บทที่ 25 : สกายวูล์ฟ
ตู้ม!
ตึกสูงถล่มเมื่อร่างหนึ่งถูกเหวี่ยงทะลุเข้าไปในนั้น ท่ามกลางสายฝนและซากปรักหักพังที่ร่วงหล่น ร่างนั้นพลันเปลี่ยนอิริยาบถกลางอากาศแล้วร่วงลงบนสิ่งปลูกสร้างที่ใกล้ที่สุดด้านข้าง
“เวรเอ๊ย พวกมันมีนักเวทด้วย!” เคย์ปรับสมดุลตัวเธอเองโดยการคว้าเข้าที่ท่อลอยแถวนั้น แล้วตะโกนเตือนจี้จือซู่ “ระวังสัตว์อัญเชิญ!”
บทเวทถูกร่าย ตามมาด้วยแสงสีม่วง
“ฟ่อออ”
อสรพิษยักษ์สยายปีกของมันแล้วทะยานขึ้นด้วยความเร็วที่น่าตกใจ เผยให้เห็นกรามโชกเลือดและเขี้ยวที่แหลมคม
จี้จือซู่หรี่ตาลง พร้อมกันนั้นก็ขว้างดาบไม้เท้าไปฝังเข้าที่กำแพงด้านข้าง
“ฟ่อ!”
ดวงตาสีเหลืองวาวโรจน์จับจ้องแน่วแน่ไปที่นักล่า ในขณะที่อสรพิษยักษ์งับคมเขี้ยวของมันเข้าใส่จี้จือซู่อย่างโหดเหี้ยม!
ขากรรไกรที่ฉกเข้ามากำลังงับลง ทว่ามันก็ต้องหยุดทันทีเมื่ออุ้งเท้าปุกปุยสีเงินคว้าเข้าที่กรามบนของเจ้างู กรงเล็บที่คมประดุจมีดเฉือนเข้าไปในเนื้อจนรื้นโลหิต อุ้งเท้าข้างที่สองเองก็ตรึงอยู่ที่กรามล่างของอสรพิษ
ด้วยแรงที่ใส่ลงไปจากทั้งบนและล่างในเวลาเดียวกัน ปากของเจ้าอสรพิษก็ค่อย ๆ ถูกฉีกออกจากกัน ร่างของมันซวนเซ ดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตาย ทว่านั่นก็ไม่ได้ช่วยอะไรเมื่อสุดท้ายมันก็ถูกฉีกออกเป็นสองส่วนจากตรงกลางอยู่ดี
เผละ! เลือดและเครื่องในของมันย้อมผนังเป็นสีแดง
“อะไรกัน?!” นักเวทผู้อัญเชิญสัตว์อัญเชิญก้าวเท้าถอยหลังอย่างตระหนก สีหน้าซีดขาว เขาร้องอย่างไม่อยากจะเชื่อ “มันเป็นไปได้ยังไง? เธอรักษาสติไว้ได้ยังไง ขณะกลายพันธุ์เดรัจฉานระดับนี้เนี่ยนะ? บ้าเอ๊ย ฉันนึกว่ามันเป็นแค่ข่าวลือซะอีก เฮริสน่าจะบอกเราก่อนสิถ้าเขารู้อยู่แล้ว เขาก็แค่หลอกใช้เราชัด ๆ!”
“แล้วมารู้เอาตอนนี้เราจะทำยังไงได้ล่ะ? เราอยู่ในสนามรบแล้วนะเฮ้ย!” นักเวทที่อยู่ข้างๆ กันร้องขึ้น “อย่าลนลานสิ! สายเลือดของสกายวูล์ฟกลัวไฟ!”
“แต่ตอนนี้ฝนตกอยู่นะ…”
“อย่าไปคิดมากสิ! เตรียมดินปืนเข้า! ถือให้ดี ๆ นะ หล่อนเป็นแค่ระดับสัตว์ประหลาด เรายังมีทางชนะอยู่!”
“โบร๋ว…” บนดาดฟ้า หมาป่าสีเงินขนาดใหญ่ราวกับภูเขาขนาดย่อมยืนด้วยขาหลังของมัน กรงเล็บชุ่มโชกด้วยเลือด เส้นขนพริ้วตามสายลม จับจ้องไปที่เหล่านักเวทด้วยดวงตาที่เฉียบคม เสียงผู้หญิงที่แหบพร่าลอดออกมาจากปากของมัน “พวกแกหนีไม่รอดหรอก!”
ห่างออกไป เคย์และมาร์คัสกลับลงสู่พื้น “คุณหนู…” พวกเขาพึมพำอย่างตื่นเต้น จ้องมองไปที่หมาป่าสีเงินผู้ซึ่งทั้งงดงามและอันตรายที่อยู่สูงขึ้นไป
จี้จือซู่ในขณะนี้ดูยังไงก็ไม่มีเค้าโครงของมนุษย์และกลายพันธุ์เดรัจฉานไปอย่างสมบูรณ์ ถ้าไม่ติดที่ว่าเธอยังสามารถพูดได้ นักล่าทั้งหลายที่เห็นเธอก็คงจะคิดว่าเธอเป็นสัตว์มายาที่แข็งแกร่งตัวหนึ่งเป็นแน่
นี่คือพลังที่เหล่านักล่าเฝ้าฝันถึง! เคย์มีลางสังหรณ์ว่านายหญิงน้อยของเธอจะนำมาซึ่งโลกใหม่ของเหล่านักล่า!
ทว่าใครกันนะที่เป็นผู้อาศัยลึกลับบนถนนซอย 23 ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ให้เกิดกับคุณหนูของเธอ? เขามีจุดประสงค์อะไรกัน?
“อย่าไปคิดถึงมันให้มากนักเลย” มาร์คัสหยุดขบวนความคิดของเคย์แล้วตบบ่าของเธอ จากนั้นก็พูดต่อ “เราก็แค่ติดตามเธอไปแล้วแบ่งปันเกียรติยศที่ตามมาก็พอ”
เคย์ผ่อนลมหายใจช้า ๆ ขณะที่นิ้วของเธอคล้ำลงเป็นเฉดสีดำ “นายพูดถูกที่สุด ไปกันเถอะ สงครามนี้ยังไม่จบ”
ทั้งสองคนเปลี่ยนเป็นเส้นเบลอ พุ่งทะยานด้วยความเร็วสูงไปยังจุดที่พวกนักเวทอยู่
ด้วยดินปืนในมือ พวกนักเวทร่ายคาถาไฟ
“คาถาไฟ – เพลิงปะทุ!”
ข้างหลังพวกเขา อีเธอร์ควบแน่นเป็นเปลวเพลิงขนาดใหญ่ ลูกบอลไฟสีขาวแปรเปลี่ยนเป็นห่าฝนแห่งไฟที่พุ่งตรงไปยังจี้จือซู่
หมาป่าเงินกู่คำรามแล้วกระโดดหลบ ใช้สี่เท้าวิ่งหลบหลีกมวลกระสุนไฟที่พุ่งเข้ามา ลูกศรเพลิงอีกชุดหนึ่งปักลงบนพื้นข้าง ๆ เธอ เกิดเป็นระเบิดที่ทำให้เธอสะดุดและเผาเส้นขนจนเกรียมไปบางส่วน
เวทเพลิงยังคงกระจายตัวตกกระหน่ำ ละลายสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ใกล้เคียงจากความร้อนสูงลิบ
จี้จือซู่กู่ร้องด้วยความเจ็บปวด แม้ว่าแผลบนร่างกายของเธอจะเริ่มสมานกันในระหว่างที่วิ่งชนบ้านเรือนอย่างเอาเป็นเอาตายแล้วซ่อนตัวในม่านฝุ่นควันท่ามกลางเศษซากก็ตาม
เธอรู้ดีว่าพวกนักเวทที่มาไม่ได้อ่อนแอ ทั้งสามคนเป็นนักเวทตัวเอ้ระดับสัตว์ประหลาดกันทั้งนั้น
ใครมันจะคิดว่าพวกนักเวทที่เอาแต่ดูถูกนักล่ามาโดยตลอดจะร่วมมือกับนักล่าสักคนกันล่ะ?
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอได้รับของขวัญและคำแนะนำจากคุณหลินแล้วล่ะก็ จี้จือซู่ก็คงจะถูกฆ่าไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
เฮริสนั้นสมแล้วกับที่เป็นหัวหน้ากลุ่มนักล่าขนาดใหญ่ แรกสุดเลย เขาทรยศคาจิที่เป็นรองหัวหน้าก่อนที่จะร่วมมือกับนักเวท ซ้ำร้าย เจ้านั่นคงยังแอบอยู่เบื้องหลังที่ไหนสักที่ท่ามกลางความวุ่นวาย
แต่มันไม่สำคัญ บนฟ้านั้น ‘เจตจำนงแห่งเหล็กกล้า’ ลอยอยู่เหนือเธอ ครอบคลุมทั้งอาณาบริเวณ …เธอพบตำแหน่งของเฮริสแล้ว!
บทเวทบทที่สองของพวกนักเวทถูกร่ายไปจนจะถึงจุดจบแล้ว เปลวเพลิงสีขาวขนาดยักษ์วูบไหวไปมา ก่อนที่จะกลายเป็นรูปลักษณ์ของหอกที่หมุนเป็นเกลียวยาวประมาณสามเมตร
“คาถาไฟ – หอกแห่งคาเทีย!”
ฟ้าว
หอกที่สร้างจากเพลิงพิสุทธิ์ที่หมุนวนนั้นพุ่งออกไป เกิดเป็นคลื่นเสียงที่สลายหยาดฝนกลายเป็นหมอกไปในพริบตา
ในจังหวะนี้ เคย์และมาร์คัสลอบโจมตีเข้าจากด้านหลังได้สำเร็จ เหล่านักเวทนั้นปวกเปียกหากต้องต่อสู้ระยะประชิด และนั่นย่อมหมายความว่านักเวททั้งสามถูกสังหารลงในพริบตา! นักล่าทั้งสองหันกลับไปเห็นหอกเพลิงพิสุทธิ์ปะทะเข้ากับร่างใหญ่โตของหมาป่าสีเงินแล้วระเบิดออก
ตู้ม!
“คุณหนู!”
—
เฮริสล้วงมือเข้าในกระเป๋า มองทัศนียภาพของเมืองที่ถูกครอบด้วยคาถาเขตแดน เปลวเพลิงวูบไหวกลางสายฝน เสียงระเบิดตูมตามคล้ายเสียงอสนีบาตที่อู้อี้ดังจากทุกทิศทั่วเขตแดน ท่ามกลางสถานการณ์ที่ฝนเทลงหนักขนาดนี้ ไม่มีใครมามัวสนใจเสียงรบกวนพวกนี้หรอก
การต่อสู้น้อยใหญ่แบบนี้มีให้เห็นในเมืองนอร์ซินหลายต่อหลายครั้ง
ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสิ่งก่อสร้างในการต่อสู้นี้จะถูกลบเลือนโดยพายุฝน และเมื่อรุ่งอรุณมาถึง คราบเลือดทั้งหลายย่อมถูกชะล้างหายไปหมดแล้ว
เฮริสนั้นดูเหมือนชายวัยกลางคนที่มีบุคลิกภูมิฐาน มีริ้วรอยแห่งวัยที่บริเวณหางตาและเส้นผมสีดอกเลาปนเปไปด้วยเส้นผมหงอกขาว ทำให้เขาดูเข้มงวดและเย็นชา
ข้างหลังเขา ชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่พร้อมร่มหนึ่งคัน
“อูริ มีใครสักคนกำลังช่วยเธออยู่” เฮริสพึมพำ “ฉันไม่ยักรู้ว่าจะมีคนแบบนี้อยู่ในนอร์ซินด้วย ควบคุมการกลายพันธุ์เดรัจฉาน… แม้กระทั่งไวลด์ยังจนปัญญากับเรื่องพรรค์นี้ด้วยซ้ำ”
“อืม” ชายหนุ่มถือร่มส่งเสียงในลำคอเป็นการตอบรับ
“นายได้เจอไวลด์บ้างไหม?”
“ไม่เลย”
“ไปหาเขาบ้างนะ ยังไงเสียเขาก็เป็นอาจารย์ของนาย สายจากหอพิธีกรรมต้องห้ามบอกฉันอยู่ว่าเขาปรากฏตัวที่ถนนซอย 23 บางทีเขาอาจจะรู้อะไรบ้างก็ได้”
“ได้”
“แล้วก็…” เฮริสถูกขัดจังหวะกลางคัน
“กรร!!”
รอยแตกขนาดเล็กของอีเธอร์ปรากฏขึ้นกลางอากาศพร้อมกับหมาป่าสีเงินที่กระโจนออกมา มันขยับเร็วเสียจนมองเห็นเป็นเพียงเส้นสีเงิน
นั่นคือจี้จือซู่
เลือดของสกายวูล์ฟสูบฉีดไปทั่วร่างกายของเธอ และด้วยการกลายพันธุ์เดรัจฉานระดับสูงขนาดนี้ทำให้เธอได้รับมาซึ่งอัตลักษณ์ของสัตว์มายา
หนำซ้ำ สัตว์มายาสกายวูล์ฟนั้นยังขึ้นชื่อด้านการเคลื่อนไหวผ่านมิติและเวลาอีกด้วย!
เจตจำนงแห่งเหล็กกล้านั้นมอบความสามารถการคาดการณ์ไกลให้กับเธอในระดับหนึ่ง ในพริบตาที่หอกเพลิงนั้นกำลังจะโจมตี หญิงสาวพลันกระโดดข้ามมายังพิกัดที่เธอจับจ้องอยู่แทน!