บทที่ 253 : การเพิกเฉยของพระเจ้าคือภูมิปัญญา
ผ่านมาเกือบเดือนแล้วตั้งแต่ที่ฮู้ดไปร้านหนังสือแล้วมอบหนังสือยุคมืด: การรุ่งเรืองและการล่มสลายของอัลฟอร์ดที่เขานำออกมาจากคลังของสมาคมแห่งสัจธรรมให้กับหลินเจี๋ย
ทว่าค่ำคืนที่แปลกประหลาดนั้นก็ยังคงสดใหม่อยู่ในใจของเขา
นั่นคือค่ำคืนที่เปลี่ยนชีวิตของเขาไป นับตั้งแต่เห็นประกายดาบวาววับของเขาจนถึงตอนที่ตัวเองได้รับเกียรติให้ล้วงลึกเข้าไปในวิญญาณของผู้ชายคนนั้น
สิ่งที่ฮู้ดรู้สึกในระหว่างประสบการณ์นั้นยากจะบรรยาย มันราวกับว่าชั้นหมอกที่รายล้อมโลกนี้อยู่ได้ถูกดึงออกไปกะทันหันในตอนนั้น
ทุกอย่างถูกเปิดเผย ทุกอย่างจากในอดีตกลายเป็นหยาบกระด้างและผิดแปลกปลอม และจากนั้นมาความจริงก็มีเพียงสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขา
เพราะเช่นนั้นเอง ตัวเขาจึงเบิกตากว้างมองไปที่ชายคนนั้น
ความคิดที่ชัดเจนถูกฝังเข้าไปในใจของเขา
นี่คือตัวตนที่เขาต้องติดตามและมอบศรัทธาให้ อีกฝ่ายคือพระเจ้าและนายเหนือของเขา!
นับตั้งแต่ตอนที่เขาได้เฝ้ามองวิญญาณของเจ้าของร้านหนังสือโดยตรงเป็นต้นมา ฮู้ดก็แน่ใจแล้วว่าวิญญาณของตัวเองถูกปนเปื้อนและเปลี่ยนไปเป็นสิ่งที่ตัวเขาเองก็ถอดรหัสไม่ได้
ในขณะเดียวกัน ความผิดปกติในวิญญาณของฮู้ดก็แพร่ไปยังเลือดเนื้อและร่างกายของตัวเองอย่างพร้อมเพรียง ทำให้ดวงตาที่สามเกิดขึ้นมาที่แสกหน้าของเขา…จากมุมมองหนึ่งแล้ว ฮู้ดในตอนนี้ก็รู้สึกราวกับเขาได้เปลี่ยนเป็นสัตว์ประหลาดไป และเรียกตัวเองว่าเป็นมนุษย์ไม่ได้แล้ว
เรื่องนี้หยุดเขาไม่ให้เชื่อว่าเป็นของขวัญจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้เลย นี่ก็แค่ราคาที่เขาต้องจ่ายเพื่อพลังอันยิ่งใหญ่เท่านั้น
เขาเรียกดวงตาที่สามนี้ว่า ‘ดวงตาพหูสูต’ เพื่อแทนความปรานีที่องค์มหาเทพผู้นี้ประทานแก่เขา
ด้วยดวงตานี้ ฮู้ดจึงสามารถหยั่งความคิดของคนอื่น และกระทั่งควบคุมจิตใจของคนอื่น ๆ ได้เพียงแค่สบตา
ฮู้ดรู้ว่าตัวเองต้องทำอะไร นายเหนือหัวของเขามอบพลังนี้ให้กับเขาเพื่อให้ตัวเองเผยแพร่นาม ‘ของเขา’ ออกไปอีก แล้วทำให้คนอื่น ๆ เชื่อในปัญญา ‘ของเขา’ มากกว่านี้!
และเพราะเช่นนั้น ฮู้ดจึงไม่อาจทำให้ความคาดหวังของนายเหนือของตัวเองสูญเปล่าได้ และในขณะเดียวกัน มันก็เป็นความเชื่อของเขาเองด้วยเช่นกัน!
การเชื่อในสัจธรรมเป็นแค่เรื่องโป้ปด มีเพียงความศรัทธาในปัญญาเท่านั้นที่ยั่งยืน!
ในฐานะของสมาชิกสมาคมแห่งสัจธรรมและหลานชายประธานมาเรีย ฮู้ดจึงต้องแก้ความผิดใหญ่ยักษ์นี้!
เหล่านักวิชาการในสมาคมแห่งสัจธรรมทั้งหมดต่างเดินผิดทาง และตอนนี้นายเหนือจะช่วยพวกเขาจากหล่มที่พวกเขาก้าวลงไป!
สุดยอดอะไรเช่นนี้!
ดังนั้น ถึงแม้ว่าเจ้าของร้านหลินจะไม่ได้ให้คำสั่งใด ๆ แต่ ‘ผู้แสวงหาปัญญา’ ของฮู้ด กลุ่มวัยรุ่น ‘ผู้แสวงหาความจริง’ พวกนั้นที่ได้เปลี่ยนชื่อตัวเองนับแต่ไปเยือนร้านหนังสือแล้ว…ก็ขยายตัวมานับแต่นั้น
แน่นอนว่าในความเห็นของฮู้ด การเพิกเฉยของนายเหนือหัวของเขาก็เป็นภูมิปัญญา
นี่เป็นบททดสอบความสามารถและความตระหนักรู้ของเขาชัด ๆ
ถ้าต้องจับมือเขาทำโน่นนี่ตลอดเวลา นายเหนือหัวก็จะทำเองก็ได้ แล้วฮู้ดจะมีประโยชน์อะไรล่ะ?
วัตถุประสงค์ของนายเหนือหัวต้องเป็นการฝึกฝนเขาด้วยประสบการณ์จริง ทำให้เขาได้จับทางและชำนาญในการใช้วิญญาณ ร่างกายและพลังที่ได้มาใหม่พวกนี้แน่ ๆ
และเมื่อเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก ตอนนั้นเขาก็จะได้รับเลือกเป็นมือขวาของนายเหนือหัว
นายเหนือหัวไม่ต้องการตัวถ่วง!
ฮู้ดไม่กล้าแอบอู้ ส่วนใหญ่เป็นเพราะว่าองค์กรชื่อ ‘ลัทธิกลืนศพ’ ได้โผล่มาในช่วงนี้แล้วกลายเป็นองค์กรใหญ่ในหมู่องค์กรอาชญากรรมในนอร์ซินไปแล้ว และองค์กรอาชญากรรมเหนือธรรมชาติส่วนใหญ่ในนอร์ซินก็อยู่ในรายชื่อค่าหัวในสมาคมแห่งสัจธรรมด้วย
จำนวนสมาชิกใน ‘ลัทธิกลืนศพ’ ในปัจจุบันนั้นไม่แน่ชัด แต่เป็นที่รู้กันว่ามีบุคคลระดับสูงสวมหน้ากากสี่คนที่ค่อนข้างตื่นตัวที่ในอดีตเคยเข้าร่วมกับงานเลี้ยงโลหิต
และยังมีผู้นำอีกคนที่ไม่ค่อยปรากฏตัวและยังควบตำแหน่งมหานักบวชของ ‘นิกายกลืนศพ’ ด้วย
อีกทั้งฝ่ายนั้นมักจะถูกเห็นว่าใส่ชุดสูท สวมหน้ากากเหล็กสีดำและมี ‘สุนัข’ ตัวใหญ่ตัวหนึ่ง
จากรายงานต่าง ๆ แล้ว ผู้นำของกลุ่มนี้ก็คือนักเวทมนตร์ดำระดับภัยพิบัติ ‘บุรุษหน้ากากดำ’ ไวลด์จริง ๆ!
วิธีเลือกผู้ศรัทธาของพวกเขาง่ายและโหดร้ายอย่างเป็นเอกลักษณ์ พวกเขาจะบังคับให้คนที่พวกตนเลือกอ่านคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา: พิธีกลืนศพ พิธีกรรม และขนบธรรมเนียม
มีผลลัพธ์เพียงสองอย่างเท่านั้นที่รอคอยคนที่เห็นคัมภีร์เล่มนี้อยู่
อย่างแรกคือผู้อ่านจะกลายเป็นบ้าและตายทันที และปกติแล้วกะโหลกศีรษะมักระเบิดออก บางครั้งอาจมีการกลายพันธุ์อย่างน่าพะอืดพะอมเกิดร่วมด้วย
ในสถานการณ์อย่างที่สอง ผู้อ่านจะพบว่าพวกตนจมลงไปในความรู้ต้องห้ามมากมายมหาศาล แล้วก็ได้รับพลังอันยิ่งใหญ่มา พร้อมกันนั้น บุคลิกนิสัยของพวกเขาก็จะเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ แล้วกลายเป็นสาวกคลั่งศาสนาของ ‘ลัทธิกลืนศพ’ ไป
ด้วยวิธีคัดเลือกประสิทธิภาพสูงเช่นนี้ ‘ลัทธิกลืนศพ’ จึงสามารถจัดได้ว่าแย่ยิ่งกว่าแย่
การอ่านมันหมายความว่าต้องบ้าตายหรือกลายเป็นสาวกผู้ภักดี
ความแข็งแกร่งของมันไม่น่าเชื่อเลยจริง ๆ
แต่ทว่าเพราะขั้นตอนการคัดเลือกนี่แหละ ขอบเขตการปฏิบัติการของ ‘ลัทธิกลืนศพ’ จึงยังถือว่าเล็กและไม่ได้ดึงความสนใจคนหมู่มากเท่าไหร่นัก นี่จึงทำให้คนหลายคนตั้งคำถามต่อการมีอยู่ของพวกเขา
แน่นอนว่ายังมีพวกบ้าที่เต็มใจไปหาพวกเขาเพื่อรับการ ‘คัดเลือก’ เพื่อพิสูจน์ความแข็งแกร่งของจิตใจของตัวเองด้วย
คนพวกนี้ส่วนใหญ่มีความหวังว่าพวกเขาจะได้เข้าร่วมลัทธิด้วยโชค แล้วอาศัยบารมีของลัทธิกลืนศพเพื่ออยู่รอด
ส่วนผลของมันก็ชัดเจนในตัวเอง…
บางคนบอกว่าไวลด์เป็นผีร้ายที่กลับมาจากขุมนรก และทั้งหมดนี้เป็นการแก้แค้นโจเซฟและหอพิธีกรรมต้องห้ามที่ฆ่าเขาไปเมื่อสองปีก่อน ในขณะที่ ‘ลัทธิกลืนศพ’ เป็นเพียงฉากบังหน้า
ทว่าเหตุผลที่แท้จริงนั้นไม่ได้เกี่ยวกับฮู้ดน้อยไปกว่านี้อีกแล้ว
ไวลด์ก็แค่ช่วยนายเหนือหัวของตัวเองในการกระจายนิกาย ‘ของเขา’ เท่านั้นเอง
เพราะว่านักเวทมนตร์ดำผู้แข็งแกร่งคนนี้เป็นลูกค้าคนหนึ่งของร้านหนังสือ!
นิกายกลืนศพเพิ่งจะเริ่มแพร่กระจายอย่างบ้าคลั่งก็หลังจากตอนที่ไวลด์พาลูกน้องสี่คนที่ไม่อาจระบุได้มาหาเจ้าของร้านหลิน!
ฮู้ดแน่ใจว่าไวลด์เองก็ทำงานให้เจ้าของร้านหนังสือเช่นกัน นิกายกลืนศพคือเจตจำนงของหลินเจี๋ย!
นี่ก็หมายความว่า ‘นิกายกลืนศพ’ ที่ไวลด์สังกัดและ ‘ผู้แสวงหาปัญญา’ ของฮู้ดมีที่มาเดียวกัน!
ดังนั้นฮู้ดจึงวางใจได้มากขึ้นแล้ว นายเหนือของเขาต้องเฝ้ามองเขาอยู่ตลอดแน่ ๆ
ถึงแม้ว่าจะไม่เคยถูกพูดถึงอย่างชัดเจน แต่นายเหนือหัวได้สร้างคู่แข่งไว้ให้ตัวฮู๊ดโดยที่เขาไม่รู้
ถ้าก่อนหน้านี้เขามัวแต่อู้ ตอนนี้เขาต้องรู้สึกขายขี้หน้าแน่ ๆ
พวกเขาทั้งคู่ต่างก็เป็นลูกสมุนของเจ้าของร้านหนังสือ และทั้งคู่ต่างตั้งกลุ่มขึ้นมาในเวลาเดียวกัน กลุ่มไหนที่ใช้ไม่ได้จะโดนอีกกลุ่มหัวเราะเยาะตายแน่
นี่คือการเพิกเฉยของพระเจ้า เป็นภูมิปัญญาที่ยิ่งใหญ่โดยแท้จริงโดยไม่ต้องพูดจา! การแข่งขันคือแรงจูงใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด!
ฮู้ดประทับใจอย่างสุดซึ้งในปัญญาของเจ้าของร้านหนังสือ
และในเวลาเดียวกัน ตัวเองก็รู้สึกประหม่าและกังวล
เรื่องนี้ชวนให้ประสาทตึงเครียดดีแท้…ถึงอย่างไรไวลด์ก็มีความสามารถระดับภัยพิบัติ และเขายังมีชื่อเสียงอยู่พอที่จะรวบรวมคนได้ง่าย ๆ ต่อให้นิกายกลืนศพจะเพิ่งเริ่มเคลื่อนไหว แต่ไม่นานพวกเขาก็จะมีสาวกเต็มไปหมดถ้าดูจากความแข็งแกร่งที่บดขยี้ทุกสิ่งได้นั้น
ในขณะเดียวกัน…แล้วเราล่ะ? ในฐานะหลานชายประธานสมาคมแห่งสัจธรรม คนคงไม่ให้เกียรติเราอย่างเต็มใจนักหรอกต่อให้พวกเขาจะไม่กล้าล่วงเกินเราก็ตามที ‘ผู้แสวงหาปัญญา’ ของเราเพิ่งถูกก่อตั้งได้ไม่นาน แล้วเราก็ยังไม่ได้ประกาศถึงการมีอยู่ของมันเลย…
โครงสร้างของสมาคมแห่งสัจธรรมซับซ้อนเกินไป และเราก็ไม่ได้มีอำนาจมากขนาดนั้น…
หลังจากได้ยินเรื่องการตายอย่างกะทันหันที่อธิบายไม่ได้ของเจโรม ฮู้ดที่กำลังคิดหนักก็ตัดสินใจไปดูที่ที่เกิดเหตุ
ในระหว่างการเดินทางมาที่นี่ ในหมู่เหล่านักวิชาการที่รีบร้อน เขาก็อดคิดไม่ได้ ถ้าเราอยากเปลี่ยนสมาคมแห่งสัจธรรมเป็นฐานปฏิบัติการของ ‘ผู้แสวงหาปัญญา’ จริง ๆ เราก็ต้องหาใครสักคนที่เทียบกับไวลด์ได้ บางคนที่มีเสน่ห์ดึงดูด อำนาจและความเป็นผู้นำ
แล้วตอนนั้นเอง จากในหมู่ผู้คน เขาก็สบตาเข้ากับแอนดรูว์ที่เหมือนจะกำลังโทรศัพท์อยู่