บทที่ 363 : แยกกันไม่ได้
องค์กรที่ตีกันเองเพราะข้อมูลภายในมีไม่พอนั้นไร้สาระสิ้นดี ราวกับเป็นแค่เรื่องพูดเล่น…
แต่สิ่งที่ทำให้วินสตันรู้สึกไร้สาระยิ่งกว่านั่นก็คือ องค์กรที่หละหลวมจนไม่น่าเชื่อถือนี้ทำให้หอพิธีกรรมต้องห้ามทำอะไรไม่ถูกมาเป็นเดือน ๆ…
แต่เมื่อเขาคิดว่าหากข้อมูลจากเกร็กเป็นความจริง องค์กรนี้ก็จะนำโดยระดับเหนือนภาถึงสิบคน แล้วเรื่องนี้ก็จะดูสมเหตุสมผลมาก!
สำหรับระดับเหนือนภาพวกนี้ ด้วยมุมมองของพวกเขา องค์กรนี้ก็อาจจะเป็นแค่เกมที่เล่นกันเฉย ๆ ก็ได้
ตัวพวกเขาเองนั่นแหละคือวิถีแห่งดาบอัคคี
เกร็กพูดอย่างจริงจัง “นั่นคือความจริงครับ พวกนี้คือข้อมูลที่ผมได้รับมาจนถึงตอนนี้ หวังว่าคุณจะสามารถรับประโยชน์จากมันได้ครับ”
วินสตันเงียบไปนาน และสุดท้ายก็พูดว่า “ผมจะให้คนสืบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด”
เกร็กตอบรับในลำคอแล้วถามอีกครั้ง “เรื่องอาจารย์…เป็นอย่างไรบ้างครับ?”
วินสตันกล่าวว่า “โชคดี ผมหมายถึง อย่างน้อยสถานการณ์ก็ไม่ได้แย่ลงไปกว่านี้แล้ว เขาจะยื้อเวลาให้ได้มากที่สุดอย่างแน่นอน แต่ว่า…”
เกร็กสูดหายใจเฮือก “เข้าใจแล้วครับ”
เขาไม่ถามต่อเพราะเขาเชื่อใจอาจารย์ของเขา
โจเซฟต้องพยายามหยุดไวลด์อย่างสุดฝีมือแน่ ๆ ดังนั้นตอนนี้ สิ่งที่พวกเขาต้องทำก็คือทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
เขาวางสาย คิดถึงหลินเจี๋ยที่ไม่รู้ว่าวางแผนอะไรกับบริษัทโรลล์ไว้ จากนั้นก็นั่งไม่ติดไปครู่หนึ่ง
ตอนนี้เอง เสียงกังวานของรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นพลันดังมาจากด้านข้าง ขัดจังหวะความคิดของเขา
เกร็กขมวดคิ้วแล้วมองไปทางต้นเสียง…
ชาร์ล็อตต์เข้ามาในห้องอาหารแล้ว เธอกอดหนังสือที่คุณหลินมอบให้ตัวเองไว้ในวงแขน รัดมันไว้แน่นกับอกและช่วงท้องของเธอโดยไม่มีช่องว่างแม้เพียงนิด มันแน่นเสียจนชวนให้คนอื่นคิดว่าทั้งคู่เกิดมาตัวติดกัน
“ขออภัยที่มาช้าค่ะ…”
เธอยิ้มแล้วนั่งลงข้าง ๆ เกร็กอย่างสง่างาม
เกร็กมองรอยยิ้มของเธออย่างเหม่อลอย และเมื่อเธอนั่งลงข้าง ๆ เขา เขาก็พลันขนลุกโดยไม่ทราบสาเหตุ
ความรู้สึกแบบนี้…มันเหมือนนั่งข้าง ๆ สัตว์มายากินคนเลย
ไม่เหมือนเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด!
เฟจจ้องไปที่หน้าอกของชาร์ล็อตต์ตรง ๆ การกระทำนี้ดูหยาบคายไม่สมควรมาก หากผู้ดีรอบ ๆ สังเกตเห็น พวกเขาจะประนามพฤติกรรมนี้ของเขาอย่างแน่นอน
แต่ที่จริงแล้ว เขากำลังมองหนังสือที่ดูจะเปลี่ยนสีไปเป็นแดงนิดหน่อย…
ดวงตาของเฟจกลอกขึ้นสบตากับอีกฝ่าย แล้วทั้งคู่ก็เข้าใจกันอย่างแปลกพิลึก
เฟจยกแก้วในมือเขาเล็กน้อย แล้วชาร์ล็อตต์ก็พยักหน้ายิ้ม ๆ
“เพื่อนสนิทของคุณ…ไดแอนน์ล่ะครับ?” เกร็กถามพลางสูดหายใจลึก ๆ
ชาร์ล็อตต์ยิ้มน้อย ๆ แล้วกล่าวว่า “อ้อ เธอบอกว่าเธอ…”
“ฉันสอนคำสอนของคุณหลินให้เธอบ้างนิดหน่อยแล้ว”
ชาร์ล็อตต์พูดเบา ๆ “ในอดีต ถึงเธอกับฉันจะเป็นเพื่อนกันจากภายนอก ที่จริงเรามีความบาดหมางกันลึกล้ำในใจ พวกเราต่างได้เรียนรู้ที่จะเสแสร้งท่ามกลางคลื่นสวะมนุษย์…สิ่งเหล่านี้ทำให้พวกเราไม่ซื่อตรงกับตัวเอง”
เธอพลันแสดงรอยยิ้มหวานที่ไร้เดียงสายิ่งขึ้นเหมือนกับไดแอนน์ “แต่ว่า ฉันต้องขอบคุณคำพูดของคุณหลินที่ทำให้ไดแอนน์ตระหนักว่าในตอนนี้ พวกเราแยกกันไม่ได้อย่างแท้จริงแล้ว”
“การเติบโตของฉัน ก็คือการเติบโตของเธอด้วย…”
ชาร์ล็อตต์ยิ้ม ผิวหน้าเรียบ ๆ สีชมพูของเธอพลันมีเลือดผุดออกมา เลือดเหล่านั้นกลายเป็นไข่มุกสีขาวที่ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นใบหน้าเล็ก ๆ ของผู้หญิงที่คุ้นหน้าคนหนึ่ง
ผู้หญิงคนนั้นไม่มีตาดำ ดวงตาของเธอเป็นสีขาวบริสุทธิ์ และปากของเธอก็อ้า ๆ หุบ ๆ อย่างเจ็บปวดราวกับเป็นปลาเกยตื้น ภาพนี้สะท้อนอยู่ในแววตาที่ยิ้มอย่างงดงามและเคร่งศาสนาของชาร์ล็อตต์
เกร็กและเฟจถึงกับนิ่งงัน พูดอะไรไม่ออก
“พวกคุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?” ชาร์ล็อตต์มองสองคนตรงหน้าเธออย่างเคลือบแคลงแล้วพลันได้สติ เธอขมวดคิ้วน้อย ๆ แล้วยิ้มขอโทษขอโพย “อุ้ย! ขอโทษค่ะ”
เธอยกมือเพรียวบางที่ห่อหุ้มอยู่ในถุงมือลูกไม้บาง ๆ กดใบหน้านั้นให้จมกลับเข้าไปในใบหน้าของเธอ
เกร็กเหงื่อแตกซิก กลืนน้ำลายเงียบ ๆ แล้วพยายามเปลี่ยนเรื่อง “เจ้าของร้านหลินฝากให้เรามาทักทาย…ทานมื้อเที่ยงให้อร่อยครับ”
“เห…?” ชาร์ล็อตต์ใช้มือข้างหนึ่งลูบแก้มของเธอ ในขณะที่อีกข้างยังคงกอดหนังสือไว้แนบอกของเธอแน่น แสดงสีหน้ายินดีออกมา “ขอบคุณคุณหลินสำหรับคำทักทายค่ะ ฉัน…มีความสุขมากจริง ๆ ด้วย”
—
หลินเจี๋ยเดินผ่านทางเดินคดเคี้ยวอันยาวไกล เดินผ่านหน้าต่างทางเดินมากมาย มองเห็นแขกเหรื่อที่อยู่เต็มห้องโถง จากนั้นก็อดนับอย่างเบื่อ ๆ ไม่ได้
ลูกค้าหนึ่งคน ลูกค้าสองคน…
ในขณะที่ครุ่นคิด เขาก็มาถึงห้องโถงด้านข้าง
แสงสีเหลืองอบอุ่นสาดจากเพดานลงมาที่พื้น หลินเจี๋ยเงยหน้าขึ้นแล้วก็แปลกใจที่พบว่าเพดานของห้องนี้ความจริงแล้วถูกสร้างขึ้นจากคริสตัลใสก้อนมหึมาทั้งก้อน พรมหนา ๆ ที่ใต้เท้ายวบลง นุ่มราวกับเมฆ และของที่วางกระจัดกระจายอยู่ทั่วห้องต่างประเมินค่าไม่ได้
หลินเจี๋ยคิดถึงบ้านโทรม ๆ ที่เต็มไปด้วยกองหนังสือเสียจนเขาไม่มีที่ให้เดิน จากนั้นก็ทอดถอนใจถึงความชั่วร้ายของนายทุนอีกครั้ง
…ความร่วมมือครั้งนี้ต้องแบ่งส่วนกันหนึ่งต่อเก้า!
“คุณหลิน คุณอยู่ที่นี่แล้ว…”
จี้จือซู่ที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นรีบยืนขึ้น สีหน้าท่าทางของเธอยังคงสนิทสนมและให้เกียรติเช่นเคย
จี้จือซู่ผู้สังหารผู้คนอย่างเฉียบขาดที่ข้างนอกไม่สามารถดูแคลนหลินเจี๋ยได้ไม่ว่าจะด้วยกรณีใด เธอสูดหายใจลึก ๆ ปลอบประโลมหัวใจที่เต้นรัวแรงของเธอ แม้ว่าเธอจะได้พบเจ้าของร้านหลินมาหลายครั้ง แต่ทุกครั้งเธอก็ยังสามารถสัมผัสถึงความน่ากลัวและยิ่งใหญ่ของเจ้าของร้านหลินได้อยู่ดี
เธอจำภาพที่เธอเคยเห็นได้ ระดับเหนือนภาที่ควบคุมกาลเวลา ต่อหน้าหลินเจี๋ยกลับเป็นแค่เค้กน้ำผึ้งที่ถูกตัดแบ่งกิน
หลินเจี๋ยมองคุณหนูจี้ที่จู่ ๆ ก็หน้าแดงอย่างไม่ทราบเหตุผลแล้วพลันพบว่าปัญหาของเขายังอยู่
“เจ้าของร้านหลิน เชิญนั่งตรงนี้ค่ะ”
จี้จือซู่ค้อมตัวลงดึงเก้าอี้หัวโต๊ะให้อย่างนอบน้อม ชุดเดรสของเธอรับกับทรวดทรงอันสมบูรณ์แบบ
หลินเจี๋ยลังเลเล็กน้อยพลางมองการยกตำแหน่งที่ชัดเจน “คุณหนูจี้สุภาพเกินไปแล้วครับ วันนี้ผมเป็นแขก ดังนั้นตำแหน่งนี้…เกรงว่าคงไม่เหมาะสมหรอกครับ”
หัวใจของจี้จือซู่เต้นกระตุก เจ้าของร้านหลินไม่พอใจที่เธอแอบมองเขาด้วยดอกกุหลาบก่อนหน้านี้เหรอ…
“ไม่หรอกค่ะ ถึงคุณจะเป็นแขก แต่สำหรับฉัน คุณเป็นผู้มีพระคุณที่เปลี่ยนชีวิตของฉันนะคะ”
เธอก้มหัวแล้วกระซิบด้วยน้ำเสียงจริงใจทันที “ต่อให้ฉันพยายามอย่างไร ฉันก็ตอบแทนของขวัญจากคุณไม่ได้อยู่ดี ดังนั้นโปรดอนุญาตให้ฉันปฏิบัติกับคุณอย่างให้เกียรติสูงสุดด้วยค่ะ”
คิดแบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ ทำต่อไปแล้วอย่าลืมซื้อหนังสือเพิ่มด้วยนะครับ
ความคิดของหลินเจี๋ยไหลเข้ามาในใจ แต่เขาก็ถอนหายใจทันที เขารู้สึกเสมอว่าคุณหนูจี้สงบเสงี่ยมเล็กน้อยในอดีต แต่ตอนนี้เธอยิ่งกดตัวเองต่ำกว่าเดิมเรื่อย ๆ อีก เธอไม่ได้ทิ้งความสัมพันธ์นี้หรือความคิดของเธอเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นกันแน่?
“คุณหนูจี้ ครั้งก่อนผมคุยกับคุณถึงเรื่องความต่างชั้นระหว่างคุณกับผมแล้ว เป็นไปไม่ได้สำหรับเราหรอกนะครับ…”
เมื่อจี้จือซู่ได้ยินดังนี้ เธอก็ยิ่งกระวนกระวายขึ้นอีก คิดว่าเจ้าของร้านหลินกำลังไม่พอใจเธอในตอนนี้ และเขาอาจรู้สึกว่าพฤติกรรมของเธอไม่ได้แสดงความภักดีมากพอ
ไม่สิ การร่วมมือนี้ สุดท้ายต้องไร้ข้อผิดพลาด
เธอรีบร้อนสาบาน “โปรดเชื่อเถอะค่ะว่าทุกอย่างที่ฉันมี ไม่ว่าจะเป็นร่างนี้หรือจิตวิญญาณต่างก็เป็นของคุณแล้ว และเจตจำนงของฉันจะมีอยู่เพื่อคุณค่ะ!”
หลินเจี๋ย “หืม…?”