บทที่ 404 : ดิฉันอยากได้หนังสือเล่มนี้ค่ะ
บทที่ 404 : ดิฉันอยากได้หนังสือเล่มนี้ค่ะ
ฟรังก้าสับสนในใจ เธอไม่เข้าใจการประมูลนี้เลยจริง ๆ หนังสือทุกเล่มถูกขานชื่อต่างจากสิ่งที่เธอเห็น ดังนั้นจึงบอกไม่ได้อยู่นานว่าตกลงใครกันแน่ที่ถูก เธอจึงไม่กล้าพูดออกมาเลย แต่ทุกคนดูจะตื่นเต้นกันสุด ๆ…
ไมค์ส่งเสียงคำรามต่ำ ๆ ออกมา เหมือนเสียงครางของสัตว์ร้าย และทุกคนต่างตกอยู่ในความสับสน หลังจากจี้ป๋อหนงนำ ‘จิตวิญญาณแห่งการล้างแค้น’ ออกมา
อำนาจรุนแรงก็แผลงฤทธิ์ต่อสติสัมปชัญญะของพวกเขาอีกครั้ง กระทั่งคนธรรมดายังรู้สึกได้ถึงช่องว่างระหว่างวิญญาณและกายเนื้อที่กำลังพังทลาย
จี้ป๋อหนงมีรอยยิ้มที่มุมปาก สถานการณ์ตรงหน้ากำลังดำเนินไปตามที่เขาต้องการ
ตระกูลซีค ตระกูลพาลัค ตระกูลโอเดอร์ลู ตระกูลลุดวิก ตระกูลฮาร์โน ตระกูลสจ๊วร์ต…
จี้ป๋อหนงคิดในใจราวกับกำลังนับสิ่งของบางอย่าง
ขุนนางสองในสามจากเขตกลางต่างมารวมตัวกันอยู่ที่นี่
พวกขุนนางจอมสูบเลือดสูบเนื้อก็มีวันนี้เหมือนกันด้วยเหรอ…?
เมื่อสองสามวันก่อน พวกเขายังไปชี้นิ้วสั่งจี้ป๋อหนงและบริษัทโรลล์เหมือนสั่งสุนัขได้อยู่เลย แต่ตอนนี้พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นดั่งเหยื่อที่เดินเข้ามาติดกับดัก
พวกคุณทั้งหมดต้องชดใช้ที่กดขี่ตระกูลจี้ ข่มเหงผู้ยากไร้ และทุกสิ่งที่ขูดรีดจากนอร์ซินราวปลิงดูดเลือด!
ฉันจะฆ่าพวกคุณให้หมด…
นี่คือสิ่งที่จี้ป๋อหนงรอคอย คาดหวังให้มีวันนี้มาตลอด!
มือที่ถือค้อนประมูลของจี้ป๋อหนงเริ่มกำแน่นขึ้นจากความตื่นเต้น ความปีติยินดีแทบกลืนทุกเหตุผล
“คุณพ่อ…พ่อคะ!”
จู่ ๆ จี้ป๋อหนงก็ได้ยินเสียงร้องของจี้จือซู่จากข้างหลัง รีบหันไปมองเธอทันที และตระหนักว่าตัวเองยืนนิ่งบนเวทีอยู่สักพักแล้ว
เขาอดตกใจเล็ก ๆ ไม่ได้ขณะเหลือบมอง ‘จิตวิญญาณแห่งการล้างแค้น’ พลันตระหนักขึ้นได้ว่าเมื่อครู่ตัวเขาเองถูกมันหลอกล่อ
เหงื่อเย็น ๆ ผุดขึ้นบนแผ่นหลัง ระลึกถึงหลายครั้งหลายหนที่เขาได้อ่านหนังสือ ‘ฝ่ามือสัมผัสแห่งความว่างเปล่า’ ซึ่งเจ้าของร้านหลินมอบให้เขาเป็นพิเศษขึ้นมาเงียบ ๆ
“พ่อคะ!”
จี้จือซู่ตะโกนเรียกอีกครั้ง จี้ป๋อหนงจึงเตือนตัวเองได้ว่ามีคนยกป้ายขึ้นแล้ว
หือ?
…เมื่อครู่ จี้ป๋อหนงเข้าใจดีถึงความน่ากลัวจาก ‘จิตวิญญาณแห่งการล้างแค้น’ และอดเริ่มคิดสงสัยไม่ได้ว่าหนังสือเล่มนี้ควรเป็นของใคร?
จี้ป๋อหนงมองขึ้นไปเห็นเด็กหนุ่มเพียงคนเดียวผู้ยังคงสติเยือกเย็นจากคนทั้งสถานที่จัดงาน
เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาล จมูกเป็นกระ กำลังยกป้ายในมือของเขาขึ้น
เขาเป็น…ทายาทจากตระกูลคาเทียหรือเปล่า? จี้ป๋อหนงครุ่นคิด เรื่องของตระกูลคาเทียนั้นต้องย้อนไปถึงตอนที่จี้จือซู่ยังแบเบาะ
กระทั่งจี้ป๋อหนงยังสืบเรื่องภายในที่ชัดเจนไม่ได้ เพราะถึงอย่างไร จี้ป๋อหนงในตอนนั้นก็ยังไม่ได้สืบทอดเครือบริษัทโรลล์อย่างสมบูรณ์
แต่สิ่งเดียวที่เขารู้คือ ตระกูลคาเทียระเหยหายไปทั้งตระกูลในพริบตา พวกเขาเคยเป็นตระกูลติดอันดับหนึ่งในสิบผู้มีชื่อเสียงที่สุดในหมู่ชนชั้นสูงของนอร์ซิน ดูเหมือนพวกเขาจะถูกสังหารเพราะความขัดแย้งกับตระกูลอื่น ๆ
ฮ่า ๆๆ ยอดไปเลย!! หนังสือนี่กับคน ๆ นี้จับคู่กัน มีอะไรดี ๆ ให้ดูแน่นอน!
จี้ป๋อหนงเริงร่าอยู่ในใจ ไม่มีวิธีตายที่ดีไปกว่าถูกทายาทตระกูลที่พวกเขาล้มล้างมาตามล้างแค้นอีกแล้ว!
“พ่อหนุ่ม นี่คือตัวเลือกของคุณเหรอ?” จี้ป๋อหนงพูดอย่างสุขสันต์
“ช…ใช่ครับ แต่ตอนนี้ผม…” ทอม คาเทียพูดอึกอัก เขาเป็นทายาทคนสุดท้ายของตระกูลจน ๆ ซึ่งคิดว่าหมดหวังล้างแค้น ทว่าจากการประมูลนี้ ถ้าสละชีวิตของเขาคนเดียว บางทีเขาอาจจะสร้างตำนานอีกบทขึ้นได้
พริบตาที่เขาเห็นหนังสือเล่มนั้น วิญญาณของเขาก็เต็มเปี่ยมด้วยพลังนับไม่ถ้วน
วิญญาณทุกตารางนิ้วของเขาร่ำร้องว่านี่คือความหวังอันคุกรุ่นเฮือกสุดท้าย โอกาสสุดท้ายของเขา!
โอกาสนี้เกิดขึ้นปุบปับและต้องคว้าไว้ ต่อให้เขาจะไม่มีเงินเลย แต่จังหวะบังเอิญที่ผลักดันเขาให้เขาร่วมประมูลก็ทำให้เขายกป้ายขึ้น
“ไม่เป็นไรหรอกครับ!” จี้ป๋อหนงยิ้ม แสดงสีหน้าเดียวกับเจ้าของร้านหลินพลางพูดอย่างสุขุม “ขอเพียงคุณมีความกล้าในการอ่านมัน คุณจะได้ตอบแทนเจ้าของหนังสือเล่มนี้อีกนานเลยครับ”
“ขอบคุณครับคุณจี้ป๋อหนง” ทอมพูดอย่างตื่นเต้น “ขอบคุณมาก ๆ เลยครับ”
ทอมค่อย ๆ ยื่นมือของเขาไปรับหนังสือมาไว้ตรงหน้า ปกสีดำของมันเต็มไปด้วยเพลิงเผาผลาญ
‘ดวลรัก ดับแค้น’…อืม ชื่ออย่างน่าเบื่อเลย เห็นได้ชัดว่าเป็นหนังสือเกี่ยวกับชีวิตผู้ดีที่เห็นจนเกร่อ ทำไมคนพวกนี้ถึงตื่นเต้นนักนะพอเห็นมันครั้งแรก…
คุณหนูฟรังก้ากุมคางมองซ้ายขวา ตกสู่ภวังค์ครุ่นคิดอีกครั้ง
แต่เมื่อไรเราจะได้ตำราอาหารที่อยากได้ล่ะ
ทว่าที่จริง ฟรังก้าไม่ได้รอนานเลย เพราะจี้ป๋อหนงได้เสนอหนังสือเล่มที่สามในการประมูลนี้อย่างช้า ๆ
ครั้งนี้เป็นกล่องไม้จันทน์สลักลายประดับทับทิม มรกตแทนจิตวิญญาณ แอเมทิสต์แทนวิญญาณ ส่วนทับทิมนี้สื่อถึงเลือดเนื้อ
ในขณะนี้ ทุกคนต่างใกล้เสียสติไปทุกขณะ พร้อมหลุดวงโคจรได้ทุกเมื่อ
และการปั่นป่วนเลือดเนื้อก็กลายเป็นการโจมตีปิดฉากซึ่งรุนแรงที่สุดสำหรับพวกเขา…
จี้จือซู่ผู้รออยู่หลังฉากรู้ดีว่าหนังสือเล่มนี้ยากจะทานทนแม้กระทั่งสำหรับเธอ…เป็นงานเลี้ยงแห่งเลือดเนื้อ
จี้ป๋อหนงบรรจงเปิดกล่องไม้ แม้ว่า ‘จิตวิญญาณแห่งการล้างแค้น’ เมื่อครู่เกือบทำให้เจตจำนงของเขาเปลี่ยนแปลง หนังสือเล่มนี้คาดว่าคงไม่ก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงใด ๆ เพราะมันสามารถทำให้ผู้คนกลายเป็นสาวกของเจ้าของร้านหลินได้ทันที
แต่จี้ป๋อหนงนั้นเป็นสาวกของเขาไปนานแล้ว
ยิ่งติดต่อมากเท่าไร เขายิ่งแน่ใจว่าเจ้าของร้านหลินเป็นตัวตนระดับพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่!
ทันทีที่เห็นหนังสือเล่มนี้เต็ม ๆ ตา สถานที่จัดประมูลก็ดูเหมือนจมลงสู่บ่อเลือด…
ชื่อของหนังสือเล่มนี้คือ ‘สังเวยเลือด’
กระแสจิตอันเชี่ยวกรากกวาดผ่านสมองของคนทุกผู้ในพริบตา อีเธอร์ที่ปั่นป่วนทำให้ทุกสิ่งบิดเบี้ยว
โต๊ะเก้าอี้กลายเป็นตับ ผนังกลายเป็นกำแพงอันเต็มไปด้วยไขมัน น้ำย่อยท่วมพื้นเกือบถึงตาตุ่ม แสงนับไม่ถ้วนบนเพดานเปลี่ยนไปจนดูเหมือนแถวลูกตา คานและเสากลายเป็นขดไส้ที่เชื่อมต่อกัน สายไฟกลายเป็นเส้นเลือด ส่วนหนังสือเล่มนั้น…
มันไม่ใช่หนังสืออีกต่อไปแล้ว แต่เป็นหัวใจที่กำลังเต้น สูบฉีดเลือดออกไปยังหลอดเลือดนับไม่ถ้วน เชื่อมต่อเนื้อเยื่อต่าง ๆ เข้าด้วยกัน
คนบางคนถอนหายใจอย่างเป็นสุข ในขณะที่บางคนกรีดร้องอย่างหวาดกลัว งานประมูลปั่นป่วนแทบจะในทันที คนบางคนกระทั่งกลายพันธุ์คาที่นั่ง ร่างของพวกเขาเปื่อยสลาย
มีเพียงฟรังก้าซึ่งยกมือขึ้นสูง…
“ดิฉันอยากได้หนังสือเล่มนี้ค่ะ!!” ฟรังก้าพูดเสียงดัง กลัวว่าจะมีใครแย่งเธอ…ราคาไม่เกี่ยง เราอยากได้อยู่ดี!
ตำราอาหารนี่!!
ครั้งนี้ คุณหนูใหญ่สามารถมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน และมันก็ยังอ่านว่า ‘1,000 เมนูอาหารพื้นบ้านคลาสสิก (ฉบับสี 365 วัน)’ ซึ่งดีมาก ๆ ต่อให้ซื้อมันไปสะสมก็ไม่ถือว่าขาดทุน หนังสือแบบนี้ไม่เคยพบเห็นมาก่อนในนอร์ซิน
“คุณ…อยากได้มันเหรอ?” จี้ป๋อหนงพูดอย่างแปลกใจ
“ค่ะ” ฟรังก้ายิ้มกว้าง “ไม่ว่าต้องใช้เงินแค่ไหน ดิฉันก็จะซื้อมันค่ะ”
ฟรังก้า…
แน่นอนว่าจี้ป๋อหนงรู้จักเธอ ทายาทคนเดียวของตระกูลนักเวทมนตร์ขาวเลื่องชื่อ เคอร์ติส แต่ก็เป็น…ขยะ ซึ่งทุกคนทราบดี
หนังสือ ‘สังเวยเลือด’ เล่มนี้ ระดับความน่ากลัวและอำนาจเป็นอันดับสองในบรรดาหนังสือห้าเล่มที่เจ้าของร้านหลินส่งมา
ฟรังก้า…?
เป็นไปไม่ได้?!
แต่ไม่มีใครที่นี่ยกมือขึ้นเลย กระทั่งหนังสือก็เลือกเธอเหรอ?
“โอเค หนังสือเล่มนี้เป็นของคุณครับ” จี้ป๋อหนงงุนงง แต่ก็ยังทำตามเจตนาของหนังสือ
ฟรังก้ารีบกระโดดไปคว้ามันไว้ในมือ เธอเกือบจะลุกมาเต้นโชว์ลีลาที่เหล่าผู้ดีคุ้นเคยมาแต่เด็กด้วยความดีใจ ในสายตาของทุกคน หญิงสาวชุดขาวลุกขึ้นมาร่ายรำท่ามกลางบ่อเลือดเนื้อ ดูราวเทพธิดามรณะผู้งดงาม
เธอคว้าหัวใจที่ยังเต้นมากอดไว้แน่นในอ้อมแขนราวเด็กสาวผู้โอบกอดตุ๊กตาหมี เผยรอยยิ้มพอใจที่มุมปาก