บทที่ 328 : ความคิดของแต่ละคน
คำตอบของจี้ป๋อหนงเมื่อครู่นี้… ตรงกับที่หลินเจี๋ยพูดก่อนหน้านี้ไม่มีผิด!
พวกเฟจย่อมสังเกตจุด ๆ หนึ่งได้อย่างชัดเจน นั่นคือนอกจากคำพูดของจี้ป๋อหนงแล้ว ปรากฏการณ์ทางสภาพอากาศที่เรียกว่า ‘ฟ้าผ่าย้อนกลับ’ นี้ยังเป็น ‘ปรากฏการณ์หายากที่ไม่เคยถูกบันทึกเอาไว้ได้’ และยิ่งกว่านั้น มันเพิ่งถูกตั้งชื่อเมื่อครู่นี้…!
หรือก็คือ มันเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยถูกค้นพบมาก่อน และไม่มีชื่อเป็นของตัวเองมาจนถึงเมื่อครู่นี้…
แล้วปัญหาก็ตามมา…
เจ้าของร้านหลินตรงหน้าพวกเขารู้ข่าวก่อนหน้าจี้ป๋อหนงได้อย่างไรว่าสิ่งนี้เรียกว่า ‘ฟ้าผ่าย้อนกลับ’?
ทุกคนรู้ดีถึงตำแหน่งของบริษัทโรลล์ที่ผูกขาดทางธุรกิจในนอร์ซิน ไม่ว่าใครก็ต้องยอมรับว่ามันเกือบครอบคลุมทุกทรัพยากรในฐานะยักษ์ใหญ่ รวมไปถึงทรัพยากรข่าวกรองด้วย
นี่ยังเป็นเหตุผลที่ไม่มีใครเลยที่เลือกส่งคนของตนเองไปสืบข่าวแล้วรอเงียบ ๆ อยู่ที่เดิม แม้ว่าพวกเขาจะร่ำรวยทั้งเงินตราและอำนาจก็ตามที
เพราะว่าทุกคนรู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะได้รับข่าวเร็วไปกว่าบริษัทโรลล์ และต่อให้พวกเขาทำเช่นนั้นได้ ความแม่นยำของข่าวก็จะด้อยกว่าอยู่ดี
ในสายตาของบุคคลทั่วไปแล้ว จี้ป๋อหนงมีหูมีตาอยู่ทั่วทุกแห่งโดยแท้จริง
ทว่า ข่าวที่ชายผู้มีหูมีตาไปทั่วได้รับมาจากปากของผู้เชี่ยวชาญอุตุนิยมวิทยาที่ว่า กลับถูกเอ่ยออกมาจากปากเจ้าของร้านหนังสือคนหนึ่งก่อนที่จะทันได้ประกาศเสียอีก
ไม่เลย มันไม่สมเหตุสมผลสักนิด…!
เยด้ารู้สึกว่าเธอควรคิดอย่างใจเย็น
หรือว่าในขณะที่จี้ป๋อหนงกำลังพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญอุตุนิยมวิทยา เจ้าของร้านหนังสือที่ดูธรรมดา ๆ ตรงหน้าดูเหมือนจะมีเครือข่ายข่าวกรองที่ลับยิ่งกว่าแล้ววางสายสืบไว้รอบ ๆ พวกเขา
ดังนั้นทั้งสองจึงรู้ข่าวพร้อม ๆ กัน แล้วพูดออกมาก่อนที่จี้ป๋อหนงจะทันก้าวขึ้นมาบนเวที
แต่หลินเจี๋ยก็กำลังคุยกับพวกเขาอยู่เมื่อครู่ และไม่มีโอกาสให้สื่อสารกับคนอื่นได้เลย หมายความว่าข้อสันนิษฐานนี้มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นเพียงไม่มาก
เช่นนั้น…หลินเจี๋ยอาจจะรู้ล่วงหน้าก่อนแล้ว หรือกระทั่งคาดการณ์ไว้ได้ว่าผู้เชี่ยวชาญอุตุนิยมวิทยาจะพูดอะไรออกมา หรือที่จริงแล้วเขาพูดออกมาก่อน แล้วคำพูดของเขาก็กลายเป็นความจริงกันล่ะ…?
เมื่อเยด้าคิดมาถึงตรงนี้ ม่านตาของเธอก็หดตัวอย่างเฉียบพลันพร้อม ๆ กับรู้สึกหนาวที่สันหลังอย่างไร้เหตุผล
หนังศีรษะชาวาบ และเส้นขนที่แขนของเธอก็พากันลุกซู่
เนื่องจากเยด้าสามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงในฐานะตัวแทนตระกูลของเธอได้ เธอย่อมมีสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดมากพอที่จะคิดและตัดสินสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างแม่นยำ
ความคิดของเธอแล่นเร็วจี๋และพยายามซ่อนสีหน้าท่าทางผิดปกติเอาไว้โดยไม่รู้ตัว ดังนั้น เธอจึงหยิบแก้วไวน์บนโต๊ะยาวใกล้มือขึ้นมาจิบ จากนั้นก็เลียริมฝีปากที่แห้งผากของเธอ
เธอตระหนักแล้วว่าเจ้าของร้านหนังสือ ‘ธรรมดา’ ตรงหน้าดูเหมือนจะล้อเล่นกับเธอ
ความเป็นไปได้ทั้งสามนี้ล้วนสื่อว่า ‘ฟ้าผ่าย้อนกลับ’ นี้ไม่ใช่ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ แต่เป็นความลับอื่นที่ถูกปกปิดไว้
ถ้าเป็นไปตามที่คาดไว้ตั้งแต่แรก อย่างนั้นหลินเจี๋ย…ชายที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าของร้านหนังสือธรรมดา ๆ คนนี้ก็มีภูมิหลังอันทรงอิทธิพลเกินจินตนาการ เขาจงใจจัดเตรียมทั้ง ‘สายฟ้า’ และผู้เชี่ยวชาญอุตุนิยมวิทยาเหล่านั้น
แม้ว่าการหยั่งเหตุผลเบื้องหลังจะเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าสมมติฐานนี้เป็นความจริง ก็แปลว่าเขาหลอกใช้บริษัทโรลล์ได้สำเร็จแล้ว!
แต่เป็นข้อสันนิษฐานที่เหลื่อเชื่อและน่าตกใจมาก ๆ…
ถ้าเป็นไปตามข้อสองหรือสาม ก็หมายความว่าบทสนทนาที่หลินเจี๋ยกล่าวมาทั้งหมดก่อนหน้านี้ช่างไร้สาระ และบางทีเขาก็อาจจะเป็น ‘ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ’ ที่สามารถต่อสู้กับ ‘สายฟ้า’ นั้นได้ ส่วนเรื่องที่ ‘สายฟ้า’ นั้นจะเป็นอะไร…หากให้เยด้าคิดตามสิ่งที่เธอสังหรณ์ใจ นั่นน่าจะเป็นลำแสงดาบมากกว่า
แต่ไม่ว่าจะเป็นไปตามความน่าจะเป็นข้อไหน ฐานะและความสามารถของชายหนุ่มตรงหน้าก็ไม่มีทางธรรมดาได้เลย!
เขาไม่ใช่เจ้าของร้านหนังสือธรรมดา ๆ!
อัตราการเต้นหัวใจของเยด้าอดไม่ได้ที่จะรัวเร็วขึ้นหลายจุด บางทีเธออาจจะกำลังได้สัมผัสอีกด้านหนึ่งของงานเลี้ยงที่คนอื่น ๆ มองไม่เห็นก็เป็นได้
เธอมองไปรอบ ๆ เห็นแขกคนอื่นมีท่าทีผ่อนคลายแล้วเริ่มพูดคุยกันเพื่อเตรียมการอุ่นเครื่องรอบแรกของงานเลี้ยง…นั่นคือการเลือกคู่เต้นรำ!
ทุกคนต่างหน้ามืดตามัวเพราะบริษัทโรลล์ น้อยคนนักที่จะรับรู้ถึงความผิดปกติข้อเดียวของความจริงนี้
เธอคือหนึ่งในนั้น!
เช่นนั้นจุดหมายของเจ้าของร้านหลินผู้ลึกลับที่พยายามปลอมตัวอย่างเหมาะสมนี้คืออะไร?
แล้วเขาเกี่ยวพันอย่างไรกับบริษัทโรลล์?
เยด้าคิดเงียบ ๆ
ในทางกลับกัน แม้ว่าเฟจจะมีความคาดหวังอยู่ก่อนแล้ว ทว่าเมื่อถึงสถานการณ์จริงเขาก็ยังตกตะลึงอยู่ดี
ในฐานะ ‘คนวงใน’ คนหนึ่ง เขาจึงแน่ใจว่าหลินเจี๋ยก็แค่พูดไปเรื่อย แต่ไม่คิดเลยว่าคำพูดไปเรื่อยนั้นจะได้รับ ‘การรับรองอย่างเป็นทางการ’ โดยจี้ป๋อหนงด้วย
สำหรับเฟจแล้ว สถานการณ์แบบนี้ไม่มีทางเป็นไปได้ เว้นแต่ว่าหลินเจี๋ยจะใช้ความสามารถของเขา ส่วนจะเป็นความสามารถแบบไหนนั้น เขายังไม่รู้ในตอนนี้
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เฟจก็มีประสบการณ์ถูกมองทะลุถึงก้นบึ้งจิตใจมาก่อนด้วยตนเอง เขาจึงคิดว่าหลินเจี๋ยน่าจะควบคุมจิตใจของผู้เชี่ยวชาญอุตุนิยมวิทยาที่ไม่รู้จักคนนั้น และทำให้เขากล่าวคำข้างต้นกับจี้ป๋อหนง
ทว่าเฟจไม่กล้าคิดถึงความเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายจะมี ‘วาจาสิทธิ์’ กล่าวคำใดได้เช่นนั้นเลย
แม้ว่าเขาจะเป็นแค่ปลาซิวปลาสร้อย แต่เขาก็รู้ว่าความสามารถแบบนี้ บางทีอาจจะทำได้โดยผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับภัยพิบัติที่ใกล้ ๆ จะเป็นระดับเหนือนภาได้อยู่แล้วด้วยซ้ำไป
ถ้าเป็นอย่างหลังจริง ๆ บางทีหนังสือในมือเราก็…เฟจกลืนน้ำลายเอื๊อกพลางรู้สึกว่าน้ำหนักในกระเป๋าด้านในนั้นหนักอึ้งขึ้นมา
ในงานเลี้ยงที่มีชีวิตชีวานี้ ผู้คนรอบข้างวุ่นวายสุด ๆ มีเพียงมุมเล็ก ๆ มุมนี้เท่านั้นที่หลังจากสีหน้าของทั้งสองเปลี่ยนไป ทั้งคู่ก็เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่หญิงสาวผมสีน้ำตาลในชุดแดงจะจิบไวน์อย่างครุ่นคิด แล้วนักไวโอลินร่างผอมก็มีสีหน้าท่าทางตื่นตระหนก
ส่วน ‘ตัวการ’ หลินเจี๋ยที่เร้าความคิดของพวกเขาขึ้นมาอย่างแสนมั่นใจนั้น….
เขาตะลึงไปตั้งแต่จี้ป๋อหนงปรากฏตัวแล้ว…
ในขณะที่อีกฝ่ายเดินลงมาจากบันไดเวียนอย่างช้า ๆ ใบหน้าของหลินเจี๋ยก็ยิ้มค้าง
จากนั้นเขาก็ใช้ท่าทางที่ดูเป็นธรรมชาติที่สุดและความเร็วที่เร็วที่สุดในชีวิตก้าวถอยหลังไปสองก้าว ก่อนจะหันหลังกลับไปซุกซ่อนในฝูงชนอย่างแนบเนียน
ชายหนุ่มก็หยิบแก้วไวน์ขึ้นมาบังหน้าไว้อีกครั้ง หลังตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่าจี้ป๋อหนงไม่ได้มองมาทางเขาและยังไม่ทันสังเกตเห็น เขาก็ปาดเหงื่อเย็น ๆ บนหน้าผากของตนออก
แม้ว่าตอนนี้เจ้าของร้านหลินจะยังดูสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย แต่ความรู้สึกลึก ๆ ในใจของเขากำลังอลหม่านราวกับกำลังขี่ม้าพยศอยู่กลางทุ่ง
ฉิบหายแล้วไง…
คนขับรถวัยกลางคนที่ติดตามจี้จือซู่มาที่ร้านหนังสือของเขาในวันนั้นกลับกลายเป็นจี้ป๋อหนงผู้เป็นพ่อของเธอที่เป็นประธานใหญ่ของบริษัทโรลล์ไปเสียได้!
หลินเจี๋ยจ้องไวน์ในแก้วพลางครุ่นคิดเรื่องที่เขาหลอกจี้จือซู่สารพัดต่อหน้าพ่อของเธอ รับของขวัญแพง ๆ มาทั้งกระเป๋า หารือเรื่องความร่วมมือ ตกลงเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิด ประเมินเขา แถมยัง…ปฏิเสธความรู้สึกของจี้จือซู่อย่างมีชั้นเชิงแล้ว เขาก็อดมุมปากกระตุกไม่ได้
พวกคนใหญ่คนโตพวกนี้ชอบเล่นอะไรแผลง ๆ กันแบบนี้เหรอ?!
ถึงเขาจะแสร้งปลอมเป็นคนขับรถและคนรับใช้ของจี้จือซู่ แต่เรื่องนี้ก็อาจจะมีต้นตอมาจากความเป็นบิดาที่ต้องการปกป้องลูกสาวผู้ใสซื่อของเขาและอยากเห็นว่าเธอจะถูกหลอกอีกครั้งหรือไม่ก็ได้?
เมื่อหลินเจี๋ยนึกถึงภาพความกระอักกระอ่วนในครั้งก่อน หัวใจของเขาก็แทบหยุดเต้น
การรับของขวัญแล้วปฏิเสธหัวใจหญิงสาวต่อหน้าพ่อของเธอ… หากมองจากมุมหนึ่งแล้ว มันก็เหมือนเขาเป็นเดนมนุษย์ที่ลวงเธอมาปอกลอกทรัพย์สินอยู่ดีนี่!
แต่ที่น่าอายยิ่งไปกว่านั้นคือเขาเองก็อยู่ในเหตุการณ์…คุณจี้คนนี้คงไม่ได้อยากจับเต่าในโกศหรอกใช่ไหม?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลินเจี๋ยก็ลืมตาขึ้นมองจี้ป๋อหนงโดยไม่รู้ตัว แล้วบังเอิญสบตากับอีกฝ่ายเข้าพอดี
—