บทที่ 386 : ราคาที่ต้องจ่าย
“หิมะยังไม่ละลาย…”
ชายหนุ่มเดินจากไปไกล ร่างของเขาค่อย ๆ ลาลับไปในรัตติกาล แต่คำพูดแฝงความนัยและแววตาสุดท้ายในยามที่เขาหันหลังกลับนั้นเหมือนยังเกิดขึ้นต่อหน้า
คู่พ่อลูกสกุลจี้ยังคงมีท่าทีนอบน้อม ยืนอยู่ท่ามกลางสายลมอันเย็นเฉียบเนิ่นนาน จนกระทั่งเมื่อพวกเขาไม่สามารถมองเห็นแผ่นหลังของหลินเจี๋ยได้อีกต่อไป ทั้งสองจึงยืดตัวตรงมามองหน้ากัน
จี้จือซู่มองแขกแต่ละคนซึ่งกำลังแยกย้ายกลับคนแล้วคนเล่าที่หน้าประตูหลักไกลออกไป เสียงเซ็งแซ่จางหาย ทำให้คฤหาสน์ใหญ่โตกลับมาเงียบอีกครั้ง มุมปากของเธอกระตุกกะทันหัน แล้วจึงพูดอย่างแฝงความนัย “เจ้าของร้านหลินเคยบอกลูกไว้ว่า คนไม่ผิด ผิดที่ครอบครองหยกงาม”
จี้ป๋อหนงเดินเข้าไปในคฤหาสน์พลางพูดอย่างจนใจ “เวลาคุยกับพ่อจำเป็นต้องแกล้งโง่ไหม? เจ้าของร้านหลินเผยเจตนาชัดเจนมาก กลัวพ่อไม่เข้าใจหรืออย่างไร?”
เขาอุทานว่า “ความโลภของใจคนยากแท้หยั่งถึง…”
จี้จือซู่เดินตามพร้อมรอยยิ้มที่กว้างขึ้น “แต่ลูกเกรงว่า ฝีมือของพวกเขาจะเทียบกับมันไม่ได้นะคะ”
—
แขกเหรื่อเริ่มพากันแยกย้าย ในเวลาไม่นานจากนั้น คฤหาสน์ A16 ที่เคยครึกครื้นอยู่สามวันก็เงียบสนิท ราวกับการร้องรำทำเพลงที่ผ่านมาเป็นเพียงภาพลวงตา
จี้ป๋อหนงเดินอยู่บนทางเดินกึ่งเปิดโล่งของคฤหาสน์พลางมองท้องฟ้าที่มืดสนิท แม้ว่าจะไม่มีสายลมและหิมะเหมือนอย่างในสวนด้านนอกก็ตาม
สำหรับเขา ทิวทัศน์อันคุ้นเคยนี้ได้ต่างไปจากในอดีตแล้ว
เขามองลงมายังฝ่ามือของตน หลังจากกลายเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ พลังก็ถูกรวบรวมไว้ในตัวเขา การไหลเวียนอีเธอร์เติมเต็มทุกซอกทุกมุมราวกับกำลังตื่นเต้น และรอคอยบางสิ่งอย่างใจจดใจจ่อ
จี้จือซู่เดินตามหลังเขาพร้อมกับกล่องทองเหลืองซึ่งบรรจุหนังสือทั้งห้าในอ้อมแขน เสียงของพ่อบ้านสั่งการคนใช้ให้เก็บกวาดห้องโถงดังชัดเจนจากด้านหลัง กระทั่งเสียงหิมะละลายช้า ๆ ที่ด้านนอกยังดูชัดเจนราวกับเขาไปอยู่ที่นั่นเอง
เสียงน้อยใหญ่เหล่านี้ต่างหลอมรวมกัน ฟังดูสับสนจนน่ารำคาญ
จี้ป๋อหนงสูดหายใจเข้าลึก ๆ
ดูเหมือนว่า…เขาจะยังต้องการเวลาสักพักเพื่อชินกับพลังนี้
หรือไม่ก็…โอกาสในการฝึกฝน
เขาชะงักกะทันหัน มุมปากยกยิ้มเยาะ ก่อนจะพูดอย่างสุขุม “ถ้าคุณต้องการหนังสือทั้งห้าเล่มนี้ โปรดมาซื้อมันในสามวันให้หลังจากกติกา ธุรกิจของเราไม่มีนโยบายแอบขายล่วงหน้านะครับ”
เสียงของเขาก้องไปในทางเดิน และหลังจากรออยู่ครู่หนึ่ง เสียงแหบต่ำของชายคนหนึ่งก็ตอบกลับมา…
“โอ้ ความทะเยอทะยานของประธานจี้ใหญ่จริง ๆ…”
ชายในชุดคลุมนักเวทมนตร์ดำปรากฏตัวขึ้นจากเงามืดที่สุดทางเดินในพริบตา
ทันทีหลังจากนั้น เสียงลมกรรโชกก็ดังขึ้นราวกับได้รับสัญญาณ และผู้มีพลังเหนือธรรมชาติหลายคนก็ปรากฏขึ้นในทิศทางต่าง ๆ รอบ ๆ พร้อม ๆ กัน พวกเขาต่างเป็นคนคุ้นหน้าสำหรับจี้ป๋อหนง กระทั่งเครื่องแต่งกายก็ยังเป็นชุดเดิมที่ใช้เข้าร่วมงานเลี้ยง ไม่มีเจตนาปกปิดตัวตนกันแม้แต่น้อย
จี้ป๋อหนงมองไปรอบ ๆ พลางพูดยิ้ม ๆ “ไม่ใช่ว่าพวกคุณไปกันหมดแล้วเหรอ? หรือเพราะหิมะตกหนักมากเกินไป พวกคุณเลยจะมาขออาศัยบ้านหลังน้อยของผมต่อสักพักกันล่ะ?”
“หยุดแกล้งโง่ได้แล้ว จี้ป๋อหนง”
นักเวทมนตร์ดำผู้นำทีมสลัดผ้าคลุมและฮู้ดของเขาออก เผยให้เห็นใบหน้าอันละโมบ เขาคือผู้ตรวจการออตซึ่งจ้องกล่องในมือจี้จือซู่ตาไม่กะพริบ “คุณนั่นแหละที่ผิดกฎก่อน บริษัทโรลล์จะต้องถูกดูแลโดยคนธรรมดาเท่านั้น แล้วตอนนี้คุณคิดจะขึ้นมาเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ…”
มีดพิธีกรรมแลบออกมาจากแขนเสื้อคลุมของนักเวทมนตร์ดำ ออตถือมันในมือ ตั้งท่าพร้อมรบแล้วพูดเสียงต่ำ “คุณไม่มีคุณสมบัติที่จะถือหนังสือห้าเล่มนี้!”
จี้ป๋อหนงยิ้มเยาะ “นี่ไม่ใช่เรื่องที่คุณที่จะมาตัดสินได้ว่าผมมีคุณสมบัติหรือไม่…”
ออตหรี่ตาลง “เพราะงั้น คุณเลยจะผิดกฎของสำนักงานกลางอย่างเปิดเผย ทรยศต่อภารกิจนับแต่แรกก่อตั้งของบริษัทโรลล์งั้นสิ?”
จี้ป๋อหนงถอนหายใจ “ภารกิจ? คุณพูดถึงการเป็นสุนัขรับใช้ให้พวกผู้มีพลังเหนือธรรมชาติอย่างพวกคุณน่ะรึ? รุ่นแล้วรุ่นเล่า รุ่นแล้วรุ่นเล่า ประธานทุกรุ่นของบริษัทโรลล์เป็นได้แค่หมารับใช้! มีชีวิตอยู่ภายใต้การจับตามองของพวกคุณ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงสถานะ เป็นได้แค่ไอ้ปวกเปียกที่ถูกควบคุมตามอำเภอใจ”
เขามองมือที่กำแน่นของตน “ผมทนมาพอแล้วล่ะ…”
ออตแค่นเสียงเย็นชา “ทนมาพอแล้ว? คุณมีสถานะสูงส่งและความมั่งคั่งที่แทบไม่รู้จบ ชีวิตที่คนมากมายใฝ่ฝัน แต่คุณยังคิดว่ามันไม่พอ นี่ไม่ใช่ความโลภของคุณเองหรืออย่างไร? ดูเหมือนว่าคุณจะถูกร้านหนังสือนั่นหลอกลวงล้างสมองเข้าจริง ๆ แล้ว ผมต้องกำจัดหนอนบ่อนไส้ของสำนักงานกลางอย่างคุณซะ!”
ก่อนทันพูดจบ ชายผูู้นั้นก็พุ่งออกไป เปลี่ยนเป็นเงาดำไปอยู่ด้านหลังจี้ป๋อหนง เงื้อมีดพิธีกรรมขึ้นพลางบริกรรมคาถา ในขณะเดียวกัน ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติคนอื่น ๆ ต่างใช้ความสามารถของพวกตน พุ่งเข้าหาสองพ่อลูกที่กึ่งกลางอย่างรวดเร็ว…
“คุณพูดถูก ว่าแล้วเชียว ความโลภในใจคนยากแท้หยั่งถึง”
จี้ป๋อหนงเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดที่ดูเหมือนไส้เดือนสีดำชอนไช มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอันน่าหวาดหวั่น “ไม่ใช่แค่พวกคุณ แต่…ผมด้วย”
แคว่ก!
เสียงเนื้อถูกฉีกพลันแล่นปะทะโสตประสาท และส่วนท้องของหนึ่งในผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับสัตว์ประหลาดซึ่งหน้ามืดตาบอดเพราะความโลภก็เหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นทะลวงทะลุ เลือดกระเซ็นเต็มทางเดิน แล้วเครื่องในของเขาก็ทะลักร่วงออกมาเต็มไปหมดทันที
สีหน้าของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติคนนั้นยังไม่ทันเปลี่ยน มีเพียงความบิดเบี้ยวน่ารังเกียจระคนตกใจ
เขามองรูใหญ่ที่ท้องตน เซไปสองก้าว และก่อนที่ร่างจะล้มลง มันก็ถูกฉีกออกจากกันในวินาทีต่อมา แขนขาร่วงลงกับพื้น
โถงทางเดินดูเหมือนมีสายฝนโลหิตโปรยปราย
ม่านตาของออตหดตัว ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่เหลืออยู่ต่างถูกทำให้ตกใจ การเคลื่อนไหวของพวกเขาชะงักพร้อม ๆ กัน แต่เพราะความเย้ายวนของหนังสือทั้งห้าในกล่องทองเหลือง ในหมู่พวกเขาจึงไม่มีใครหนี
เป็นไปตามคาด จี้ป๋อหนงกลายเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติแล้ว!
ความคิดหนึ่งแล่นผ่านในใจออต
คิดดูก็รู้ว่านี่ต้องเป็นผลจากเจ้าของร้านหนังสือ ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าหลินเจี๋ยและจี้ป๋อหนงใช้เวลาด้วยกันน้อยกว่าครึ่งคืน แต่นั่นก็ทำให้เขาฆ่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับสัตว์ประหลาดได้ในเวลาไม่กี่วินาที…
ความสนใจของสำนักงานกลางไม่ได้เกิดขึ้นพร่ำเพรื่อจริง ๆ…
“นี่เหรอสิ่งที่คุณพึ่งพา?”
ออตตะโกนอย่างเดือดดาล “คุณทรยศสำนักงานกลางจริง ๆ ด้วย! คุณตายแน่! สำนักงานกลางจะไม่ปล่อยให้ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติมาควบคุมบริษัทโรลล์หรอก ไม่ว่าจะเป็นคุณหรือหลินเจี๋ยคนนั้น ตายหมดแน่!”
“หิมะที่เจ้าของร้านหลินบอกว่าไม่ละลายหมายถึงเศษซากจากอดีตอย่างพวกคุณเหรอ? โอ้ ผมไม่ต้องการให้สำนักงานกลางมายินยอมหรอก ให้พวกเขาโกรธเต้นร่ากันไปเถอะ…”
จี้ป๋อหนงยืนอยู่ที่เดิม แต่อำนาจที่มองไม่เห็นกระจายออกมาอีกครั้ง ฟาดฟันเข้าใส่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติคนหนึ่งจนขาดเป็นสองท่อน ก่อนที่จะอ้าแขนออก “จากวันนี้ไป บริษัทโรลล์จะแยกตัวออกจากสำนักงานกลาง ขยับเข้าสู่อิสรภาพและการปกครองตนเอง! คุณเห็นแล้วใช่ไหม? ยุคสมัยแห่งเสรีภาพกำลังมา เราจะควบคุมตัวเอง!”
“อย่างไรเสียสงครามก็ต้องเกิด ฤดูหนาวจะผ่านไป และใบไม้ผลิจะมาเยือน นี่คือสิ่งที่ไม่มีใครหยุดได้ เมื่อดวงอาทิตย์ฉายแสง หิมะก็จะละลาย”
ทันทีที่เสียงอันเปี่ยมอารมณ์ของจี้ป๋อหนงถูกกล่าว หนึ่งในนักล่าซึ่งถูกกระตุ้นโดยสายเลือดและความโลภอันบ้าคลั่งในใจก็ระเบิดพลังออกมาอย่างเต็มที่ ถูกเลือดอสูรกลืนกินกลายเป็นสัตว์ร้ายที่ไม่เห็นหน้าพุ่งเข้ามาทันที
พลกำลังและความเร็วของเขาทะยานชนขีดจำกัด กระทั่งหลบการโจมตีของจี้ป๋อหนงได้
ความสนใจของจี้ป๋อหนงถูกดึงไปชั่วขณะ
ออตพลันเงื้อมือขึ้น เสื้อคลุมนักเวทมนตร์ดำร่นลงให้เห็นห่วงร้อยกระพรวนแปลก ๆ ซึ่งแกะสลักจากกระดูกสีซีด…
นี่คืออุปกรณ์ทำพิธีกรรมจากชนเผ่าโบราณแปลก ๆ เผ่าหนึ่งในเขตล่าง และเป็นวัตถุเหนือธรรมชาติระดับกึ่งเหนือนภาซึ่งสามารถสร้างเสียงกระพรวนที่แม้แต่ระดับภัยพิบัติยังทนไม่ไหว
“ผมจะทำให้คุณรู้เองว่าความคิดเพ้อเจ้อนั่นก็แค่ฝันเฟื่อง!”
ออตยิ้มเยาะพลางสั่นกระพรวน “คุณน่ะคู่ควรเป็นได้แค่สารอาหารเพื่อการเลื่อนขั้นของผมเท่านั้นแหละ!”
ทางเดินทั้งเส้นบิดเบี้ยว เริ่มตกสู่ภาพหลอนราวกับกระจกสะท้อนแสงนับไม่ถ้วน ทำให้ผู้คนไม่สามารถแยกแยะระหว่างความจริงกับภาพหลอนได้
“เลื่อนขั้น?…ฮะ ๆ แล้วเกี่ยวอะไรกับหนังสือห้าเล่มนี่ล่ะ? จะเอาไปให้สำนักงานกลางเหรอ? ถ้าคุณภักดีต่อสำนักงานกลางจริง ก็ควรรายงานผมต่อพวกเขาตรง ๆ สิ ไม่ใช่มาคนเดียวแบบนี้นะออต”
จี้ป๋อหนงยิ้มเยาะ “ตอนนี้น่ะ อย่าลืมหาข้ออ้างให้ความโลภของคุณสิ คุณน่ะเกินเยียวยาแล้วจริง ๆ”
“จำเป็นที่ขยะแบบนี้ต้องมีตัวตนอยู่บนโลกด้วยเหรอ?”
เขาพึมพำกับตัวเอง “ช่วยโลกให้ลำบากน้อยลงดีกว่า”
ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติคนอื่น ๆ ซึ่งถูกจี้ป๋อหนงฉีกร่างกองกับพื้นเมื่อครู่แต่ยังมีลมหายใจหลงเหลือส่งเสียงกรีดร้องสะท้านทรวง เมื่อรวมกับเสียงสั่นกระพรวนแหลมก้องแล้ว ฟังดูแข็งกระด้างผิดปกติ
ออตหรี่ตาลง เตรียมดื่มด่ำไปกับเสียงโหยหวนที่น่าอภิรมย์ขึ้น ก่อนจะหยุดลงกะทันหัน ม่านตาหดตัว…
จู่ ๆ จี้ป๋อหนงก็หายตัวไป
ไม่สิ เขากลายเป็นอย่างอื่น
ร่างของเขาบวมพองใหญ่โต หันหลังบดบังท้องฟ้าราตรี ทอดเงามโหฬารบนร่างของออต ชุดคุณภาพสูงถูกฉีกกระชาก จู่ ๆ เขาก็กลายเป็นสัตว์ประหลาดยักษ์…
ดวงตาของจี้ป๋อหนงใหญ่ขึ้นจนเทียบเดิมไม่ได้ หนอนนับไม่ถ้วนกลิ้งเกลือกในดวงตา ดูแล้วเหมือนน้ำเดือด
“ค…ค…ค…คุณ?!”
ออตตกใจกลัว จนไม่มีสติให้สามารถคิดอะไรในใจได้
ไม่ นี่ต้องไม่ใช่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติประเภทไหนแน่…เวรเอ๊ย! เจ้าของร้านหนังสือคนนั้นทำบ้าอะไรลงไปเนี่ย?!
“ฮะ…ฮ่า ๆๆๆ…” เสียงของจี้ป๋อหนงฟังดูอื้ออึงเหมือนมีเสียงนับไม่ถ้วนประสานกัน “ผมยังเป็นมนุษย์ธรรมดาในสายตาคุณอีกไหม? ผู้ตรวจการ คุณเฝ้ามองผมมาตั้งหลายต่อหลายปี เห็นชัดแล้วหรือยังล่ะ?”
จากนั้น เขาก็ค่อย ๆ เปิดช่วงท้องของตัวเอง ร่างแบนลงแล้วยืดยาวออกเหมือนมีแต่หนัง สิ่งที่อยู่ในช่วงท้องซึ่งแยกออกจากกันไม่ใช่เครื่องในอีกต่อไป แต่เป็นมือนับไม่ถ้วน…
“มาดูใกล้ ๆ กว่านี้สิ…”
“อ๊าาาา…”
ออตกรีดร้องอย่างหวาดกลัว สติที่ถูกหนังสือทั้งห้าดึงไปกลับมาในที่สุด เขาอยากจะหนีไปอย่างทุลักทุเล ทว่ามือนับไม่ถ้วนเหล่านั้นยืดออกมาจากร่างของจี้ป๋อหนง คว้าตัวเขาลากกลับมา
จี้ป๋อหนงยิ้มเย้ย ร่างของเขาปิดเข้าหากัน
ร่างกายของเขาหดกลับสู่สภาพเดิม มองทางเดินที่เต็มไปด้วยเลือดพลางพึมพำ “ที่จริงฉันก็อยากได้หนังสือของเจ้าของร้านหลินมาฟรี ๆ เหมือนกัน แต่ฉันก็มีราคาที่ต้องจ่าย…”