บทที่ 402 : ประจักษ์แจ้งสัจธรรม
บทที่ 402 : ประจักษ์แจ้งสัจธรรม
เอลิซ่า มอร์แกนดี สตรีสูงศักดิ์จากตระกูลมอร์แกนดีในเขตกลางยกบัตรเชิญเคลือบทองในมือของเธอ กำไลเงินเคลื่อนไหวบนแขนขาวเนียน แม้จะแต่งงานมาหลายสิบปี แต่เธอก็ยังคงมีรูปลักษณ์ราวเด็กสาว
ตระกูลมอร์แกนดีแห่งเขตกลางมีเรื่องเล่ามากมาย ยกตัวอย่างเอลิซ่า ผู้คนมักลือกันว่าเธอชอบเลี้ยงเด็กสาวหน้าตาดีไว้ในบ้านเหมือนปศุสัตว์ ดื่มเลือดพวกเธอเพื่อรักษาความงดงามเยาว์วัย
สำหรับเรื่องเล่านี้ เอลิซ่าต้องอธิบาย…
ว่านี่ไม่ใช่ข่าวลือ มันเป็นความจริง
ทว่าเด็กสาวผู้งดงามเหล่านี้ของเธอต่างได้มาจาก ‘วิธีการถูกต้องตามกฎหมาย’ ในวงการผู้ดีอย่างพวกเธอ เรื่องแบบนี้ไม่ได้หายากมากนัก และตระกูลมอร์แกนดีก็นับว่ายังเบากว่าตระกูลอื่น
บางที อาจเป็นเพราะเธอช่างเลือกมากกว่า
ในฐานะขุนนางหลักซึ่งอยู่ใจกลางเขตกลาง ตระกูลมอร์แกนดีจึงมีความสามารถเหนือธรรมชาติบางอย่างอยู่เช่นกัน
“เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เข้าร่วมงานประมูลหนังสือแบบนี้เลยนะคะเนี่ย”
เอลิซ่าพยุงหน้ากากปิดบังฐานะไว้บนหน้าพลางพึมพำราวเด็กสาว เธอไปหาบัตรเชิญเข้างานประมูลนี้มาจนได้
ธุรกิจซื้อขายที่ดินของตระกูลมอร์แกนดีไม่สามารถ…และไม่ต้องการมีการติดต่อกับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติตัวจริงแต่อย่างใด แต่การประมูลของตระกูลจี้ไม่มีข้อจำกัดอื่น ๆ เอลิซ่าจึงพูดได้ว่ากว่าเครือข่ายของเธอจะนำบัตรเชิญงานประมูลใบนี้มา พวกเขาก็แทบขาดใจ
สิ่งที่เธอต้องการ แน่นอนว่าเธอจะไม่ยอมปล่อยมือไปง่าย ๆ หรอก!
เอลิซ่านั่งอยู่แถวหลังสุด มองไปรอบ ๆ และพบว่าผู้เข้าร่วมงานส่วนใหญ่ไม่ได้ส่งคนมาเป็นตัวแทน แต่มาเข้าประมูลด้วยตนเอง มีคนหน้าคุ้น ๆ มากมาย แถมยังมีคนใหญ่คนโตโผล่มาสองสามคนด้วย
ยิ่งใหญ่อลังการดีจริง ๆ…
เอลิซ่าลอบทอดถอนใจ
แสงสว่างกระทบเวทีฝั่งขวา และบุคคลคุ้นตาก็เดินออกมาจากความมืด ประจำที่ผู้จัดงานประมูล
“ทุกท่านครับ” จี้ป๋อหนงยืนบนเวทีจัดงาน มองผู้คนที่นั่งกระจายตัวกันอยู่เบื้องล่าง ผู้มาเข้าร่วมงานไม่ได้เยอะมากจนแออัด แต่นับได้ว่าบุคคลมีชื่อเสียงในเขตกลางทุกคนต่างอยู่ที่นี่
ไม่เพียงแต่คนที่อยู่ในงานเลี้ยงก่อนหน้านี้ ยังมีแขกไม่ได้รับเชิญบางคนด้วย
“ผมปลาบปลื้มยินดีมากที่พวกท่านยังไว้หน้าจี้ป๋อหนงคนนี้สักหน่อย และตกลงมารวมตัวกันวันนี้นะครับ” จี้ป๋อหนงยิ้ม มองจี้จือซู่ซึ่งนั่งอยู่ด้านล่าง
“ในเมื่อผมอยู่ที่นี่ ผมจะไม่ซุกซ่อนการมีอยู่ของปราชญ์แห่งร้านหนังสือ ต้นตอแห่งพลังของโลก นายเหนือความรู้ทั้งมวล และเจ้าของร้านหนังสือที่ผมเทิดทูนบูชาอีกต่อไป”
“ปราชญ์แห่งร้านหนังสือ…”
เอลิซ่าขมวดคิ้ว อดส่งเสียงอย่างสงสัยไม่ได้ จากนั้นก็ประหลาดใจเมื่อพบว่าคุณหนูที่นั่งข้าง ๆ เธอก็เอ่ยความสงสัยแบบเดียวกัน
เธอหันไปมองคุณหนูผู้นั้นด้วยดวงตาเป็นประกายแล้วรู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย ระลึกย้อนไปถึงตระกูลผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่เธอรู้จัก และจึงจำได้ว่าคน ๆ นี้…คือฟรังก้าจากตระกูลนักเวทมนตร์ขาว ตระกูลเคอร์ติส?
“สวัสดีค่ะ?” เอลิซ่ายกมือขึ้นทักทายฟรังก้า
ดวงตาของเธอแอบฉายประกายกระหายเล็กน้อย
คุณหนูจากตระกูลผู้มีพลังเหนือธรรมชาติคนนี้ดูงดงามจริง ๆ…
ยิ่งกว่านั้น ยังได้ยินข่าวว่าเธอดูเหมือนจะมีเชื้อคนธรรมดาด้วย เลยไม่มีความสามารถในด้านผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ?
“สวัสดีค่ะ คุณนายเอลิซ่า” ฟรังก้าตอบเธอกลับอย่างร่าเริง ทั้งสองดูจะคุยกันเงียบ ๆ อย่างผู้ดี
“คุณหนูฟรังก้าก็มาซื้อหนังสือเหมือนกันเหรอคะ?” เอลิซ่าก้มหน้าลงกระซิบ
เธอมั่นใจในความน่ารักของตนเองมาก ขอเพียงเต็มใจคุยกับเธอ ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงต่างก็ถูกภาพลักษณ์ไร้เดียงสาของเธอตกได้เสมอ
“อ๋อ คนรับใช้ของดิฉัน ไมค์สนใจอยากได้หนังสือมากเลยค่ะ…”
ฟรังก้ามุมปากกระตุก ตอบสนองอย่างเขินอายเล็กน้อย
อันที่จริง ตัวเธอนั่นแหละที่สนใจมากกว่า…
ตั้งแต่งานเลี้ยงวันเกิดคุณหนูจี้ เธอก็ชอบหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ ‘1,000 เมนูอาหารพื้นบ้านคลาสสิก’ มาก
แม้ว่าเธอจะเป็นลูกสาวคนเดียวของตระกูลนักเวทมนตร์ขาวซึ่งมีประวัติศาสตร์หลายพันปี แต่เธอก็ไร้พรสวรรค์เหนือธรรมชาติโดยสิ้นเชิง แม้ว่าพ่อผู้เป็นผู้นำตระกูลจะปลอบใจและปกป้องเธอด้วยวิธีต่าง ๆ เสมอ แต่นั่นก็ห้ามเธอไม่ให้รู้สึกด้อยค่าและรู้สึกผิดไม่ได้
ทว่าความรู้สึกผิดเหล่านี้ไม่ได้ทำให้เธอลดความสนใจ…เช่นในเรื่องงานบ้านงานเรือนลง
ดังนั้น เธอต้องได้หนังสือ ‘1,000 เมนูอาหารพื้นบ้านคลาสสิก’ มาให้ได้
แต่มันช่างน่าอายถ้าจะบอกว่า ‘ฉันชอบทำกับข้าวค่ะ’ อ่ะ! ดังนั้นเลยต้องคว้าไมค์มาเป็นโล่…ขอโทษนะคะ’
“อย่างนี้นี่เองค่ะ…”
เอลิซ่าเหลือบมองไมค์ซึ่งยืนอยู่เบื้องหลังฟรังก้าด้วยรอยยิ้ม
นักล่าผู้แข็งแกร่งมองจี้ป๋อหนงที่กลางเวทีราวกับหมาป่าผู้หิวกระหาย แต่ไม่ได้หันมามองฟรังก้าเลย
สายตาโหยหิวเหล่านั้นปรากฏขึ้นทั่วงานประมูล ดูเหมือนทุกคนจะอยากได้หนังสือเหล่านั้น
แต่นี่อาจจะเป็นงานประมูลที่น่าเบื่อที่สุดที่เอลิซ่าเคยเข้าร่วม ปกติแล้วเธอมักจะเข้าร่วมประมูลอัญมณี โบราณวัตถุ และสัตว์หายาก งานเหล่านั้นมักจะเนืองแน่นด้วยผู้คน ร้องรำทำเพลง ไม่เหมือนที่นี่ ทุกคนดูจะมีเพียงจุดประสงค์เดียวเท่านั้น คือซื้อหนังสือเหล่านั้น
สำหรับเอลิซ่า นี่มันทรมานกันชัด ๆ!
ถ้าไม่ใช่เพราะคุณหนูฟรังก้าคนนี้ เอลิซ่าคงเบื่อตายแน่
“แล้วคุณนายเอลิซ่าล่ะคะ? คุณก็อยากได้หนังสือเหมือนกันเหรอ?” ฟรังก้าถามเบา ๆ
“ดิฉันเหรอคะ? ดิฉันมาหาเจ้าของร้านหนังสือค่ะ คุณหนูรู้จักเขาหรือเปล่า?” เอลิซ่าแสดงสีหน้าแม่สาวช่างจ้อ เขยิบไปพูดใกล้ ๆ ฟรังก้าขึ้นอีกนิด “ขนาดผู้ช่วยของเขายังเป็นนักบุญของศาสนาแห่งตะวันเลยนะคะ”
ฟรังก้าแปลกใจเล็กน้อย ระลึกถึงใบหน้าที่เธอเคยเห็นผ่าน ๆ ในงานเลี้ยงวันเกิดคุณหนูจี้จือซู่
โอ้ เจ้าของร้านหนังสือคนนั้นออกจะ เอ่อ…ไม่โดดเด่นจริง ๆ ใช่ไหม?
เดิมทีทั้งสองอยากจะคุยกันต่อ แต่จี้ป๋อหนงคว้าค้อนประมูลขึ้นมาเคาะโต๊ะเบา ๆ ส่งเสียงดังกังวานไปทั่วสถานที่จัดงาน…
จี้ป๋อหนงมองไปรอบ ๆ และเหลือบมองจี้จือซู่ที่หลังเวที เธอโบกมือให้ลูกน้อง กล่องอันวิจิตรงดงามถูกวางจัดแสดงที่โต๊ะตัวเดียวกลางเวทีอย่างนุ่มนวล
กล่องใบนั้นถูกฝังมรกตอันสง่างามสี่เม็ดซึ่งมีพลังผนึกอำนาจภายใน แต่มรกตเหล่านี้ก็มีมูลค่ามากพอจะซื้อบ้านในเขตกลางได้ครึ่งหลังแล้ว
แต่พวกมันเป็นเพียงของแถมจากการซื้อหนังสือ…
จี้ป๋อหนงมองกล่องใบนั้น หนังสือที่เจ้าของร้านหลินให้มาเป็นเพียงตัวอย่างทดลองขายเพื่อเพิ่มพูนสาวกของเขา และนี่ยังเป็นโอกาสของบริษัทโรลล์ ถ้าครั้งนี้ทำผลงานได้ดี เขาจะเป็นตัวแทนจำหน่ายหนังสือต่าง ๆ ได้
การเป็นห่วงโซ่ที่ทำงานเชื่อมต่อกับเจ้าของร้านหลิน และบุคคลที่เขาโปรดปรานคือโอกาสอันงามสำหรับบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์ พวกเขาต้องเผยแพร่เจตจำนงของเจ้าของร้านหลินอย่างหนักแน่น
เขาเดินไปที่กลางเวที เปิดกล่องอันวิจิตรบรรจงออกอย่างนุ่มนวล
“สิ่งที่ทุกท่านเห็นคือหนังสือเล่มแรกที่เราจะประมูลกันในวันนี้ ด้วยความที่บางท่านอาจไม่สามารถมองความรู้อันทรงพลังนี้ได้ตรง ๆ ดังนั้น ให้ผมขานชื่อหนังสือเล่มนี้ให้ทุกท่านฟังนะครับ ‘ข้อความแห่งเรย์’ ครับ!”
“ว้าว…!”
สำเนียงจากปากของจี้ป๋อหนงฟังราวกับเป็นภาษาจากอีกโลกหนึ่ง เสียงพึมพำที่ฟังดูน่ากลัวทำให้เหล่าผู้เข้าร่วมงานตกตะลึงได้ทันที เขาดูถูกผู้มีพลังเหนือธรรมชาติส่วนใหญ่ที่นี่อย่างจริงแท้ เพราะพวกเขาส่วนใหญ่ยังคงสามารถอ่านชื่อบนหน้าปกได้ แต่สิ่งที่ต้องจ่ายคือความคลื่นไส้อาเจียนอย่างเกินจินตนาการและความปวดสมองจนหัวแทบแตก สถานการณ์ยุ่งเหยิงตั้งแต่หนังสือเล่มแรกปรากฏ
และความที่จี้ป๋อหนงสามารถขานนามหนังสือเล่มนี้ได้ ความแข็งแกร่งของเขามาถึงระดับนี้แล้วเหรอ?
สำเนียงที่ออกมาจากปากของเขาดูเหมือนจะถูกเปลี่ยนเป็นคำสาปหรือเสียงพึมพำบางอย่าง การทำลายล้างสองทางทั้งจากสิ่งที่เห็นและได้ยินประดังเข้าใส่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติในงานประมูล
“เอ๋?” ฟรังก้าเอียงคอ ด้วยความที่อยู่ใต้ข้อจำกัดสายตาของคนธรรมดา เธอจึงหยิบกล้องส่องทางไกลส่องไปอ่านชื่อหนังสือที่เวที “ไม่ใช่ว่านั่นคือ ‘เฒ่าผจญทะเล’ หรอกเหรอ?”
เธอแปลกใจเล็กน้อย เธออ่านผิดเหรอ?
ไม่ใช่ว่าหนังสือเล่มนี้ชื่อเฒ่าผจญทะเลหรอกเหรอ? ไหงมันกลายเป็นชื่อ ‘ข้อความแห่งเรย์’ ไปได้ล่ะ? หรือที่จริงแล้ว…เธออ่านหนังสือไม่ออกกันแน่?
ฟรังก้าเริ่มสงสัยในตัวเอง แต่เดิมเธอเป็นแค่คนธรรมดาไร้ความสามารถเหนือธรรมชาติ เธอใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังมาโดยตลอด แต่ทว่าตอนนี้เธอสับสนงงงวย…
หรือบางที นี่อาจจะเป็นหนังสือลึกลับที่มีแต่เธอเท่านั้นที่ไม่เข้าใจ?
และเมื่อครู่ ประธานจี้ก็พูดว่าคนบางคนไม่สามารถมองหนังสือเล่มนี้ได้ตรง ๆ
อ่า โชคดีนะที่พวกเขาไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ ไม่งั้นเราคงกลายเป็นคนโง่คนเดียวในสถานที่จัดงาน กลายเป็นตัวตลกของวงศ์ตระกูลไปแหง ๆ…
ฟรังก้ารู้สึกโชคดีในใจ
เอ๋ เดี๋ยวก่อนนะ คุณนายเอลิซ่าก็ไม่น่าใช่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ จะเป็นไปได้ไหมว่าเธอ…!
ฟรังก้ารีบหันไปมองคุณนายเอลิซ่าที่ยังหัวร่อต่อกระซิกอยู่เมื่อครู่ แต่แล้วก็ต้องเบิกตากว้างอย่างหวาดกลัว…
ใบหน้าอ่อนเยาว์งดงามของคุณนายเอลิซ่ากำลังแก่ตัวลงอย่างรวดเร็ว เหี่ยวย่นเสียยิ่งกว่าหญิงชรา ดวงตาของเธอเบิกกว้างถึงขีดสุดจนเลือดแทบทะลักออกมารอมร่อ
แต่เธอดูไม่มีสติ จับจ้องตรงไปที่หนังสือบนเวที เล็บซึ่งได้รับการดูแลอย่างดีของเธอจิกลึกเข้าไปบนโต๊ะ เกิดเป็นรอยเหมือนแมวข่วน
คุณนายพึมพำคำพูดไม่ได้ศัพท์ เสียงของเธอเปลี่ยนเป็นคนละคน ทั้งเฒ่าชราและน่ากลัว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความชิงชังของเด็กสาวผู้งดงามบางคนปรากฏขึ้นบนผิวหนังอันเหี่ยวย่นของเธอ ทำให้ดูเหมือนกระเป๋าหนังยาน ๆ เต็มไปด้วยวิญญาณ
เสียงของจี้ป๋อหนงดังมาจากทางเวที “หนังสือเล่มนี้เป็นดั่งยอดภูเขาน้ำแข็ง มันสามารถเปิดเผยสัจธรรมบางอย่างเบื้องหลังบางสิ่งได้ครับ…”