บทที่ 409 : คำเชื้อเชิญ
บทที่ 409 : คำเชื้อเชิญ
ทันทีที่สิ้นเสียงคำพูดของหลินเจี๋ย ชายชุดคลุมดำก็มีท่าทางตระหนกตกใจเหมือนเพิ่งได้รู้ความลับที่น่าสะพรึง
แม่มดนามว่า ไลฟ์?
ไม่ใช่ว่านั่นคือหนึ่งในสี่แม่มดบรรพกาลเหรอ?!
อันที่จริง จากตำนานในนอร์ซิน แม่มดแห่งอัคคี ไลฟ์คือแม่มดบรรพกาลตนแรกที่เสียชีวิตแหลกสลาย หรือก็คือเธอจากนอร์ซินไปอย่างสมบูรณ์ หลับไหลอยู่ในนิมิต
แต่ทฤษฏีการตายของแม่มดแห่งอัคคีนั้น คนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับมัน เพราะถึงอย่างไร เหล่าแม่มดก็ถือกำเนิดจากความโกลาหล พวกเธอจะตายได้อย่างไร?
ดังนั้นหลายคนจึงกล่าวว่าแม่มดแห่งอัคคียังไม่ตาย เธอแค่กระจายแผ่นศิลาของเธอไปทั่วทุกทิศ รอคอยโอกาสฟื้นคืนชีพและต่อต้านความมืดมิดซึ่งไม่เคยสลายหายไป
แล้วเศษแผ่นศิลาตรงหน้าเราซึ่งบรรจุพลังมหาศาลและเสี้ยววิญญาณโบราณ คือแม่มดแห่งอัคคีเหรอ?!
ชายชุดคลุมดำเกือบลืมความเคารพต่อหลินเจี๋ย พระเจ้าที่แท้จริงไปครู่หนึ่ง
แต่เขาก็ตอบสนองเร็วจี๋ เริ่มคิดว่าเขาควรดีใจหรือไม่จากการถวายสิ่งของที่ถูกต้อง
เพราะถึงอย่างไร กล่าวกันว่าแม่มดแห่งอัคคีนั้นต่อต้านและรังเกียจความมืดที่สุด
ครั้งหนึ่ง เธอเคยรวบรวมแผ่นจารึกแห่งกองเพลิงซึ่งเกิดขึ้นจากความเชื่อมโยงกับการทำลายล้างเพื่อสร้างจุดหลบภัยให้ผู้คน และต่อต้านความมืดมิดให้กับมนุษยชาติ
พูดอีกอย่างก็คือ…แม่มดตนนี้เป็นศัตรู!
ชายชุดดำตื่นตะลึงและครุ่นคิด
หลินเจี๋ยหยิบแว่นขยายออกมาจากลิ้นชักเคาน์เตอร์มาดูลายต่าง ๆ ของเศษแผ่นศิลาอย่างระมัดระวัง เมื่อเขาเข้าสู่โหมดทำงาน เจ้าของร้านหลินจะพึ่งพาได้พอสมควร เพราะถึงอย่างไร นี่ก็เป็นกึ่ง ๆ งานเก่าของเขา
“สมกับเป็นท่าน มองทะลุทุกความลวงและการปกปิดง่ายดายจริง ๆ”
ชายชุดคลุมดำอุทานเสียงสั่น
แม่มดตนนี้กล้ากระทั่งกลบเกลื่อนออร่าของเธอ ทิ้งโอกาสฟื้นคืนชีพไว้ให้ตัวเอง ทอดข่ายแหแห่งชะตากรรม หวังจะกลับสู่โลกในสักวันหนึ่ง แต่โชคร้ายที่แผนของเธอถูกตัวตนยิ่งใหญ่ตรงหน้าเธอมองออกหมดแล้ว
หลินเจี๋ยโบกมือ พูดอย่างไม่คิดมาก “ไม่พอจะซ่อนอะไรได้หรอกครับ นี่มันการซ่อนประสาอะไร?”
แม้ว่าน้อยคนมาก ๆ จะอ่านข้อความบนนี้ออก แต่มันก็แค่หาชิ้นส่วนมาต่อกันยาก ไม่เห็นต้องถอดรหัสเพิ่มเติมตรงไหนเลย
ใช่แล้ว มันน่าขำ…น่าขำจริง ๆ การปลอมตัวต่อหน้าเจ้าของร้านหลินเป็นการปลอมตัวประสาอะไร…ชายชุดคลุมดำยิ้มเยาะในใจ แม่มดบรรพกาลอะไรกัน เธอก็แค่วิญญาณโบราณที่เจ้าของร้านหลินนำไปเล่นได้ตามใจเท่านั้นแหละ
“ผมเห็นได้ว่านี่คือแผ่นศิลาของแม่มดไลฟ์ แต่มันเป็นพรจากเพื่อนคนหนึ่งของผม”
“เพื่อนเหรอครับ?” ชายชุดคลุมดำเผลอหลุดปากถาม เขาแค่แปลกใจที่พระเจ้าที่แท้จริงยังมีเพื่อนด้วย แต่เขาก็รู้ตัวทันทีว่าตัวเองทำผิดกฎแล้ว
แต่หลินเจี๋ยกลับครุ่นคิดจริงจัง ซิลเวอร์กับเราเป็นเพื่อนกัน…
หรือสัมพันธ์ลึกซึ้งกว่านั้นกันแน่?
ลืมไปเถอะ ก่อนจะได้เจอเธออีก ตอนนี้ก็สงวนตัวไว้หน่อยแล้วกัน
“อา เพื่อนผมคนหนึ่ง ซิลเวอร์น่ะ”
หลินเจี๋ยว่า “ผมเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับแม่มดไลฟ์จากปากของเธอ”
ซิลเวอร์?!!
แม่มดแห่งเหมันต์ หนึ่งในสี่แม่มดบรรพกาลน่ะนะ?
ชายชุดคลุมดำกลืนน้ำลายเงียบ ๆ เมื่อเขาประหม่า เส้นหนวดที่คางของเขาจะขยับยุกยิก เกือบแลบออกมาจากฮู้ดสีดำของเขารอมร่อ เขาจึงรีบปิดฮู้ด…
แม่มดซิลเวอร์และเจ้าของร้านหลินเป็นเพื่อนกันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แม่มดซิลเวอร์แตกต่างจากไลฟ์และวัลเพอร์กิส เธอคือผู้นำของมังกรและเอลฟ์ ผู้พิทักษ์สิ่งมีชีวิตในตำนานทั้งมวล
เธอเกลียดมนุษย์ผู้ต้อยต่ำ ชั่วร้ายและโลภมาก กระทั่งลงโทษพวกเขา
ชายชุดดำยกมือขึ้นแตะเส้นหนวดที่คางของเขาโดยไม่รู้ตัว เราและชาวเมืองเขตล่างผู้ตรากตรำและกล้าหาญไม่ใช่มนุษย์มานานแล้ว และได้รับผลกระทบจากมือเหล่าผู้ไร้อำนาจในเมืองเขตบน อดทนต่อการกดขี่ขูดรีดจากเหล่ามนุษย์ผู้ต้อยต่ำแต่อวดดีเหล่านี้มาโดยตลอด
ทุกคนในเขตล่างทำงานเพื่อขยะสังคมในเขตบนมาตั้งแต่เกิด แม้ว่าเราจะเคยได้ยินจากบิชอปของโบสถ์แห่งโรคระบาดว่าเราถูกกดขี่มาตลอดก็ตาม จากสองครั้งที่เราได้ขึ้นมาสู่เมืองเขตบน เราก็ได้เรียนรู้ว่าการกดขี่นี้ร้ายกาจกว่าที่บิชอปพูด มันเกินกว่าคำพูดและน่ากลัวมาก
ตอนนี้ เราน่าจะอยู่ภายใต้การคุ้มครองของเจ้าของร้านหลินและแม่มดซิลเวอร์ และทำให้เจ้าพวกมนุษย์ต่ำต้อยเหล่านี้ได้ชดใช้…
“โอเคครับ” หลินเจี๋ยวางแว่นขยายในมือลง “ผมเดาว่าทั้งหมดแล้ว แผ่นศิลานี้น่าจะถูกแยกออกเป็นสามเสี้ยว และหนึ่งในนั้น เพื่อนของผมให้ผมมาก่อนแล้ว”
“ชิ้นหนึ่งยังไม่ทราบที่อยู่ ตัดสินจากข้อมูล มันน่าจะเป็นแผ่นศิลาที่แม่มดแห่งอัคคี ไลฟ์ทิ้งไว้ในอดีต ส่วนหลักการทำงานของแผ่นศิลานี้ ผมเกรงว่าเราคงต้องเก็บให้ครบสามเสี้ยวก่อนถึงจะรู้ครับ”
“อย่ากังวลเลยครับเจ้าของร้านหลิน โบสถ์แห่งจุดสูงสุดของเราจะรวบรวมกำลังสาวกทุกคนเพื่อหาเสี้ยวศิลาที่สามให้ท่านครับ”
ชายชุดคลุมดำรีบแสดงความตั้งใจของตน
“ผมแค่คิดนิดหน่อยเอง ทำไมต้องรบกวนทุกคนให้ออกมาเคลื่อนไหวขนาดนั้นล่ะครับ?”
หลินเจี๋ยรู้สึกเกรงใจจริงจัง
แม้ว่ามองจากการวางตัวของคน ๆ นี้ จะประมาณได้ว่าเศษเสี้ยวนี้สามารถยกระดับวงการการวิจัยโบราณคดีในนอร์ซินได้อย่างมาก เป็นธรรมดาที่จะตื่นเต้นมากก็ตาม แต่การเกรงใจผู้อื่นก็ห้ามขาดตกบกพร่อง
เรื่องแม่มดแห่งอัคคีนี้เป็นเพียงความคิดเล็กน้อยของเจ้าของร้านหลิน สมกับเป็นเขา!
ชายชุดคลุมดำพูดอย่างจริงใจ “ไม่…ไม่เลยครับ เราจะไม่มีวันตอบแทนความช่วยเหลือของท่านต่อเราได้เลย เจตจำนงของท่านคือเจตจำนงของเราครับ”
ชายชุดคลุมดำพูดอย่างหนักแน่น แล้วกด ‘เรื่องเล่าและตำนาน’ ไปที่อกขวาราวกับ ‘มอบหัวใจให้’
ดูเหมือนว่าหนังสือเล่มนี้จะช่วยนักโบราณคดีจากโบสถ์แห่งโรคระบาดได้มากเลยจริง ๆ แฮะ ถ้าเป็นแบบนั้นเราก็ยินดี…หลินเจี๋ยพยักหน้า กล่าวว่า “งั้นผมขอฝากทุกคนด้วยนะครับ…”
ชายชุดคลุมดำรู้สึกเหมือนตัวตนของเขาได้รับการยอมรับอย่างยิ่งยวด หัวใจตื่นเต้นพลุ่งพล่าน เส้นหนวดที่กรามล่างของเขาพริ้วไหวอย่างเป็นสุขในเงามืด
ชายชุดคลุมดำมองรอยยิ้มให้กำลังใจของเจ้าของร้านหลิน อดรู้สึกเหิมเกริมเล็กน้อยไม่ได้ เขาตื่นเต้นอยู่พักหนึ่ง และพริบตาต่อมาก็จำได้ว่ามีเรื่องสำคัญที่เกือบลืมไป
“มีอีกอย่างหนึ่งที่ผมอยากบอกท่านครับ” ชายชุดคลุมดำพูดอย่างจริงใจ “ความร่วมมือของเรากับหอการค้าแอชในตอนนี้ได้เปิดช่องทางสู่เขตล่างเพิ่มขึ้นอีกจุดครับ”
“ผมหวังว่าท่านจะสามารถมายังเขตล่างได้โดยเร็วที่สุด” ชายชุดคลุมดำอดพูดอย่างเปี่ยมอารมณ์ไม่ได้ “ทุกคนในเขตล่างทุ่มเทไปมากมายเพื่อเรื่องนี้ครับ”
“ปรากฏว่าเป็นความช่วยเหลือของพวกคุณนี่เอง…”
หลินเจี๋ยประหลาดใจเล็กน้อย
เขาเคยได้ยินเชอร์รี่พูดเรื่องการเปิดช่องทางผ่านสินค้าที่สองของหอการค้าแอชมานานแล้ว
เขาจำได้ว่าแต่เดิม ช่องทางสู่เขตล่างถูกควบคุมโดยบริษัทโรลล์ ก่อนหน้านี้ เขาเคยบ่นอยู่หลายครั้งว่าทำไมรัฐบาลถึงไม่สร้างเพิ่มอีกสักสองสามทาง เพราะถึงอย่างไร ถนนสู่เขตล่างควรถูกสร้างขึ้นก่อน
แต่จากนั้น เขาก็คิดว่าอาจเป็นเพราะถนนสู่เขตล่างมันซ่อมยากเกินไปก็ได้
แต่ตอนนี้ โบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในเขตล่างได้เปิดช่องทางที่สองขึ้นเอง และยินดีอย่างยิ่งในการแสวงหาความรู้
สุดยอด! นี่แหละพลังแห่งความรู้!
หลินเจี๋ยคว้ามือในถุงมือสีดำของชายชุดคลุมดำ กล่าวว่า “ผมตื้นตันใจมากเลยครับ ผมตั้งใจจะไปเขตล่างอยู่ก่อนแล้ว ผมจะไปแน่นอนครับ”
ชายชุดคลุมดำเห็นว่ามือของตนถูกบุคคลซึ่งตนเทิดทูนกุมไว้ เขาตื่นเต้นจนแทบหายใจไม่ออก แต่ก็ยังสงบลมหายใจมาพูดว่า “ขอบพระคุณครับ เรารอท่านอยู่นานเกินไปแล้ว!”
หลินเจี๋ยพยักหน้า ก่อนจะปล่อยมือของชายชุดคลุมดำ “ผมจะใช้เวลาอ่านมัน แต่จำไว้นะครับ อย่าลืมศึกษาหนังสือที่ผมเขียนต่อไปด้วย”
หลินเจี๋ยชี้ไปที่หนังสือ ‘เรื่องเล่าและตำนาน’ พลางพูดต่อโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “ผมทุ่มเทไปมากกับการเขียนมัน ถ้าทุกคนอ่านมันจะดีที่สุดเลยครับ”
ชายชุดคลุมดำอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงก้มลงมอง ‘นิมิตโกลาหล’ ในมือ
หนังสือเล่มนี้บรรจุพลังอันแข็งแกร่งยิ่งยวด ประชาชนธรรมดามากมายซึ่งรับมันไม่ไหวจะตายเพราะทนความบ้าคลั่งหลังอ่านหนังสือเล่มนี้ไม่ได้ ดังนั้นบิชอปของโบสถ์แห่งโรคระบาดจึงถือว่ามันเป็นพระคัมภีร์ระดับสูงสุดซึ่งมีเพียงบุคคลระดับสูงสุดเท่านั้นที่ได้อ่าน แต่เจ้าของร้านหลินพูดว่าทุกคนควรอ่าน นี่หมายความว่าอย่างไร?
“จะว่าไป” หลินเจี๋ยพูดต่อด้วยสีหน้าจริงจัง “ที่นั่น พวกคุณมีเครื่องถ่ายเอกสารไหมครับ?”
“เอ่อ…มีครับ”
“ยิ่งแจ๋วเลยครับ ถ่ายเอกสารหนังสือเล่มนี้สักร้อย ๆ ฉบับ แจกให้ทุกคนอ่านก็ได้นะครับ”
“ถ…ถ…ถ่ายเอกสาร?”
“ครับ” หลินเจี๋ยตอบยืนยัน “อันที่จริง ผมพยายามเขียนให้หนังสือเล่มนี้เรียบง่าย เข้าใจง่ายที่สุดเท่าที่เป็นไปได้แล้ว เพื่อที่สาธารณชนจะสามารถประสบความสุขแห่งความรู้ได้เหมือนกัน”
ชายชุดคลุมดำกลืนน้ำลาย แม้ว่าหนังสือเล่มนี้จะทำให้ประชาชนในเขตล่างเป็นบ้าจนตาย แต่ไม่ใช่ว่าจะตายกันทุกคน ขอเพียงพวกเขารอดมาได้ พวกเขาจะได้รับพลังอันยิ่งใหญ่และกลายเป็นสาวกผู้บริสุทธิ์ที่สุดของเจ้าของร้านหลินเหมือนเช่นตัวเขาเอง
เข้าใจแล้ว…ชายชุดคลุมดำกระจ่างแจ้ง เจ้าของร้านหลินต้องการใช้หนังสือเล่มนี้เพื่อเลือกสาวกผู้แข็งแกร่งและบริสุทธิ์!
เข้าใจแล้ว! อย่างนี้นี่เอง!
ชายชุดคลุมดำอดทอดถอนใจไม่ได้ ว่าพระเจ้าที่แท้จริงผู้นี้ทั้งโหดร้ายและเมตตานัก
เมื่อเทียบกับความเสแสร้งสายตาสั้นของแม่มดแห่งรัตติกาลและแม่มดแห่งอัคคีซึ่งปกป้องมนุษย์อย่างหน้ามืดตามัว ไม่สนใจลักษณะนิสัยของพวกเขา และปล่อยให้ก้อนมะเร็งมากมายเติบโตต่อเนื่อง
วิธีการของเจ้าของร้านหลินต่างหากที่เป็นความเมตตาอันแท้จริง! มันดูโหดร้าย แต่ที่จริงแล้วมันคือนิรันดร์!
“เข้าใจแล้วครับ ผมจะถ่ายทอดสิ่งที่ท่านสื่อต่อใจของทุกคน ท่านใจกว้างจริง ๆ ครับ!”
ชายชุดคลุมดำเอ่ยชมอย่างจริงใจ ก่อนจะเดินทางกลับพร้อมหนังสือ
หลินเจี๋ยเฝ้ามองเขาจากไปในหมอกหนา โบกมืออย่างพึงพอใจ