บทที่ 316 : ที่จริงพวกเราเป็นพวกเดียวกัน
โจเซฟเกือบจะตะลึงลาน
เขาเคยเผชิญกับความคับขันในสนามรบแนวหน้ามาหลายต่อหลายปี ผจญความขึ้น ๆ ลง ๆ ของชีวิตมาหลายครั้ง แต่เมื่อมาเห็นระดับเหนือนภาควักสมองของตัวเองออกมา แล้วยังพูดอย่างภาคภูมิใจแล้ว เขาก็อดคิดอะไรไม่ถูกไปครู่หนึ่ง
เขาไม่เข้าใจ…พื้นฐานนี้เอาเสียเลย!
เรซิเอลดึงมือออกมาจาก ‘รูสมอง’ ของตัวเองแล้วหัวเราะ สิ่งที่เห็นนี้ดูเหลือเชื่อ น่าขัน และพิลึกมาก!
แต่ไม่มีใครหัวเราะไปกับเขาด้วย ทุกคนต่างพากันเงียบกริบ
สีหน้าของทุกคนดูพิลึกพิลั่น ทั้งตื่นตระหนกและเคลือบแคลงราวกับนัดกันมา
เพราะทุกคนต่างตระหนักถึงความจริงข้อหนึ่ง…
ตามความเป็นจริงแล้ว ถ้าในหัวของเรซิเอลกลวงโบ๋ เขาก็ควรจะตายไปแล้ว ต่อให้เขาจะเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับเหนือนภา แต่เขาก็เป็นนักวิชาการซึ่งมีสมองเป็นอวัยวะประมวลผลอีเธอร์ที่สำคัญ กล่าวได้ว่าแก่นพลังเหนือธรรมชาติของนักวิชาการก็คือสมองของพวกเขา
การที่อวัยวะสำคัญขนาดนี้เสียหายจนเรียกได้ว่า ‘ถูกทำลาย’ เช่นนี้ ร่างหลักก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะรอด!
แล้วใครเล่าที่ยืนพูดคุย หัวเราะอยู่ตรงหน้าพวกเขาอย่างสุขใจ?
ผีเรซิเอล? วิญญาณของเขา?
ไม่มีทางเสียล่ะ!
ครั้งหนึ่งโจเซฟเคยเห็นสิ่งมีชีวิตอันเดดแบบนี้มาก่อน พวกเขาใช้พลังงานบริสุทธิ์มาสร้างร่างกาย แต่เห็นได้ชัดว่าเรซิเอลตรงหน้ามีสภาพร่างกายที่ดีมาก ไม่มีปรากฏการณ์พลังงานทะลักจากร่างให้เห็นเลย
เรซิเอลสื่อสารกับทุกคนโดยไม่มีสมองจริง ๆ แต่ตัวเขาเองกลับคิดว่าทุกอย่างนี้เป็นเรื่องธรรมดา…
เป็นไปได้ไหมว่าตอนนี้เขาใช้ร่างกายที่กำลังคิดและพูดในเวลาเดียวกัน จะมาจากการใช้จิตสำนึกกลวง ๆ ของเขา?
โจเซฟอดไม่ได้ที่จะคิดเรื่องไร้สาระแบบนี้ขึ้นมา
หรือ…จะเป็นไปตามที่เขาพูดกันว่าเจ้าของร้านหลินย้อนการควบคุมจิตใจกลับมาใส่ในตัวของเขา และแทนที่จะมองว่าเขาคือยูมีร์…ไม่สิ เรซิเอลบอกแล้วนี่ว่าเขามองออกทะลุปรุโปร่ง เพราะฉะนั้นข้อนี้จึงต้องปัดตกไป
ในทางกลับกัน จิตใจของเรซิเอลถูกเจ้าของร้านหลินควบคุมแล้ว แต่เพราะเขาคิดว่า ‘ตราบใดที่ไม่มีสมอง อีกฝ่ายก็ควบคุมตัวเองไม่ได้’ เลยทำให้เขาไม่รู้ตัวหรือเปล่า…
แต่ว่าเขาก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย กระทั่งคิดว่าการขยี้สมองตัวเองมันสมเหตุสมผลอีกต่างหาก
แปลว่าเจ้าหมอนี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเราเป็นแค่หุ่นเชิดภายใต้เจตจำนงของเจ้าของร้านหลิน!
ราวกับว่าโจเซฟเห็นทางสว่าง เขารู้สึกว่าตัวเองได้พบความจริงแล้วในฉับพลันนั้น
แต่ว่าเขาก็ไม่กล้าฟันธงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์
เพราะถึงอย่างไร คนตรงหน้าเขาก็เป็นระดับเหนือนภาที่แท้จริงซึ่งเป็นเขตแดนที่เขาไม่เคยได้ย่างกรายเข้าไปอย่างเต็มตัว และความคิดดังกล่าวก็เป็นเพียงการคาดเดาของตัวเองล้วน ๆ วิธีการที่ดูเหลือเชื่อนี้จะหยุดการควบคุมจิตใจได้จริง ๆ เหรอ?
แต่ว่า…หากการคาดเดาข้างต้นเป็นความจริง มันก็จะอธิบายได้ทันทีว่าเพราะเหตุใดอีกฝ่ายจึงไม่ปิดปากพวกเขาทันทีที่มาค้นพบความลับที่ซุกซ่อนไว้ในสังสาระจักรกลแทนที่จะมาคุยกับพวกเขาเฉย ๆ
โจเซฟตัดสินใจลองเชิงก่อน
ถึงอย่างนั้นตัวเขาเองยังรักษาการ์ดเตรียมต่อสู้ไว้แล้วถามอย่างหนักแน่นว่า “เมื่อครู่คุณบอกว่า…โครงการ ‘เทวรูปดิน’ เคยเป็นโครงการที่คุณในฐานะนักวิชาการเห็นว่าน่าสนใจ แปลว่าตอนนี้มันไม่น่าสนใจแล้วเหรอ?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเรซิเอลจางลงเล็กน้อย ท่าทางเขากลับไปดูภูมิฐานอีกครั้งแล้วตอบในอึดใจเดียว “ย่อมไม่”
ฮู้ดขัดขึ้น “แต่คุณเล่นผลิต T1383 ซ้ำเป็นร้อย ๆ ตัวเลยนะ”
เรซิเอลตอบว่า “นั่นแสดงให้เห็นว่าข้าเคยใช้ความพยายามในการ ประคบประหงมและใช้พลังงานไปมากมายเพื่อเรื่องดังกล่าว แต่ข้าก็คิดว่าแผนนี้ไม่จำเป็นต้องทำต่อแล้ว ข้ามิอยากลงทุนอันใดกับมันอีกต่อไป”
แอนดรูว์ตกตะลึง “ที่บอกว่าไม่จำเป็นต้องทำต่อแล้วนี่ หรือว่า…?”
โครงการ ‘เทวรูปดิน’ ยังคงดำเนินจนปัจจุบัน แม้ว่าตัวอย่างที่ถูกขโมยไปเหล่านั้นจะมีข้อมูลบันทึกไว้ว่าดีที่สุดก็จริง แต่มันก็แค่ทำให้แผนชะงักไปหลายขั้นตอน และยังสามารถสร้างใหม่ได้เสมอ
เรซิเอลพูดอย่างแฝงความนัยว่า “ผลงานที่สมบูรณ์แบบของการสร้างมนุษย์ประดิษฐ์ได้ปรากฏขึ้นแล้ว การทดลองที่เหลือเป็นเพียงทางเลือก ข้าก็แค่อยากพิสูจน์ความเป็นไปได้ของโครงการนี้เท่านั้น ในเมื่อผลของมันออกมาแล้ว การทำซ้ำจึงไร้ความหมายโดยปริยาย”
“ผลงานที่สมบูรณ์แบบ?”
ภาพของผู้ช่วยร้านหนังสือมูเอนแล่นวาบเข้ามาในใจของแอนดรูว์
“ถูกต้องแล้ว มนุษย์ประดิษฐ์ที่สมบูรณ์แบบมีความสัมพันธ์ต่ออีเธอร์ล้นหลามมาก ร่างกายทุกตารางนิ้วที่สมบูรณ์แบบ ความแข็งแกร่งทางกายภาพเทียบเท่าอัศวินระดับสัตว์ประหลาดโดยไร้การปรุงแต่ง และที่สำคัญที่สุด…นางมีสติปัญญา! สติปัญญาที่ไม่มีความต่างใด ๆ จากมนุษย์!”
เรซิเอลดูคลั่งไคล้มาก “ในเมื่อแหล่งที่มาของนางคือข้า มันก็หมายความว่าข้าเป็นผู้ให้สติปัญญาเหล่านั้นทั้งหมด ร่างกายและศิลานักปราชญ์คุณภาพสมบูรณ์แบบที่เสริมรากฐานทั้งหมดของนาง!”
ทันใดนั้น แอนดรูว์ก็เบิกตากว้าง
เดี๋ยวนะ นั่น…ศิลานักปราชญ์? ศิลานักปราชญ์ที่เกิดจากเจโรมที่สุดท้ายเขาก็นำไปให้เจ้าของร้านหลิน!
ที่แท้ก็เป็นฝีมือของเรซิเอลเองเรอะ!
เมื่อผนวกเรื่องราวกับคำพูดเมื่อครู่ของเรซิเอลเข้าไปแล้ว เรื่องทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นก็สามารถเข้าใจได้อย่างถ่องแท้
ในฐานะที่เรซิเอลเป็นสมาชิกของวิถีแห่งดาบอัคคี เจตนาของเขาจึงส่งผลต่อเจ้าของร้านหลินในทางลบ แล้วในภายหลังที่เกิดการควบคุมจิตใจย้อนกลับ เขาก็เลยฆ่าเจโรมผู้ที่เป็นไส้ศึกที่ควรจะหลบอยู่ที่นี่แล้วหลอมเป็นศิลานักปราชญ์ให้เจ้าของร้านหลินไปใช้เป็นส่วนเสริมให้กับมูเอน
ทั้งหมดนี้ก็ยังอยู่ในการจัดเรียงของเจ้าของร้านหลินอยู่ดี!
“หือ?” เรซิเอลสังเกตเห็นสีหน้าของเขาแล้วพูดยิ้ม ๆ “เจ้าก็เข้าใจแล้วสินะ?”
เข้าใจแล้วจริง ๆ ครับ ที่จริงพวกเราเป็นพวกเดียวกัน ทำไมไม่พูดให้มันเร็วกว่านี้นะ…สีหน้าของแอนดรูว์พลันซับซ้อน แล้วเขาก็พยักหน้า
โจเซฟหันไปมองแอนดรูว์อย่างเคลือบแคลง
เจ้าจิ้งจอกเฒ่านี่…ไปเข้าใจอีท่าไหนก่อน? เข้าใจอะไรของเอ็ง หือ?
เรซิเอลพูดอย่างพึงพอใจ “ในเมื่อเจ้าเข้าใจแล้ว เจ้าก็ควรรู้ด้วยสิว่าข้าจะทำเช่นไรต่อ?”
สีหน้าของเขาดูรอคอยบางอย่างอย่างคาดหวังและอธิบายไม่ถูก
สังหรณ์อันร้ายแรงเอ่อขึ้นมาในใจ ทำให้แอนดรูว์เข้าใจทุกอย่างขึ้นมาอย่างเฉียบพลันว่าทำไมจู่ ๆ นักวิชาการระดับเหนือนภาผู้ไร้สมองถึงถามคำถามนี้ออกมา
ที่จริงแล้ว เขาเสียความสามารถการครุ่นคิดอย่างอิสระไปแล้ว และไม่สามารถครุ่นคิดและตัดสินใจเรื่องบางอย่างไปพร้อม ๆ กับการคงสติของตัวเองได้…
ดังนั้นเขาจึงรอคำแนะนำจาก ‘คนฝ่ายเดียวกัน’ อยู่
จะทำให้โจเซฟถึงบางอ้อไม่ได้! นี่อาจเป็นโอกาสเดียวในการขึ้นครองสมาคมแห่งสัจธรรมโดยสมบูรณ์!
ความคิดนี้แล่นเข้ามาในมโนสำนึกของแอนดรูว์ทันที แล้วเขาก็พูดขึ้นมาว่า “เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเปลี่ยนแปลงใด ๆ คุณต้องส่งผู้คุกคามทั้งหมดออกไปทันที”
สีหน้าของเรซิเอลก็ดูรู้เท่าทัน เขาพยักหน้าอย่างภาคภูมิ “จริงของเจ้า”
โจเซฟยังไม่ทันได้ตอบสนอง จู่ ๆ เขาก็เห็นวงแหวนอักษรรูนบนพื้นสว่างขึ้นรอบ ๆ ตัว
หลังจากนั้นทุกอย่างก็สว่างวาบ แล้วทิวทัศน์ก็เปลี่ยนไปเป็นทางเดินเอียง ๆ ที่คุ้นตา และมีผู้คนมากมายที่เดินไปเดินมา
ทันทีที่โจเซฟตั้งสติได้ เขาก็ได้ยินคนอุทานขึ้นว่า “หัวหน้าหน่วยโจเซฟ คุณมาที่นี่ได้ยังไงครับเนี่ย?!”
เกินคาด เรซิเอลส่งเขากลับหอพิธีกรรมต้องห้ามทันที!