เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] – ตอนที่ 388 : เขากำลังบอกใบ้เราอยู่จริง ๆ

บทที่ 388 : เขากำลังบอกใบ้เราอยู่จริง ๆ

“สวัสดีครับ เจ้าของร้านหลิน” โจเซฟพยายามยิ้มสุดชีวิตเพื่อให้ตัวเองดูกระอักกระอ่วนน้อยลง

หลินเจี๋ยดูตะลึง ก่อนจะพูดอย่างประหลาดใจ “บาดแผลของคุณสาหัสจริง ๆ…สาหัสกว่าที่ผมคิดมาก”

แม้ว่าเขาจะรู้อยู่นานแล้วว่าโจเซฟกำลังปฏิบัติภารกิจของหอพิธีกรรมต้องห้ามอยู่ แต่หลินเจี๋ยก็ไม่ได้คาดว่าภารกิจนี้จะอันตรายจนโจเซฟบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้อยู่ดี

โจเซฟยิ้มเจื่อน ๆ…ว่าแล้วเชียว เจ้าของร้านหลินผิดหวัง เขาคาดการณ์ความพ่ายแพ้ของเราไว้แล้ว แต่ไม่คาดฝันว่าเราจะพลาดขนาดนี้

“ภารกิจของหอพิธีกรรมต้องห้ามทำถึงขนาดนี้เลยเหรอครับ?” เจ้าของร้านหลินยั้งความประหลาดใจของตัวเอง ส่งร่มและเสื้อโค้ตให้มูเอนรับไปแขวนในห้อง ก่อนจะถอยเข้าไปในมุมมืด

เจ้าขาวดูจะไม่ได้เห็นหลินเจี๋ยมานาน มันเลยรีบปรี่เข้าไปเคล้าแข้งเคล้าขาหลินเจี๋ย และหลินเจี๋ยก็ลูบหัวมันเบา ๆ

ภารกิจของหอพิธีกรรมต้องห้าม…

โจเซฟถอนหายใจในใจ จากมุมมองหนึ่ง นี่ก็เป็นภารกิจของหอพิธีกรรมต้องห้ามซึ่งทำให้เขาร่วงหล่นถึงจุดนี้จริง ๆ

โจเซฟถอนหายใจ แม้ว่าหลินเจี๋ยจะกล่าวถึงมันไปแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ชินกับการเบนความเกลียดชังเข้าหาหอพิธีกรรมต้องห้ามอยู่ดี เขาจึงพูดว่า “ไวลด์ครับ ผมสู้กับเขา ทุกบาดแผลของผมก็มาจากเขานั่นแหละ”

หลินเจี๋ยขมวดคิ้ว นี่ยืนยันความคิดตลอดมาของเขาได้…ไวลด์เดินทางผิดจริง ๆ

หลินเจี๋ยอดถอนหายใจไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าสถานการณ์ของไวลด์เป็นอย่างไรบ้าง บางทีเขาคงต้องตักซุปไก่เยียวยาจิตใจอีกสักสองสามชามให้เขากลับสู่เส้นทางที่ถูกต้อง

แล้วจู่ ๆ เขาก็มีความรับผิดชอบเพิ่มมาเสียแล้ว

แต่จากรูปลักษณ์ชายชราผู้เดียวดายของไวลด์ เขาจะไปตบตีผู้ชายตัวโต ๆ อย่างโจเซฟไหวได้อย่างไรเนี่ย…อ้อ จะว่าไป ไวลด์ก็เลี้ยงหมาด้วยนี่หว่า อึ๋ย!! ต้องเป็นฝีมือหมาของไวลด์แน่นอน…

เขามองโจเซฟด้วยสีหน้าเห็นอกเห็นใจมากขึ้น

เมื่อเผชิญสายตาเช่นนั้น โจเซฟก็ก้มหน้าลงอย่างละอาย เหมือนนักเรียนที่ทำบางอย่างผิด

“ในเมื่อมาที่นี่แล้ว ก็พักรักษาตัวที่นี่เถอะครับ” หลินเจี๋ยพูดอย่างใจกว้าง หันไปมองมูเอนพลางกล่าวว่า “เราจัดพื้นที่ชั้นใต้ดินด้วยกันเถอะ คุณอยู่ในชั้นใต้ดินก็ได้ระหว่างพักฟื้น ไม่ง่ายเลยที่จะพักตรงนี้ได้”

มูเอนชะงักไปครู่หนึ่ง คิดเกี่ยวกับสภาพชั้นใต้ดิน ก่อนจะพยักหน้าพูดทันที “ได้ค่ะ เจ้าของร้านหลิน”

หลินเจี๋ยผลักเปิดประตูชั้นใต้ดิน นอกจากของไม่กี่ชิ้นกับฟอสซิลมังกรโบราณที่เชอร์รี่เคยให้มา ชั้นใต้ดินก็ไม่มีของชิ้นอื่นอีก มันถูกมูเอนจัดพื้นที่อย่างรวดเร็ว

มูเอนดันตัวโจเซฟเข้าไปในชั้นใต้ดินที่มืดเล็กน้อย ทันทีที่เขาก้าวเข้าไป ทั้งร่างของโจเซฟก็ชะงักนิ่ง

เขาหันไปมองมูเอนผู้มีสีหน้าเฉยเมยโดยไม่ทันยั้งคิด และหลินเจี๋ยผู้ยืนเท้าเอวมองชั้นใต้ดิน

แต่ทันทีที่เขาก้าวเข้ามา โจเซฟก็สัมผัสร่องรอยอันมหึมาของอีเธอร์ที่ดูราวมหาสมุทรอยู่แทบจะทั่วทุกที่ได้ และสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงร่องรอยอีเธอร์เท่านั้น ยากจะจินตนาการได้ว่าก่อนหน้านี้มีอีเธอร์แข็งแกร่งแค่ไหนเติมเต็มที่นี่อยู่…

โจเซฟตัวสั่นทั่วร่าง อีเธอร์ที่ทรงพลังขนาดนี้ดูเหมือนจะทำให้เขาหายใจไม่ออก…

มูเอนพยุงโจเซฟไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง

โลกที่โจเซฟผู้เหยียบย่างสู่ระดับเหนือนภารับรู้ได้นั้นต่างออกไปมาก เขารับรู้ในใจว่าหากอีเธอร์เหล่านั้นยังอยู่ที่นี่ อีเธอร์มหาศาลเหล่านั้นจะฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย…

โจเซฟไม่กล้าขยับตัว เขานั่งลงบนเก้าอี้ช้า ๆ จากนั้นก็ชนเข้ากับโต๊ะข้างเก้าอี้โดยไม่ได้ตั้งใจ

เฮือก!!

หัวใจของเขาชะงัก ทันทีที่เขาสัมผัสกับโต๊ะ โจเซฟดูเหมือนจะได้ยินเสียงคำรามของมังกรโบราณแห่งหายนะที่มองขึ้นไปบนฟ้า เสียงคำรามนั้นดังก้อง ฟังดูจะเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ ตามมาด้วยพายุแรงกล้าที่พัดเข้าใส่หน้าของเขา…

โจเซฟลืมตาขึ้น เหมือนว่าครั้งหนึ่ง ห้องใต้ดินเล็ก ๆ นี่จะเคยขังมังกรตนหนึ่งไว้

หากเป็นคนธรรมดาสักคน เกรงว่าพวกเขาคงถูกอีเธอร์มหาศาลทำให้เป็นบ้าไปแล้ว…

โจเซฟหายใจเบา ๆ ปรับท่านั่งของตน และเผชิญกับพลังของเจ้าของร้านหนังสืออย่างจริงจังอีกครั้ง ยิ่งเขาแข็งแกร่งขึ้น เขายิ่งสัมผัสได้ชัดเจนขึ้นว่าตนเป็นเพียงมดในมือของอีกฝ่ายและจะถูกบี้ได้ทุกเมื่อ แต่อีกฝ่ายก็ยังคงโยนขนมหวานราวลูกกวาดให้เขาอยู่เรื่อย ๆ

หลินเจี๋ยกะพริบตา งุนงงว่าทำไมสีหน้าโจเซฟถึงซีดเซียวนัก จากนั้นก็เร่งการขยับของมือ ตั้งเตียงเก่า ๆ ที่ไม่ได้ใช้ขึ้น ก่อนจะถามว่า

“แล้วสถานการณ์ตอนนี้ของคุณเป็นอย่างไรบ้างครับ? แน่นอนว่าคุณอยู่ที่นี่ได้ตราบเท่าที่ต้องการ แต่คุณไม่ต้องรายงานกลับหน่วยเหรอครับ? ถึงอย่างไร นี่ก็เป็นภารกิจของหอพิธีกรรมต้องห้ามนี่นา…”

โจเซฟก้มหน้าเงียบ ๆ อยู่นาน ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ ทุกครั้งที่หลินเจี๋ยพูดถึงหอพิธีกรรมต้องห้าม หัวใจของเขาก็ดูเหมือนจะถูกย่างบนตะแกรงทุกทีไป

เมื่อเห็นโจเซฟไม่พูด หลินเจี๋ยก็ถามอย่างจริงจัง “ในเมื่อมันเป็นภารกิจของหอพิธีกรรมต้องห้าม มันก็น่าจะมีประกันต่าง ๆ และค่าที่พัก รวมไปถึงสินไหมชดเชยเวลาบาดเจ็บใช่ไหมครับ?”

บริษัททั่วไปมีของแบบนี้อยู่ และหอพิธีกรรมต้องห้ามก็ดูเหมือนจะเป็นองค์กรระดับชาติด้วย ของแบบนี้น่าจะครบวงจรยิ่งกว่า ทำไมโจเซฟถึงซื่อตรงเสียจนไม่แม้กระทั่งขอเบิกงบเหล่านี้กันล่ะ? เขาได้เซ็นสัญญาจ้างหรือเปล่า?

“อ๋า?” โจเซฟดูจะไม่เคยได้ยินชื่อเหล่านี้มาก่อน เขาตอบโดยไม่ทันคิด “ไม่…ไม่มีครับ”

หลินเจี๋ยยืดตัวขึ้นอย่างงุนงง กระซิบกับตัวเอง “องค์กรใจดำแบบไหนกันเนี่ย นี่มันผิดมนุษย์เกินไปแล้ว คุณถูกหลอกชัด ๆ…”

ได้ยินเช่นนี้ แววตาของโจเซฟก็ฉายประกายโศกเศร้า เงยหน้าขึ้นมองแผ่นหลังสูงชะลูดของหลินเจี๋ย…เขาอยากจะบอกเราถึงโฉมหน้าที่แท้จริงของหอพิธีกรรมต้องห้ามจริง ๆ เหรอ?

และมันก็ยังตรงไปตรงมามาก บางทีการตัดสินใจไม่ถูกของเราคงทำให้เจ้าของร้านหลินเสียความอดทน

“คุณพูดถูก ผมตาสว่างช้าเกินไป…”

“ไม่สายไปหรอกครับ” หลินเจี๋ยหันไปมองเขา พูดยิ้ม ๆ “ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าพวกเขาก็แค่บริษัทหน้าเลือด อย่าไปที่นั่นอีกเลยนะครับ”

“ครับ ๆ ผมเข้าใจแล้ว” โจเซฟตอบอย่างรีบร้อน

หลินเจี๋ยลากเตียงใหญ่ที่ทำความสะอาดแล้วออกมาอย่างรีบเร่ง ไม่กล้าปัดฝุ่นบนมือขณะพูดต่อ “คุณมีแผนอะไรในอนาคตไหมครับ?”

เมื่อเผชิญกับคำถามของหลินเจี๋ย โจเซฟก็มีทีท่าสุดทนเล็กน้อย อันที่จริง ตัวเขาเองก็สับสนอยู่มาก อยากจะได้คำตอบจากหลินเจี๋ยเช่นกัน แต่เห็นได้ชัดว่าหลินเจี๋ยอยากให้เขามองปัญหานี้ตรง ๆ กระทั่งพูดได้ว่าคำถามนี้อาจจะเป็นบททดสอบของเจ้าของร้านหลินต่อเขาก็ได้

“…ผมยังต้องคิดเรื่องนี้อยู่สักพักครับ” โจเซฟพูด เขาย่อมนึกไปถึงเมลิสซ่า คนที่เขาห่วงใยที่สุดในโลกนี้ “บางทีด้วยโอกาสนี้ ผมก็อยากให้เมลิสซ่าพึ่งพาตัวเองได้ เรื่องสำคัญที่สุดคือ ข้อเท็จจริงที่ผมยังไม่ตายอาจจะเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงที่สุดของเมลิสซ่าก็ได้”

ถ้าหอพิธีกรรมต้องห้ามรู้ว่าเขายังไม่ตาย บางทีเมลิสซ่าอาจจะถูกหลอกใช้อีก…โจเซฟกำมือของเขานิด ๆ ค่อย ๆ ตกสู่ความเงียบ

หลินเจี๋ยกะพริบตา เข้าใจดีว่าโจเซฟกำลังพูดถึงอะไร

จริงเหรอ มีใครใช้การตายของตัวเองทำให้ลูกโตขึ้นบ้าง?

หลินเจี๋ยคิดตามโจเซฟไม่ทัน แต่คู่พ่อลูกคู่นี้ดูจะกระอักกระอ่วนกันมาตลอด ยากจริง ๆ ที่เขาจะเข้าไปแทรกแซงชีวิตของคนอื่น ดังนั้นเขาจึงพยักหน้า…

เป็นคู่พ่อลูกที่ชวนอึดอัดใจดีแท้…

โจเซฟปลาบปลื้มเมื่อเขาเห็นหลินเจี๋ยพยักหน้า

ดูเหมือนเราจะไม่ได้ตอบผิด คำตอบที่เจ้าของร้านหลินต้องการคือนี่แหละ แต่เราก็ยืนยันได้ทางอ้อมแล้วว่าถ้าหอพิธีกรรมต้องห้ามรู้ว่าเรายังอยู่ บางทีมันอาจใช้เราเพื่อควบคุมเมลิสซ่าจริง ๆ…

ถ้าทุกสิ่งก่อนหน้านี้เป็นเพียงการคาดเดา ในตอนนี้ การตอบรับของหลินเจี๋ยก็ย่อมทำให้เขาสิ้นหวังอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว

หอพิธีกรรมต้องห้าม…ทำไมพวกคุณถึงผลักผมมาถึงจุดนี้ล่ะ?

“คุณพักที่นี่ให้สบายใจได้นะครับ” หลินเจี๋ยพูดอย่างลังเล จากนั้นก็โบกมือให้มูเอน เทพธิดาแห่งรัตติกาลติดตามเบื้องหลังเขาอย่างเชื่อฟังและถ่อมตน

แกร๊ก!!

ประตูปิดลงเบา ๆ แสงที่เหลืออยู่ถูกดับ แล้วโจเซฟก็จมลงสู่ความมืดมิดโดยสมบูรณ์

เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗]

เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗]

IRNDGL, I’m Really Not the Evil God's Lackey, 我真不是邪神走狗
Score 9
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2020 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗]Lin Jie เป็นเจ้าของร้านหนังสือในอีกโลกหนึ่ง เขาเป็นคนใจดีและอบอุ่น มักจะแนะนำหนังสือการรักษาให้กับลูกค้าที่กำลังผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก ในบางครั้งเขาแอบโปรโมตงานของเขาเองด้วย เมื่อเวลาผ่านไป ลูกค้าเหล่านี้เริ่มให้ความเคารพเขาอย่างมาก บางคนถึงกับนำอาหารพิเศษประจำท้องถิ่นมาตอบแทนบุญคุณของเขาบ่อยๆ พวกเขามักจะขอความเห็นจากมืออาชีพเมื่อต้องเลือกหนังสือ และแบ่งปันประสบการณ์กับเจ้าของร้านหนังสือธรรมดาๆ คนนี้ให้คนรอบข้างฟัง พวกเขาเรียกเขาด้วยความเคารพและสนิทสนมโดยใช้ชื่อต่างๆ เช่น “ลูกสมุนของเทพปีศาจ”, “ผู้เผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งเนื้อและเลือด”, “'ผู้แต่งพิธีกรรมและศุลกากรแห่งนิกายกินศพ” และ “ผู้เลี้ยงแกะแห่งดวงดาว”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset