บทที่ 319 : การปะทุของสงคราม
ผู้ที่อยู่ปลายสายเครื่องมือสื่อสารตะลึงไปครู่หนึ่งอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นก็มีปฏิกิริยาแล้วตะโกนอย่างแตกตื่นทันที “เขาออกจากร้านหนังสือแล้ว! ทุกฝ่ายงานเตรียมพร้อม! เขาออกจากร้านหนังสือแล้ว! บ้าเอ๊ย! ไหงจู่ ๆ เขาถึงตัดสินใจออกจากร้านหนังสือกะทันหันขึ้นมาเนี่ย?! เกิดปัญหาขึ้นตรงไหนกันแน่?! กรรมแท้!!! หน่วยข่าวกรองเอาแต่นอนเกาพุง งานการไม่ทำกันหรือไงฟะ!”
ครึ่งแรกเป็นการแจ้งผู้อื่นให้รับทราบ แต่ครึ่งหลังน่าจะเป็นการพล่ามไร้สาระอย่างแตกตื่น
อย่างไรก็ตาม ทุกคนก็รู้ดีว่าเพราะหน่วยข่าวกรองมีความปั่นป่วนค่อนข้างมากจากสถานการณ์ของโจเซฟ ดังนั้นจึงเข้าใจได้ว่าเขาไม่มีวิธีใดจะแยกประสาทมาสนใจที่นี่ได้สักพักแล้ว…
อีกเหตุผลนอกเหนือจากนี้ก็คือเจ้าของร้านหนังสือเป็นคนที่เยือกเย็นและคงเส้นคงวามาก และในช่วงนี้ก็ไม่ได้มีคนตาบอดที่ไหนโผล่มาหาที่ตาย เจ้าของร้านหนังสือจึงไม่ได้ทำอะไรสะท้านฟ้าสะเทือนดินอีก
ดังนั้น ช่วงเวลาที่ผ่านมาจึงค่อนข้างสงบสุข
มีเรื่องที่เป็นประเด็นเกิดขึ้นเพียงสามเรื่องเท่านั้น
เรื่องแรก จี้จือซู่นำของขวัญมาให้กับเจ้าของร้านหนังสืออีกครั้ง แต่ทุกคนก็ทราบว่าเธอเป็นลูกค้าคนหนึ่งที่มาเยี่ยมร้านหนังสือบ่อยครั้ง ดังนั้นจึงไม่ได้ผิดปกติ หลังจากนั้นเธอก็กลับออกไปพร้อมหนังสือหนึ่งเล่ม ดูเหมือนเธอจะมาซื้อหรือยืมหนังสือเหมือนทุกที
ส่วนเรื่องที่สองและสามเกิดขึ้นพร้อมกัน
เจ้าของร้านหนังสือมือสองเปิดใหม่ที่อยู่ตรงข้ามกันส่งหนังสือลึกลับเล่มหนึ่งให้กับเจ้าของร้านหลิน ซึ่งนี่พูดได้ว่าเป็นเรื่องปกติมาก
ในระหว่างนั้น แมวที่เจ้าของร้านหนังสือเลี้ยงไว้ (ปัจจุบันยังไม่ทราบตัวตนที่แท้จริง แต่จากข้อมูลที่ศาสนาแห่งตะวันแจ้งมา นี่เป็นไปได้สูงมากว่าจะเป็นบุตรแห่งจันทราที่โบสถ์แห่งจุดสูงสุดทิ้งไว้เบื้องหลัง) และมูเอน ผู้ช่วยร้านหนังสือได้ออกไปจากร้านหนังสือพร้อม ๆ กัน
ทว่า จากบันทึกของผู้ที่อยู่เวรในวันเดียวกันบอกว่า พวกเขาก็แค่ออกไปจับนกพิราบ…ไม่รู้ว่านั่นเป็นหนึ่งในงานอดิเรกอันชั่วร้ายของเจ้าของร้านหนังสือหรือเปล่า
ความตรงกันข้ามระหว่างงานเบา ๆ แบบนี้กับปัญหาระหว่างหอพิธีกรรมต้องห้ามและนิกายกลืนศพที่รุนแรงขึ้นทุกทีทำให้ทุกคนหันความสนใจไปจดจ่ออยู่ที่ไวลด์และโจเซฟ
…แม้แต่คนของหน่วยโลจิสติกส์ที่อยู่เวรที่นี่หลายคนยังหย่อนยานการเฝ้าระวัง
ผลก็คือ ใครจะรู้ว่าเจ้าของร้านหนังสือผู้เงียบอยู่นานดันมาขยับตัวกะทันหัน แล้วเดินออกไปนอกร้านหนังสือโดยไร้สุ้มเสียงใด ๆ และไม่มีสัญญาณบอกกล่าว!
เรื่องนี้สำหรับทั้งนอร์ซินแล้ว ความน่ากลัวของมันอยู่ในระดับเดียวกับการที่มีการใช้ปืนใหญ่ทลายอีเธอร์ใส่เมืองเขตกลางเลย!
โธมัสเปิดประตูดังปังโดยไม่สนใจว่านิ้วของตัวเองจะถูกลูกบิดประตูบาดเป็นรอยเนื่องจากออกแรงมากเกินไป เขาโซเซจนเกือบจะล้มลุกคลุกคลานออกไป
เสียงของเขาเอ่ยถามอย่างกระวนกระวายและจริงจังดังออกมาจากเครื่องมือสื่อสาร “โธมัส รายงานตำแหน่งปัจจุบันของเจ้าของร้านหนังสือและทิศทางของเขาเดี๋ยวนี้เลย! อย่าบอกฉันนะว่าตามไม่ทัน ไม่อย่างนั้นยศอัศวินของนายอาจปลิวได้นะเฟ้ย!”
โธมัสรีบตะโกนตอบเข้าไปในเครื่องมือสื่อสารด้วยการใช้ภาษาที่กระชับที่สุดด้วยเสียงต่ำ “ผมตามรอยอยู่! จากการสังเกตการณ์ เขาเข้าซอยสิบหกไป คาดว่าน่าจะทะลุไปถึงซอยยี่สิบสี่ได้! ระบุได้ว่าไม่ใช่ทางที่เขาไปตามปกติ!”
เจ้าหน้าที่หน่วยโลจิสติกส์ที่ถูกส่งมาประจำการที่นี่เพื่อจับตามองร้านหนังสือนั้นต้องตรงตามเงื่อนไขสองข้อ นั่นคือต้องตอบสนองไวและคุ้นเคยกับพื้นที่ ส่วนเรื่องอื่น ๆ ไม่สำคัญ!
โธมัสรู้แผนผังของถนนบริเวณนี้ดี เขาจึงตัดสินทิศทางของเจ้าของร้านหนังสือได้แค่จากการมองเพียงเท่านั้น
แต่เขาก็กำลังวิ่งตามไปอย่างบ้าคลั่งด้วยเช่นกัน
โธมัสวิเคราะห์อย่างรวดเร็ว แถวนี้มีตลาดและร้านขายของชำเพียงแห่งเดียวและไม่ได้อยู่ในเส้นทางนี้ ถัดจากซอยนี้ไปจะเป็นศูนย์การค้าแห่งใหม่ที่บริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์สร้างขึ้น แต่มันก็ยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ถัดไปอีกเป็นพื้นที่รกร้างและมีฐานที่มั่นชั่วคราวของหอพิธีกรรมต้องห้ามอยู่ รวมผู้อาศัยแล้ว มีระดับผิดปกติสามนายและระดับสัตว์ประหลาดหนึ่ง นาย…
เจ้าของร้านหนังสือออกไปหาปลาซิวปลาสร้อยเหล่านี้ด้วยตนเองเหรอ?
เป็นไปไม่ได้หรอก!
โธมัสปฏิเสธความคิดของตนเองในใจทันที ต้องก้าวต่อไป คิดให้ไกล… ลองขีดเส้นตรงจากซอยนี้อีกทีว่าจะผ่านถนนสายไหนได้อีก?
เขาคิดในใจอย่างรวดเร็ว ทัศนวิสัยของเขาก็แปรผันอย่างเร็วจี๋ด้วย เขาข้ามกำแพงและหลังคาแห่งแล้วแห่งเล่าโดยที่ตายังไม่ละจากแผ่นหลังหรือด้านข้างของเจ้าของร้านหนังสือเลย
โธมัสกล้าสาบานว่าตลอดชีวิตสามสิบสองปีของเขา ตัวเองไม่เคยวิ่งเร็วขนาดนี้มาก่อนเลย!
กระทั่งตอนที่เขาอยู่ในสนามรบ ห่างจากสัตว์มายาไปแค่ครึ่งเมตร ยังเทียบความเร็วกับตอนนี้ไม่ได้เลย!
ซอยยี่สิบสี่ทะลุไปได้หลายที่เกินไป ไม่มีทางตัดสินชี้ขาดได้เลย! ถ้าไม่รู้เจตนาการออกมาข้างนอกของเขา เราก็แก้ปัญหานี้ไม่ได้!
โธมัสกรีดร้องอยู่ลึก ๆ ในใจ เขานั่งยอง ๆ บนหลังคาบ้านหลังหนึ่งพลางมองแผ่นหลังของหลินเจี๋ย
เจ้าของร้านหนังสือลึกลับคนนี้ยังคงเดินต่อโดยไม่หยุดหรือเลี้ยวโค้ง
แต่ทางข้างหน้าเป็นทางตัน
—
หอพิธีกรรมต้องห้าม หน่วยโลจิสติกส์
แผนกที่ค่อนข้างสงบเงียบและเยือกเย็นในขณะนี้ปั่นป่วนจนเละตุ้มเป๊ะไปแล้ว
“รายงานสภาผู้อาวุโส แจ้งหน่วยอื่น ๆ โดยเฉพาะหน่วยข่าวกรองให้ทราบ รวมไปถึงติดต่อสมาคมแห่งสัจธรรมด่วนที่สุดเลย! เข้าสู่สภาวะเตรียมพร้อมเดี๋ยวนี้ค่ะ! นักประเมิน นักวิเคราะห์อยู่ที่ไหนกันหมดคะ?! ใครบอกฉันได้บ้างว่านี่มันเรื่องอะไรกัน?! ช่วงนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ?!”
แคโรไลน์ผู้เพิ่งได้รับการเลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าหน่วยวางมือบนโต๊ะแล้วออกคำสั่งเจ้าหน้าที่ใต้บัญชาอย่างดุเดือดและเข้มงวด
มีคนยืนขึ้นรายงานทันที “แจ้งไปแล้วครับ คำสั่งจากเบื้องบนคือให้จับตามอง เตรียมอพยพคนทุกเมื่อครับ หน่วยรบถูกส่งออกไปแล้ว สมาคมแห่งสัจธรรมก็เปิดเครือข่ายการตรวจจับอีเธอร์ในการเตือนล่วงหน้าระดับสูงสุดและเตรียมเริ่มใช้งานเกราะป้องกันเหล็กแล้วด้วย ส่วนหน่วยข่าวกรอง…”
เขาชะงักไปแล้วพูดต่อด้วยเสียงสั่น ๆ “มีอุบัติเหตุบางอย่างเกิดขึ้นกับหน่วยข่าวกรอง ยังไม่ได้รับข้อมูลใด ๆ เลยครับ…”
แคโรไลน์ขมวดคิ้ว “อุบัติเหตุอะไร? มีเรื่องไหนสำคัญไปกว่าเรื่องนี้เหรอคะ? โจเซฟล่ะ? เขารับผิดชอบข้อมูลเจ้าของร้านหลินไม่ใช่เหรอ?”
ผู้รายงานกลืนน้ำลายเอื๊อก แล้วตอบด้วยสีหน้าซีดเซียว “คุณโจเซฟนั่นแหละครับที่เกิดอุบัติเหตุ…เมลิสซ่าถูกหลอกให้ไปอยู่ในสนามรบที่เราทำการปิดล้อมที่มั่นของนิกายกลืนศพครับ จากข้อมูลระบุไว้ว่า ‘เหยี่ยวราตรี’ ลูกน้องสายตรงของไวลด์ก็กำลังต่อสู้กับอัศวินหญิงวิเวียนด้วยครับ”
“ดังนั้น เมื่อครู่ที่ผ่านมา คุณโจเซฟได้พุ่งออกจากหอพิธีกรรมแล้ววิ่งตรงไปยังสนามรบแล้วครับ!”
แคโรไลน์เบิกตากว้าง อ้าปากพะงาบ ๆ พูดไม่ออก
โจเซฟดิ่งไปที่สนามรบวงล้อมนิกายกลืนศพแล้ว!
นี่คือการข้ามขั้นการลองเชิงไปเป็นเปิดศึกอย่างเต็มรูปแบบ!
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้…ทำไมถึงเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาได้เนี่ย ทันทีที่โจเซฟออกไป หอพิธีกรรมต้องห้ามก็เสียกำลังหลักไปเลยหนึ่งนาย แถมเจ้าของร้านหลินยังออกจากร้านในตอนนี้พอดีอีก
ในตอนนี้ มีเจ้าหน้าที่อีกคนพลันวิ่งพรวดพราดเข้ามา “ข่าวล่าสุดมาแล้ว จากหน่วยข่าวกรองครับ!”
แคโรไลน์ดึงวิญญาณที่แทบจะหลุดโลยของเธอกลับมาแล้วโบกมือส่ง ๆ “อ่านเลย”
เจ้าหน้าที่คนนั้นรายงานว่า “เมื่อนาทีก่อน ไวลด์ปรากฏตัวที่หน้าพื้นที่ปิดกั้นของซอยหกสิบเก้าพร้อมผู้ติดตามสองคน ได้แก่ ‘มังกรทะยาน’ และ ‘หนอนหนังสือ’ รวมถึงกองกำลังใหญ่ของนิกายกลืนศพที่ถูกนำมาโดยสกายวูลฟ์ครับ”
“ขณะเดียวกัน ฐานที่มั่นของเราที่กระจายอยู่ตามที่ต่าง ๆ ถูกนิกายกลืนศพลอบโจมตีกะทันหันไปสองในสามส่วน ตอนนี้มีฐานเจ็ดแห่งที่ถูกศัตรูยึดได้แล้วครับ”
“สงครามปะทุขึ้นโดยสมบูรณ์แล้วครับ!”
“หน่วยรบถูกดึงไปเสริมกำลังแล้วครับ และศาสนาแห่งตะวันก็ตอบกลับเราว่าส่งอัครสาวกออกมาแล้ว แต่สมาคมแห่งสัจธรรมตอบปฏิเสธคำขอกำลังเสริมของเราโดยอ้างว่าต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางฝั่งเจ้าของร้านหนังสือก่อนครับ”
ทั้งหน่วยโลจิสติกส์เงียบไปครู่หนึ่งโดยพร้อมเพรียง
แคโรไลน์พูดอย่างเหม่อโลย “มีอีกไหม?”
เจ้าหน้าที่คนนั้นยังพูดต่อ “จากข้อมูลที่เรามี เส้นทางของเจ้าของร้านหนังสือในครั้งนี้เป็นไปได้ว่าจะมีความเกี่ยวพันอย่างมากกับงานเลี้ยงที่บริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์จัดขึ้นครับ”
—