บทที่ 277 : โชคชะตาทำให้ฉันให้โอกาสนาย
ในห้องทำงานชั้นสอง
ออสวาลด์ดูกระอักกระอ่วน สีหน้าของเขาคาดเดาไม่ได้
เขานั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะพร้อมการ์กอยล์ที่เหมือนจะพังแล้วถูกประกอบขึ้นมาใหม่ อีกทั้งยังมีมีดอีกเล่มหนึ่งตรงหน้าเขา
การ์กอยล์ทั้งตัวดำมืดและเต็มไปด้วยรอยร้าว มีเพียงดวงตาสีเลือดทั้งสองที่ฉายแววประกายชั่วร้ายอันสื่อถึงความไม่ธรรมดาของรูปสลักนี้
มันไม่ธรรมดาจริง ๆ
มันคือปะติมากรรมชั่วร้ายที่บรรจุดวงวิญญาณกว่าพันดวงเอาไว้ เมื่อมันถูกใช้งานก็จะเทียบได้กับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติในจุดสูงสุดของขั้นสัตว์ประหลาด และถือได้ว่าเป็นวัตถุที่แข็งแกร่งมาก
และผู้สร้างการ์กอลย์ตัวนี้ นักเวทมนตร์ดำคนนั้นก็อยู่ในขั้นกลางของระดับสัตว์ประหลาดในตอนนั้น เห็นได้ชัดว่าเขามีความสามารถขนาดไหนในการสร้างวัตถุเวทมนตร์
ใช่แล้ว ฐานะของผู้สร้างรูปสลักนี้ไม่ธรรมดาโดยแท้จริง
บุรุษหน้ากากดำ…ไวลด์!
ออสวาลด์อดไม่ได้ที่จะย้อนคิดถึงก่อนหน้านี้ ในตอนที่เขารู้ว่าหลานชายของตัวเองทำเรื่องโง่ ๆ อะไรลงไป และเมื่อนึกถึงความสำคัญที่หอพิธีกรรมต้องห้ามมองร้านหนังสือจากที่ประชุม เขาก็แทบหัวใจวายตายแล้วลังเลระหว่างยอมรับชะตากรรมหรือต่อต้านมัน
ในตอนนั้น โจเซฟยังไม่เริ่มสืบสวน หรือก็คือ จากอำนาจที่ออสวาลด์สั่งสมมา เขาก็สามารถทำลายหลักฐาน ยื้อเวลาแล้วต่อสู้กับโจเซฟได้
อย่างน้อยก็ไม่ได้เป็นเหมือนตอนนี้ที่เขาไม่มีวี่แววว่าจะต่อต้าน แต่เมื่อหลายวันก่อน เขาตรงดิ่งไปที่บ้านเกิดของเขา
เหตุผลสำหรับสถานการณ์ฝ่ายเดียวนั้นง่ายมาก ไม่ใช่เพราะว่าออสวาลด์ยอมรับชะตากรรมหรอก
แต่จู่ ๆ บุรุษหน้ากากดำไวลด์ก็โผล่มา แล้วหยิบยื่นหนทางที่สามให้กับเขา
“ไม่ว่านายจะเชื่อไหม แต่ฉันก็ไม่คิดจะมาพูดเพ้อเจ้อกับนายหรอกนะ ฉันจะบอกแค่ข่าวร้ายสุด ๆ กับนายแล้วกัน หอพิธีกรรมต้องห้ามเลือกแล้ว พวกเขาจะทำให้โจเซฟกลับมารับตำแหน่งสูง กลับมาเป็นอัศวินแห่งแสงอีกครั้ง”
“แต่ผ่านไปหลายปี ตำแหน่งว่างของอัศวินแห่งแสงก็แน่นไปด้วยคนรุ่นหลังที่โดดเด่นและมีความสามารถแล้ว หากจะให้โจเซฟกลับมา ก็ต้องมีใครสักคนในสิบคนที่จะถูกแทนที่”
“คน ๆ นั้นต้องมีความผิด ถูกกำจัดออกจากตำแหน่งได้อย่างเป็นธรรม บางทีในระหว่างนั้นเขาก็อาจจะถูกใช้มูลค่าที่เหลือเป็นแท่นเหยียบสำหรับนำโจเซฟกลับมาด้วย เพื่อที่จะให้เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ไร้เทียมทานผู้เป็นที่รักได้เพิ่มมูลค่าอีกครั้งหลังจากกลับมาผดุงคุณธรรม”
“นายเดาดูสิว่าคน ๆ นั้นจะเป็นใครไปได้?”
ม่านตาขีดตั้งของชายครึ่งอสรพิษเปล่งประกายอย่างชั่วร้ายขณะพูดล่อลวงคน เสียงทุ้มต่ำนั้นฟังราวกับจะมีผลกระทบต่อเจตจำนงของคนได้
ออสวาลด์กำหมัดแน่น ทั้งใบหน้าของเขาบูดเบี้ยว จากนั้นก็คำรามออกมาอย่างโกรธเคืองและไม่เต็มใจแล้วชักดาบออกมาฟัน “ไม่! ไม่ควรเป็นฉันสิ! สภาผู้อาวุโสจะไม่ทิ้งฉัน ฉันก็อยู่ในระดับภัยพิบัตินะ! เรื่องที่โจเซฟทำได้ ฉันก็ทำได้!”
ไวลด์แค่นหัวเราะแล้วพูดยิ้ม ๆ “ระดับภัยพิบัติเหรอ? นายคิดแบบนั้นจริง ๆ เหรอหื้ม? ด้วยร่างเฒ่า ๆ ที่อุดตันด้วยสุราและนารีของนาย บางทีแค่ระดับสัตว์ประหลาดยังเอาชนะไม่ได้เลยด้วยซ้ำมั้ง? พวกเขาอยากกำจัดนายมานานแล้ว! นายนั่นแหละคือขยะที่ว่า!”
“ทุกการต่อต้านของนายไร้ประโยชน์เสมอ เพราะหอพิธีกรรมต้องห้ามจะอยู่ข้างโจเซฟตลอดกาล”
เขาคว้าดาบของออสวาลด์ไว้อย่างง่ายดายแล้ววางการ์กอยล์ที่แตกร้าวลง จากนั้นก็พูดเสียงต่ำ “แต่ตอนนี้ โชคชะตาทำให้ฉันให้โอกาสนาย”
“นายจะปลุกมันได้ด้วยเลือดตัวเอง มันจะทำให้นายได้รับพลังที่มหาศาลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เพียงพอที่จะยันกับโจเซฟได้ แล้วมันก็จะทำให้นายกลายเป็นสหายของเรา…”
“สหาย?”
“ใช่แล้ว ไม่ใช่ว่าเราเป็นสหายกันเหรอ? โจเซฟคือศัตรูที่เรามีร่วมกัน… ถ้านายอยากถามว่าทำไมเราต้องเป็นเพื่อนกันด้วย นายก็คงเห็นแล้วว่าฉันในตอนนี้แข็งแกร่งกว่าเมื่อสองปีก่อนแล้ว”
“นายหมายถึง…ฉันก็ด้วยเหรอ?”
“ฮี่ ๆ…”
เมื่อออสวาลด์ฟื้นสติ เขาก็ยื่นมือออกไปรับรูปสลักการ์กอยล์มาเสียแล้ว
แต่ตอนนี้ ไวลด์ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
จริงด้วย เขาต้องแข็งแกร่งกว่าในอดีตแน่ ๆ! มันเหมือนเขาเป็นปีศาจที่แข็งแกร่งที่ไปมาไร้ร่องรอยเลย!
ออสวาลด์ไม่สามารถตรวจจับได้เลยว่าจริง ๆ แล้วเขาอยู่ในระดับไหน
เปรี้ยง!!!
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังลั่นที่ประตูชั้นล่าง ปลุกออสวาลด์ขึ้นจากภวังค์ย้อนรำลึก
นี่แสดงให้เห็นว่าคนที่โจเซฟส่งมาเข้ามาในคฤหาสน์แล้ว พวกเขาจะมาถึงที่นี่ในเร็ว ๆ นี้
ดวงตาของการ์กอยล์ยังคงเปล่งประกายแปลก ๆ
แต่ในที่สุด ออสวาลด์ก็กัดฟัน ตั้งปณิธานแล้วหยิบมีดขึ้นกรีดแขนตัวเอง แล้วปล่อยให้เลือดไหลเข้าไปในตัวการ์กอยล์
การ์กอยล์อ้าปากออก ในช่องว่างสีดำเมี่ยมนั้นมีหนังสือเล่มหนึ่งถูกคายออกมา ที่ปกเขียนไว้ว่า ‘นิกายกลืนศพ: พิธีกรรมและขนบธรรมเนียม’
“นี่คือวิธีได้รับมาซึ่งพลังที่ยิ่งใหญ่เหรอ?”
ออสวาลด์ขมวดคิ้วแล้วพึมพำ แล้วพลิกหนังสือไปมาอย่างเคลือบแคลง
—
ในห้องโถง…
โมนิก้าถูกหยุดไว้กับที่ แล้วการดิ้นรนก็หยุดลงแล้ว
เธอชะโงกหัวขึ้นแล้วตัดสินใจมองไปที่มือของคล็อดอย่างแน่วแน่ เธอไม่เข้าใจกระดาษที่เต็มไปด้วยรายงานการสืบสวนพวกนั้นหรอก แต่ตราประทับที่มุมล่างขวาของกระดาษและตราหอคอยสีทองนั้นสื่อชัดเจนพอ
โดยรวมแล้ว ตราประทับของแผนกต่าง ๆ ในหอพิธีกรรมต้องห้ามจะเป็นสีแดง และมีเพียงกลุ่มอื่นที่แยกตัวเป็นอิสระเท่านั้นที่จะใช้ตราประทับเฉพาะสีทองนี้ได้…
สภาผู้อาวุโสของหอพิธีกรรมต้องห้าม!
การอนุมัติจากสภาผู้อาวุโส…หรือหมายความอีกอย่างหนึ่งก็คือ การที่คล็อดนำคนเหล่านี้ดิ่งเข้ามาทำพฤติกรรมเช่นนี้ในคฤหาสน์ของออสวาลด์นั้นเป็นความเห็นชอบของสภาผู้อาวุโส
พวกเขาอนุมัติรายงานของหน่วยข่าวกรอง และคิดว่านี่คือความจริง
ออสวาลด์จบสิ้นแล้ว…!
ในใจโมนิก้า ความคิดที่ชัดเจนและน่ากลัวนี้อดปรากฏขึ้นไม่ได้
สีหน้าที่แดงเรื่อของเธอพลันซีดขาว เธอทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดสิ้นทั้งเรี่ยวแรงและความหวัง หมดทุกความคิดต่อต้าน
จัดตั้งพรรคพวกเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ร่วมมือกับศัตรูและรับสินบน…ข้อหาร้ายแรงแบบนี้ ทันทีที่ถูกตัดสินว่าผิดจริง กระทั่งอัศวินแห่งแสงก็ยังไม่มีช่องให้โต้เถียงได้
ไม่เลย…ที่จริงควรบอกว่าเพราะเป็นอัศวินแห่งแสงด้วยนี่แหละ ดังนั้นจึงไม่สามารถแก้ตัวใด ๆ ได้เลย ไม่เช่นนั้นความบริสุทธิ์และอำนาจสูงส่งของตำแหน่งอัศวินแห่งแสงคงหมดสิ้นความน่าศรัทธา
ดังนั้นเมื่อตัดสินใจแล้ว มันจึงกลายเป็นทางเดินที่หวนกลับไม่ได้!
การกระทำแต่ก่อนของทั้งออสวาลด์และหลานของเขาท็อดด์นั้นที่จริงก็เคยถึงหูของสภาผู้อาวุโส แต่พวกเขาละเลยมัน ไม่ลงโทษหนัก และอย่างมากก็แค่ส่งคำเตือน
เพราะถึงอย่างไร ออสวาลด์ก็เป็นอัศวินอาวุโสของหอพิธีกรรมต้องห้าม แล้วเขายังมีความแข็งแกร่งระดับภัยพิบัติด้วย ดังนั้นจึงไม่มีใครอยากเสียความแข็งแกร่งระดับนี้ไป
แต่เมื่อตอนนี้เรื่องถูกหยิบขึ้นมาเป็นประเด็นตรง ๆ และความขัดแย้งระหว่างโจเซฟและออสวาลด์ก็มีมาแต่อดีต
ความหมายแฝงที่ลึกซึ้งนั้นชัดเจน…
บางทีแล้ว เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ไร้เทียมทาน…อาจกำลังกลับมาอย่างแท้จริง!
“ไม่ใช่แค่ตัวออสวาลด์ แต่ครอบครัวของเขาก็จะถูกลากมาพัวพันด้วย!”
ในหัวใจของโมนิก้า เธอรู้ดีว่าครอบครัวไอเล็ตต์ทำอะไรลงไปบ้าง แล้วหัวใจของเธอก็พลันสั่นไหว สีหน้าของเธอดูตื่นตระหนก แล้วความเย่อหยิ่งก็ไม่รู้ว่าหายไปไหนแล้ว…
เธอรีบวิงวอน “อัศวินคล็อด! ฉันจะบอกคุณทุกชื่อที่ฉันรู้ ฉันมีหลักฐานเยอะแยะในมือ ฉันขอร้องคุณนะ ปล่อยฉันไปเถอะ…ฉันยินดีทำทุกอย่างเลย!”
เธอแสดงสีหน้าประจบประแจง
เปรี้ยง!!!
เสียงอึกทึกพลันดังมาจากชั้นสอง จากนั้นทั้งเพดาน ผนังและเสาคานรับน้ำหนักก็พากันถล่มลงมา ท่ามกลางฝุ่นควันที่กระจัดกระจายไปทุกทิศนั้นเอง ก็เห็นได้ว่ามีร่างหนึ่งที่วิ่งหนีออกไป
อัศวินที่เพิ่งขึ้นชั้นสองไปกลายเป็นเศษเนื้อและหมอกโลหิต กระจัดกระจายเปื้อนทั้งพื้นผนัง และทุกที่
—