บทที่ 348 : การเผชิญหน้า
แม้ว่างานเลี้ยงกลางแจ้งในวันถัดมาจะไม่เริ่มจนกว่าจะถึงแปดโมงเช้า แต่เฟจก็ตื่นแต่เช้าตรู่
หลังจากอาบน้ำแต่งตัว เขาก็ฝึกซ้อมอยู่หน้ากระจกว่าจะพูดอย่างไรเมื่อได้พบหลินเจี๋ย
“แค่ก ๆ…อรุณสวัสดิ์ครับ เมื่อคืนนอนหลับฝันดีไหมครับ?”
“ไม่เหมาะ มันเกร่อเกินไป! แถมยังเป็นคำถามที่ไม่จำเป็นด้วย คนระดับนี้เนี่ยนะจะนอนไม่หลับ…”
“อะแฮ่ม บังเอิญจังเลยนะครับ เอ่อ เราไปทานอาหารเช้าด้วยกันไหมครับ? ผมลองถามมาแล้ว จุดทานอาหารเช้าของงานเลี้ยงจะอยู่ในภัตตาคารที่ปีกตะวันตกชั้น 2 เป็นมื้ออาหารแบบเดินตักเองทั้งหมด จะพลาดไม่ได้เลยนะครับ แล้วเราจะเดินผ่านประตูห้องพักแขกผู้หญิงด้วยก็ยังได้ ถึงจะไม่มีอะไรให้มอง แต่บางทีเราก็อาจได้พบพวกเธอสักคน…”
“ไม่ ๆๆ เราพูดบ้าอะไรวะเนี่ย!”
เฟจพลันยกมือขึ้นปิดหน้า “คุณหลินจะไปสนใจเรื่องพวกนี้ที่ไหนเล่า? บ้านนอกเข้ากรุงแท้ ๆ ต่อให้เป็นคนอื่น ๆ ในงานเลี้ยงก็คงคิดว่าหัวข้อพวกนี้น่าเบื่อและมันจะดูอนาจารมากหรือเปล่า? พวกเขาเป็นคนชั้นสูงนะ…”
“ไม่ดีแล้ว เราใช้แนวคิดของคนธรรมดาอีกแล้ว แต่ตอนนี้เราเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติแล้วนะ ต้องคิดถึงเรื่องผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่เขาพูดกันสิถึงจะถูก!” เฟจพึมพำกับตนเอง ตัดสินใจแน่วแน่แล้วขยิบตาให้กระจก เต้นแร้งเต้นกาอยู่พักหนึ่ง ทว่าจู่ ๆ เขาก็สังเกตเห็นว่าใต้ตาสีฟ้าของเขามีถุงดำคล้ำ ที่หัวตามีร่องรอยเส้นเลือดชัดเจน แถมสีหน้าของเขายังซีดมาก ดูอย่างไรก็ไม่ใช่คนที่เพิ่งตื่นนอนสบาย ๆ
เขาก็ไม่ได้นอนหลับสนิทจริง ๆ นั่นแหละ
อันที่จริง เมื่อคืนนี้เขาไม่ได้นอนเลย เขาใช้เวลาทั้งคืนในการอ่าน ‘รังอสุรกาย’ อย่างตั้งใจ
เนื้อหาของหนังสือเล่มนั้นทำให้เขาหลงใหลจนติดงอมแงม ถ้าให้เขาอธิบายก็คงเหมือนเขาหลับไปแล้วจริง ๆ แล้วเมื่อเขารู้ตัวอีกที ท้องฟ้าก็สว่างแล้ว
ในระหว่างนั้น ตัวเฟจก็รู้สึกว่าวิญญาณของตัวเองส่งเสียงเหมือนฟองสบู่โสโครกที่ระเบิดอยู่ในปลักโคลน แล้วเขาก็เหมือนเกิดใหม่
นั่นคือการยกระดับความสามารถ…ยอดเยี่ยมและเหลือเชื่อ
เขายังคงตื่นเต้นจนถึงตอนนี้ และไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้าเลย
เฟจพอใจมากกับภาพลักษณ์ที่ค่อนข้างเละเทะของเขา พลิกซ้ายพลิกขวาแล้วพยักหน้า
“เป็นอย่างนี้ก็ดี…คุณหลินมองปราดเดียวก็รู้แน่ ๆ ว่าเมื่อคืนเราขยันอ่านหนังสือแค่ไหน! เขาต้องดีใจแน่นอน!”
เฟจรู้สึกเหมือนเขาเข้าใจวิธีคิดของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติแล้ว
แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ได้ทำตามจารีตสังคมทั่วไปจากการที่เขาแต่งตัวซอมซ่อมางานเลี้ยงไฮเอนด์ แต่เขาก็จินตนาการออกถึงใบหน้าของคนเหล่านั้นที่มองมาทางเขาแล้ว
แต่เดิม คนเหล่านั้นมองมาที่เขาผู้แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าราคาถูกอย่างดูแคลน
และรังแต่จะยิ่งรุนแรง
แล้วมันเกี่ยวอะไรล่ะ? มันคงดีกว่าถ้าจะบอกว่าฉันชอบเห็นธาตุแท้ของพวกผู้ดีที่เสนอตัวเองอย่างหรูหรา
เฟจยิ้มอย่างยินดี แต่เราก็สนใจแค่ความคิดของคุณหลินก็พอแล้ว บางทีถ้าเขาเห็นว่าเราขยัน เขาก็อาจจะชี้แนะอะไรให้เราอีกก็ได้
คนที่คิดเรื่องแบบนี้ได้ก็คงจะมีแต่เราแหง ๆ — นายนี่มันโคตรฝีมือเลยว่ะเฟจ!
เฟจยกยอตัวเองโดยไม่ลังเล ผูกโบว์ที่คอเสื้อแล้วเชิดหน้าขึ้นผึ่งอก ก้าวเดินออกไปทางห้องของหลินเจี๋ยอย่างใจกล้า
เฮอะ เจ้าหนูผู้ดีที่จู่ ๆ เมื่อคืนก็โผล่มาขัดจังหวะแผนการขอคำปรึกษาของเขา แถมยังได้รับโอกาสสนทนาตัวต่อตัวกับคุณหลินอีก
ในฐานะผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ มองปราดเดียวก็เห็นแล้วว่าเจ้าหมอนี่เป็นภัยคุกคาม!
ถูกแล้วที่เขาเล่นงานเจ้านั่นให้หน้าเสียไปเมื่อวาน!
แต่ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้เขาชนะแล้ว!
เฟจพอใจในตัวเองมากขึ้นทุกขณะ เมื่อเขามาถึงหน้าประตูห้องหลินเจี๋ย กระแอมสองครั้ง แล้วเขาก็เตรียมเคาะประตูอย่างเคารพ
แอ๊ด…!!
ประตูห้องใกล้ ๆ พลันเปิดออก
เฟจพลันตื่นตัว สีหน้าของเขาเปลี่ยน
นั่นมันห้องเจ้าหนูนั่น!
ดูเหมือนเขาจะรู้ตัวแล้วและตั้งใจมาก่อกวน แต่ครั้งนี้เราจะไม่หลงกล…
เฟจรู้สึกเหมือนไฟลนก้น เขาเห็นเกร็กเดินเซออกมาจากประตู ลากขาอย่างหมดแรงไปที่ห้องของหลินเจี๋ย หัวของเขาฟูฟ่องเหมือนรังนกและเคลื่อนไหวช้าราวซอมบี้
เกร็กเงยหน้าที่ซีดเผือดสุด ๆ ขึ้นราวกับเพิ่งรู้ว่ามีคนยืนอยู่ข้าง ๆ
“…”
เฟจหรี่ตาลง
ในชั่วข้ามคืน เด็กหนุ่มลูกผู้ดีที่แต่งตัวอย่างภูมิฐานกลับเนื้อตัวซีดเซียว ดวงตาดำคล้ำ ริมฝีปากแตก กระทั่งสีหน้ายังดูซูบตอบ ดูแก่ขึ้นไปอีกอย่างน้อยสิบปี
ตกลงเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?!
ไม่ถูกแล้ว เฟจฟื้นจากอาการตะลึง ความเคลือบแคลงก่อตัวในใจ เจ้าหนูนี่คงไม่คิดเหมือนกันหรอกใช่ไหม?
“เฮ้…”
เฟจก้าวเท้าไปหาก้าวหนึ่ง ยื่นมือขวางทางเกร็กไว้
แต่เกร็กขมวดคิ้วแล้วหลบเขาทันที พึมพำคำพูดเข้าใจยากเบา ๆ ประมาณ ‘ปีศาจ’ ‘โทษฉัน’ ‘ความผิดที่ฉันต้องนึกให้ออก’ และอื่น ๆ สีหน้าของเขาสลับไปมาระหว่างความเสียใจและความกระวนกระวาย ดูเหมือนจะตกสู่สภาวะสับสนโดยสมบูรณ์
หัวใจของเฟจบอกเขาว่าเด็กคนนี้อาการหนักกว่าเขาอีก
ไม่ดีแล้ว เดี๋ยวนะ ถ้าคุณหลินมาเห็นอาการของเจ้าเด็กนี่ ความสนใจที่เราควรได้ก็จะ…
เขาวางมือลงบนบ่าของเกร็กแล้วดึงเขากลับมา เกร็กที่คิดจะไปให้ถึงหน้าประตูเหมือนถูกรบกวน คว้ามือไว้แล้วถลึงตาตะคอกใส่เขาอย่างโกรธเคืองทันที “ปล่อย!”
เฟจเห็นท่าทางของเขาแต่กลับเริ่มสนใจแล้วพูดกลั้วหัวเราะ “เป็นอะไรไป? ปล่อยได้อย่างไรล่ะ? เมื่อวานก็เหมือนคุณรู้สึกไม่ดีอยู่ ทำให้ผมคิดนะว่าวิธีแก้ปัญหาสำหรับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติก็วัดกันด้วยกำปั้นใช่ไหมล่ะ? เช่นนั้นถ้าคุณอยากให้ผมปล่อยก็ลองได้”
แม้ว่าคำพูดของเขาจะฟังดูอ่อนแอ แต่ความหมายของมันชัดเจน ดวงตาของเขาเรืองแสงแปลก ๆ เหมือนสีดำเฉดต่าง ๆ อันบิดเบี้ยวชวนคลื่นเหียน คลื่นพลังถูกปล่อยออกมาโจมตีใส่เกร็กทันที
ความสามารถสายควบคุมจิตใจ!
เกร็กตกใจ จำข้อมูลที่ขอให้วินสตันช่วยสืบเมื่อคืนนี้ได้ทันที เขาท่องมนตร์เพื่อช่วยให้จิตใจของตัวเองมั่นคงด้วยความเร็วสูงแล้วคว้าแขนของเฟจมาบิด!
วิธีขัดจังหวะความสามารถสายจิตใจที่ดีที่สุดคือการโจมตีผู้ร่ายโดยตรง เจ้าหมอนี่กล้าเข้ามาประชิดตัวเขา มองอย่างไรก็เห็นว่าไม่ได้มีประสบการณ์การต่อสู้เลยสักนิด!
เกร็กกำลังหงุดหงิดใจ แล้วเจ้าหมอนี่ก็ไม่ดูตาม้าตาเรือโผล่มาเป็นกระสอบทรายพอดี
“อ๊ะ!”
แกร๊ก!
แอ๊ด…!
“เสียงอะไรน่ะ?”
จู่ ๆ ประตูห้องของหลินเจี๋ยก็เปิดออก แล้วชายหนุ่มก็หันหลังกลับไปปิดประตู ฝีเท้าของเขาก็หยุดลง เขามองชายทั้งสองที่ยืนขนาบซ้ายขวาของประตู ห่างกันสองเมตรเป็นอย่างต่ำราวกับยามที่ทำท่าทางแปลก ๆ อย่างน่าประหลาดใจ
“เกิดอะไรขึ้นครับ? สีหน้าของพวกคุณดูไม่ดีแต่เช้าเลย นอนไม่หลับกันเหรอครับ?”
เจ้าของร้านหลินแสดงสีหน้าเห็นใจ
“เอ่อ…มันดีมากเลยครับ ผมหลับสบายมาก ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ” เฟจยิ้มอย่างไม่สมัครใจเท่าไร เหงื่อเย็น ๆ ผุดเต็มหน้าผาก เขายกมือขึ้นโบกทักทาย ในขณะที่อีกแขนที่ถูกบิดอยู่นั้นก็ถูกซ่อนไว้ข้างหลัง
“ผ…ผมก็ด้วย” เกร็กสูดหายใจลึก ๆ กดอารมณ์เชิงลบต่าง ๆ ในหัวของเขาเอาไว้ แล้วเขาก็เกือบจะคุกเข่าลงทึ้งหัวกับพื้น