจี๋ยตอบด้วยรอยยิ้ม
พรีม่าผู้ที่ปกติจะอ่อนแอและขี้กลัว แต่ตอนนี้รู้สึกอยากลุกขึ้นมาปกป้องหลินเจี๋ย
ถึงแม้ว่าเธอจะรู้อยู่แล้วว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน แต่เธอก็มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะปกป้องรอยยิ้มนั้นของเขาไว้!
เจ้าของร้านหลินใจดีจัง เขามีหัวใจที่ซื่อตรงจริง ๆ แต่โลกนี้โหดร้ายเสมอ…
เธออยากจะแข็งแกร่งขึ้นเหมือนเจ้าของร้านหลิน และบรรลุความปรารถนาอันเล็กจ้อยนี้!
พรีม่าหมายมาดในใจ
ในขณะที่เธอมัวแต่จมอยู่ในความคิดอุดมคติของเธอ อุปกรณ์สื่อสารของเจ้าของร้านหลินก็ดังขึ้นกะทันหัน
หลินเจี๋ยหยิบมันออกมาแล้วเห็นชื่อของแอนดรูว์แสดงอยู่ เขาเลิกคิ้วแล้วพึมพำ “พูดถึงก็มาเลย ดูเหมือนจะมีความคืบหน้านะครับ”
พรีม่าเด้งมาที่เคาน์เตอร์ อยากรู้เต็มแก่ว่าพี่สาวของเธอเป็นอย่างไรบ้าง
เจ้าของร้านหลินอยากให้แอนดรูว์พาเจโรมมา สงสัยจังว่าจะราบรื่นดีไหม จะมีอะไรเกิดขึ้นไหมนะ? พี่สาวฉันล่ะเป็นไงบ้าง?
หลินเจี๋ยส่ายหน้าเมื่อเห็นท่าทีสิ้นหวังบนใบหน้าของพรีม่าแล้วส่งอุปกรณ์สื่อสารไปให้เธอ “ถามเขาเองได้เลยครับ”
พรีม่ารับอุปกรณ์สื่อสารมาอย่างประหม่า เธอหายใจลึก ๆ ก่อนจะรับสายแล้วแนบมันเข้ากับหูของเธอ
เสียงของแอนดรูว์จากอุปกรณ์สื่อสารมันสั่น ๆ “คุณหลินครับ…เจโรมตายแล้วครับ! เขาตายในห้องทำงานโดยไม่มีสาเหตุ คอของเขาโดนหัก แล้วสมอง…อวัยวะภายใน…กระดูกและเนื้อของเขาก็โบ๋หายไปหมดเลยครับ…เหลือแต่หนังของเขาที่เหลือให้เห็น แล้วเขาก็ดูเหมือนไปเห็นอะไรที่น่ากลัวด้วย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกลัวและอารมณ์รุนแรงครับ”
“แล้วข้าง ๆ เขาก็มีแค่ศิลานักปราชญ์คุณภาพเกือบสมบูรณ์ชิ้นหนึ่งเท่านั้น”
เสียงของเขาสั่นขึ้นเรื่อย ๆ แล้วเขาก็ต้องพักหายใจยาว ๆ หลายทีก่อนจะพูดต่อได้ “ผมยังจำคำสั่งของคุณได้นะครับ… ผ…ผมจะพา ‘เขา’ มาหาคุณครับ”
คำพูดของหลินเจี๋ยสะท้อนในหูของพรีม่า “มันคงเป็นไปไม่ได้ถ้าจะให้เจโรมสารภาพผิดออกมาทันที…”
สาวน้อยตะลึงไป
มันคงเป็นไปไม่ได้ถ้าจะให้เจโรมสารภาพผิดออกมาทันทีจริง ๆ ด้วยนั่นแหละ
แต่เขาตายได้ทันทีเลย