บทที่ 355 : กฏ 3 วินาที
ในช่วงเวลาที่ค้างเติ่ง ดวงตาของเกร็กที่ไม่สามารถกลอกไปไหนได้แล้วสะท้อนภาพวันวิปโยคทางศาสนา
ในเขตแดนที่กาลเวลาถูกพลังระดับเหนือนภาควบคุม ทุกอย่างรอบ ๆ เริ่มถูกทำลายแล้ว และคฤหาสน์ที่ดูราวกับปราสาทก็เป็นจุดแรกที่เริ่มแสดงผลกระทบ
หลังคาโดมและกำแพงของห้องอาหารที่ถูกเส้นแสงแทงทะลุสลายไปภายใต้อำนาจแห่งเวลา มัวหมอง แตกหัก บิดเบี้ยว แล้วกลายเป็นเศษซากชิ้นเล็กชิ้นน้อยปลิวว่อนในอากาศ
รอยแตกของมิติและเวลาดูราวกับอสรพิษและสายฟ้าสีดำ ผลุบ ๆ โผล่ ๆ กลืนกินสิ่งของบางชิ้นรอบ ๆ ตัว
เส้นแสงที่แขวนระโยงระยางนับไม่ถ้วนถักทอเป็นปีกผีเสื้ออันสว่างไสว และที่ใจกลาง ร่างครึ่งตัวของสตรีเปลือยซึ่งถูกผ่าจากกลางลำตัวดูราวกับเป็นเครื่องสังเวยที่ถูกยกขึ้นตรึงบนกองไฟ โอบล้อมโดยเงามืด ดูหวาดกลัวอย่างไม่อาจเทียบกับสิ่งใดได้
เลือดสีเขียวปนสนิมที่ทะลักออกมาจากร่างที่ฉีกขาดของเธอแข็งตัวเป็นผลึกทรงดอกไม้ในเขตแดนของเธอเอง ดูราวกับเปลวเพลิงเผาไหม้อันแปลกตา
และเบื้องหลังเธอ เงามืดเงานั้นขยายตัวขึ้นบิดเป็นหลุมดำขนาดมหึมาราวกับปากที่อ้ากว้าง
และภายใต้ภาพวาดอันตระการตานี้ ตัวการของเรื่องทุกอย่าง ชายหนุ่มผมดำที่ดูอ่อนโยนผู้นี้ทำตัวราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เขาหันหลังให้ฉากอันโหดร้าย เพลิดเพลินดื่มด่ำกับมื้อเช้าของเขา
หลินเจี๋ยหรี่ตาลงกัดเค้กน้ำผึ้งที่ทั้งนุ่มและหวาน
ในขณะเดียวกัน เงามืดก็เปลี่ยนเป็นหลุมดำที่ดูเหมือนปากขนาดยักษ์ที่กำลังกัดกินผู้บุกรุกระดับเหนือนภาไปครึ่งร่างในคำเดียว
“!!!”
เจ็บ! เจ็บ! เจ็บ!
เสียงกรีดร้องที่มนุษย์ไม่ได้ยินดังขึ้นพร้อมด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสที่มนุษย์ไม่อาจเข้าใจ
อานาเอลที่แตกสลายจนแทบจำไม่ได้อ้าปากที่ฉีกขาดของตน น้ำตาสีเขียวปนสนิมที่เหนียวหนืดคล้ายน้ำมันกำลังไหลนอง ร่างทั้งร่างสั่นไหวอย่างรุนแรง ร่างที่เหลือเพียงเสี้ยวบิดงอราวกับเป็นคันธนู
ความสยดสยองอย่างรุนแรงเกิดขึ้นในพริบตา และอานาเอลผู้ไม่เคยประสบเรื่องเช่นนี้มาก่อนก็ทำอะไรไม่ถูกโดยสิ้นเชิง
มีเพียงความคิดเดียวที่กระจ่างชัด…หนี!!!
สิ่งที่ถูกกินไม่ได้มีเพียงร่างกายของเธอ แต่กฎเกณฑ์ที่เธอบรรลุ เขตแดนเทพของเธอ…ความเข้าใจกาลเวลาของเธอกำลังพังทลาย
แต่เธอเป็นผีเสื้อแห่งธารเวลา สิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติที่พึ่งพาเวลาในการคงอยู่
สำหรับระดับเหนือนภาทั่วไป การสูญเสียกฎเกณฑ์ที่ตนบรรลุเป็นเพียงการสูญเสียพลัง แต่สำหรับเธอ การพังทลายของกฎเกณฑ์เทียบได้กับความตายอย่างแท้จริง
ในตอนนี้เธอกำลังกลัว…กลัวมากจริง ๆ!
แต่ความป่าเถื่อนนี้ไม่ได้หยุดลงแค่เพราะเธอกลัว เธอเป็นดั่งผีเสื้อที่ถูกใยแมงมุมรัดพัน ไม่ว่าจะดิ้นแรงแค่ไหนก็ทำได้เพียงเพิ่มความน่าสนใจให้กับผู้ที่กำลังทรมานเธออยู่เท่านั้น
ทุกครั้งที่มีดสีเงินในมือหลินเจี๋ยตัดลงบนเค้ก เงาร่างดำสนิทนั้นก็จะฉีกกระชากร่างของผีเสื้อขั้นเหนือนภาอีกครั้ง ราวกับเด็กไม่รู้ตาสีตาสาที่ฉีกปีกผีเสื้อทีละนิด
หลินเจี๋ยใช้ส้อมกวนน้ำผึ้งให้ห่อเค้กแล้วป้อนเข้าปาก
“อร่อยจริง ๆ ด้วยครับ น้ำผึ้งหวานแต่ไม่เลี่ยน เค้กนุ่มอร่อย ได้รสชาติของนมและเนยฉ่ำ ๆ สามรสชาตินี้เข้ากันได้ดีจริง ๆ ชาร์ล็อตต์ รสนิยมของคุณมีเอกลักษณ์มากเลยครับ”
หลินเจี๋ยพยักหน้าแล้วทอดถอนใจ เขาทำตัวราวกับนักชิม ให้ความเห็นแล้วจิบชาดำไปพลาง ๆ
เงาดำขบเคี้ยวร่างระดับเหนือนภาที่จุติลงมาอย่างเย่อหยิ่งเมื่อวินาทีก่อน แม้แต่ปีกแสงนับไม่ถ้วนรอบ ๆ ก็ไม่ละเว้น
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ
ในเขตแดนที่กาลเวลาถูกแช่แข็งนี้ ระดับเหนือนภาผู้นั้นแม้จะกรีดร้องยังทำไม่ได้ และทำได้เพียงแสดงสีหน้าบิดเบี้ยวสุดขีดอย่างเงียบ ๆ เท่านั้น
เกร็กและเฟจมองภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ และเงาร่างนั้นก็เหมือนจะได้ยินคำวิจารณ์ของหลินเจี๋ย มันพยักหน้าเห็นด้วยอีกต่างหาก
นั่นคือ…อะไรล่ะ? หรือนั่นจะเป็นเจ้านายที่แท้จริงของลัทธิปริศนาที่เจ้าของร้านหนังสือเผยแพร่…เทพปีศาจเหรอ?!
เกร็กมองละครใบ้ตรงหน้าเขา แล้วการคาดเดาบางอย่างก็แล่นผ่านในใจอย่างตะกุกตะกัก
และตอนนั้นเอง เขาก็ตระหนักว่าตัวเองสามารถใช้ความคิดได้แล้ว…
นี่หมายความว่า…เขตแดนเทพของระดับเหนือนภานี้กำลังพังทลาย! ไม่อยากเชื่อเลย…เขาบดขยี้ยอดฝีมือขั้นเหนือนภาผู้บรรลุกฎเกณฑ์แห่งเวลาได้อย่างตรงไปตรงมา…!
เกร็กหนังหัวชาวาบ ความกลัวที่รุนแรงยิ่งกว่าแรงกดดันระดับเหนือนภาเมื่อครู่เสียดแทงเข้ากระดูกและแผ่ไปทั่วสรรพางค์กาย ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองร่วงลงไปในห้องแช่เย็น
ถ้าเขาไม่ได้ถูกตรึงการเคลื่อนไหว เขาก็คงอยากเผ่นให้ไกลแล้ว
ตราบใดที่เขาจำได้ว่าเคยเผชิญหน้าใกล้ชิดกับสิ่งมีชีวิตระดับนี้มาได้ตั้งนานสองนาน และกระทั่งแสดงความไม่เคารพต่อเขามาตั้งหลายครั้ง เขาก็จะรู้สึกราวกับถูกส่งมายืนเผชิญหน้ากับประตูสู่นรก และสติเสี้ยวเดียวที่เหลืออยู่ก็เป็นดั่งเปลวเทียนในสายลม กระเพาะปัสสาวะใกล้หยุดไม่อยู่เต็มที
เกร็กกลอกตาที่ขยับได้เพียงเล็กน้อยของเขาด้วยความอยากรู้ว่าอีกสองคนจะมีปฏิกิริยาอย่างไร ทว่าหลังจากเหลือบมอง เขาก็อดกระตุกมุมปากไม่ได้
เฟจรู้สึกหวาดกลัวอย่างสมบูรณ์ ดวงตาและปากของเขาอ้ากว้าง เหลือแค่ขยับปากพะงาบ ๆ และน้ำลายไหลย้อยเท่านั้น
สีหน้าของชาร์ล็อตต์เต็มไปด้วยความคลั่งไคล้ หากเธอสวมชุดแม่ชีและได้รับอนุญาตให้บำเพ็ญภาวนาในตอนนี้ เธอคงคุกเข่าลงกลายเป็นคนคลั่งศาสนาผู้เคร่งครัดที่สุดโดยไม่ลังเลแน่ ๆ
ทันใดนั้น เกร็กก็ได้ยินเสียง ‘เคร้ง!’ เหมือนมีบางอย่างตกลงพื้น
เสียงของหลินเจี๋ยดังตามมา “เอ๊อะ…! ถ้าหยิบทันในสามวินาทีก็คงยังกินได้อยู่มั้ง…”
ในขณะเดียวกัน เกร็กรู้สึกว่าตรวนกาลเวลาที่พันธนาการพวกเขาอยู่พลันหายวับไป
เด็กหนุ่มหันศีรษะขวับ แล้วก็เห็นว่าร่างของระดับเหนือนภาผู้นั้นถูกเงาร่างปริศนากลืนกินไปจนเหลือเพียงลูกตาดวงเดียวและใบหน้าครึ่งหนึ่งเท่านั้น เธอระเหยเป็นเส้นแสงนับไม่ถ้วนหนีไปทันที และหนอนสองสามตัวก็ร่วงลงมาในช่วงท้าย
ตู้ม…!!
การหนีสุดกำลังของระดับเหนือนภาทำให้เกิดพายุที่กวาดทุกสิ่งรอบ ๆ ตัวให้หายไปอย่างเงียบ ๆ และสิ่งของที่แต่เดิมถูกทำลายก็กลับมารวมกันใหม่ ทำให้มิติและเวลาดูราวกับกระท่อมไม้หลังน้อยกลางพายุ มีเพียงเงารอบ ๆ เท่านั้นที่ไม่ได้รับผลใด ๆ
เกร็กตัวแข็งทื่อ…
ไม่ใช่…ตรวนแห่งกาลเวลายังไม่หายไปไหน?!
แต่ระดับเหนือนภาตนนั้นย้อนกฎของตัวเอง!
จากการบีบอัดเปลี่ยนเป็นขยาย เขตแดนกาลเวลาเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง จากเดินไปข้างหน้าเป็นเดินย้อนกลับ!
เธอชิงอำนาจควบคุมเวลาของเธอคืน ในขณะเดียวกัน เวลาที่ถูกเร่งราวกับหนังสติ๊กถูกดึงก็กลับสู่จุดเดิมของมันทันที ด้วยความช่วยเหลือของแรงสะท้อนตามธรรมชาติ เธอได้พาตัวเองไปอยู่ต้นน้ำของแม่น้ำสายยาว หลบหนีจากเงาร่างดำมืดและกลับมามีอำนาจควบคุม
อานาเอลใช้พลังทั้งหมดที่เธอมีเพื่อหลบหนีความตาย…
เกร็กมองการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างตรงหน้าเขาอย่างตะลึงค้าง หลังคาและกำแพงห้องอาหารที่พังทลายกลับสู่สภาพเดิมของมันอีกครั้ง ผู้คนรอบ ๆ ที่ตัวระเบิดตายเมื่อครู่นี้ถูกคืนชีพ และรอยแตกของมิติและเวลาก็หายไป
แสงอรุณส่องสว่างผ่านกระจกสี ผู้คนที่เพลิดเพลินกับอาหารเช้ายังคงเสวนากัน และที่หน้าต่างก็มีเสียงนกร้องหวานหู
ทุกอย่างกลับสู่จุดเริ่มต้นราวกับว่าเมื่อครู่ไม่เคยเกิดสิ่งใดขึ้น
เว้นเพียง…เงาดำที่ร่วงลงพื้นมายืนข้างหลังของเจ้าของร้านหนังสือที่ทำท่าเหมือนสะอึกนิด ๆ
หลินเจี๋ยหยิบเค้กที่ตกพื้นขึ้นมา แต่ก็น่าเสียดายที่พบว่ากฎสามวินาทีผ่านไปแล้ว
เขากะพริบตามองเกร็กที่มีสีหน้าแข็งทื่อ จากนั้นก็เรียกบริกรคนเมื่อครู่ “ขออภัยอย่างสูงที่ผมทำพื้นเปื้อนครับ รบกวนทำความสะอาดหน่อยครับ”
หลินเจี๋ยมองไปรอบ ๆ แล้วถอนหายใจโล่งอก “ดีนะไม่มีใครสังเกต”
เขามองคนหนุ่มสาวทั้งสามที่ตัวสั่นน้อย ๆ “ทานสิครับ? ทำไมไม่ทานกันล่ะ?”