บทที่ 419 : ยินดีต้อนรับ
บทที่ 419 : ยินดีต้อนรับ
เสียงฝีเท้ากระฉับกระเฉงดังขึ้นขัดความสงบเงียบในคฤหาสน์หมายเลข 72 ในเขตกลาง
สาวใช้เดินขึ้นบันได ค่อย ๆ ผลักประตูเข้าไปในห้องนายหญิงของเธอ
นายหญิงไม่ได้ออกจากห้องมาสามวันแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้คงหิวแย่เลยใช่ไหม?
“คุณมาเรีย?”
สาวใช้ผลักประตูเปิดออก และเห็นบุคคลที่ขดเป็นก้อนอยู่บนเตียง นับแต่เจ้านายของเธอ ประธานมาเรียกลับมาจากเขตสลัม เธอก็รีบเร่งกลับบ้านพร้อมหวีดร้องราวเห็นผี จากนั้นก็เอาแต่ขังตัวเองอยู่แต่ในบ้าน ไม่ยอมออกไปไหนมาสามวันแล้ว
ในฐานะตระกูลนักวิชาการผู้ทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุ มาเรียจึงได้รับมรดกตกทอดจากพ่อแม่ของเธอ และยังไต่เต้าสู่ตำแหน่งประธานสมาคมแห่งสัจธรรมด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง สาวใช้ผู้เฝ้ามองการเติบโตของเธอมาแต่เด็กเพิ่งเคยได้เห็นมาเรียที่ตื่นกลัวขนาดนี้เป็นครั้งแรก
สาวใช้เดินไปข้างเตียง เห็นหญิงสาวตัวสั่นไม่หยุดอยู่ใต้ผ้าห่ม
เธอยกผ้าห่มขึ้น มาเรียกรีดร้องราวกับนกที่แตกตื่น สีหน้าของเธอคล้ำเขียว ดวงตาของเธอบวมแดง มือเท้าเย็นเฉียบ ในเวลาเพียงสามวัน เธอดูจะหมดสภาพไม่เหลือชิ้นดี
“คุณ…มาเรีย?” สาวใช้เผยอปากเล็กน้อย ตะลึงตกใจกับสิ่งที่เห็น
มาเรียตัวสั่นงันงก แววตาว่างเปล่า แม้จะยังมีชีวิต แต่เธอเสียสติไปตลอดกาล
“นายหญิง เกิดอะไรขึ้นกับคุณคะ?” สาวใช้ถามอย่างร้อนรน
“ไลฟ์และชีวิตเข้าสู่จุดจบ เทพธิดาผู้ปกป้องชีวิตและเผ่าพันธุ์มนุษย์หายไปโดยสมบูรณ์แล้ว…” เธอพูดปนสะอื้น
แม่มดแห่งชีวิตเคยช่วยชีวิตเธอยามสถานการณ์คับขันมาหลายครั้งในเมืองเขตล่าง และเธอก็แทบจะเรียกได้ว่าเป็นภาชนะสำหรับแม่มดแห่งอัคคีผู้นี้ไปแล้ว
เมื่อไลฟ์ตายลง เธอจึงสัมผัสได้อย่างชัดเจน
นับตั้งแต่การเริ่มยุคสมัยที่มนุษย์ปกครองในอาซีร์ แม่มดแห่งชีวิตก็คอยคุ้มครองการดำรงอยู่และสานต่อความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์มนุษย์มาโดยตลอด การตายของเธอหมายความว่ามนุษย์นั้นกลายเป็นสิ่งเปราะบาง พร้อมถูกเจาะทำลายได้ทุกเมื่อราวกับกระดาษ
มาเรียผู้รับความจริงนี้ไม่ได้ก็เสียสติไปตลอดกาล
—
บริออน ซิสเลย์หยิบนาฬิกาพกอันประณีตละเอียดอ่อนออกมาจากในชุดโอตกูตูร์ของเขา จับจ้องมันจนถึงคราวที่เข็มนาฬิกาบอกเวลาสิบโมงจึงเก็บนาฬิกาไป มองออกนอกกระจกหน้าต่างรถ
ทิวทัศน์นอกรถกระเพื่อมไปตามจังหวะรถสั่นราวรอยอยู่ในน้ำ ต้นไม้ริมทางเขียวชะอุ่มและเป็นระเบียบ สองฝั่งถนนเต็มไปด้วยร้านรวงระดับไฮเอนด์ซึ่งส่วนใหญ่ทำธุรกิจมาหลายชั่วอายุ
“นอร์ซินภายใต้การปกครองของเขตกลางนี่ยอดเยี่ยมดีแท้…” บริออนทอดถอนใจออกมากะทันหัน จากนั้นจึงหันไปมองคนขับรถชราแต่งตัวภูมิฐานซึ่งนั่งอยู่บนที่นั่งคนขับ
“จริงครับท่าน” คนขับตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
“ใช่แล้ว ไม่เห็นกระทั่งคนจนสักคนในนอร์ซิน” บริออนทอดถอนใจต่อ “แค่มองชาวนอร์ซินสุขสันต์รุ่งเรือง ผมก็รู้สึกว่าคุ้มค่ากับการทำงานหนักแล้วล่ะครับ”
“นายท่าน คุณใจดีจริง ๆ ครับ”
แหงสิ นี่มันเขตกลาง จะไปหาคนจนจากไหนได้…คนขับแอบบ่นในใจ แต่แน่นอนว่าไม่กล้าพูดออกมา ชายชราคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา
“นั่นสินะครับ ผมใจเสาะเกินกว่าจะเห็นคนจนจริง ๆ” บริออนถอนหายใจ
ความจริงแล้ว เขาเป็นหนึ่งในผู้ปกครองจากศาลสูงสุดซึ่งดูแลผู้คนทั่วทั้งนอร์ซิน
บุคคลผู้สูงส่งทรงเกียรติที่สุดในนอร์ซิน
ศาลสูงสุดที่ว่านี่ก็เหมือนเป็นผู้บริหารเขตกลางของนอร์ซินซึ่งสืบทอดตำแหน่งกันจากรุ่นสู่รุ่น บรรพบุรุษของพวกเขาก็คือสิบสองผู้สูงส่งผู้สร้างนอร์ซิน
ในฐานะทายาทของผู้สูงส่ง บริออน ซิสเลย์จึงได้เป็นสมาชิกศาลสูงสุดจากฐานะของเขา แม้ว่าตำแหน่งในองค์กรจะไม่ได้สูงอะไรนักก็ตาม ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่ถูกส่งมาลองเชิงเจ้าของร้านหนังสือสาขาใหม่หรอก
เมื่อครึ่งเดือนก่อน ศาลสูงสุดสั่งประชุมใหญ่ภายใต้พฤกษากลับหัว ลึกลงไปใต้ป่าเขตกลางหลายพันเมตร และในที่สุดก็สรุปการประชุมออกมาได้สองเรื่อง เรื่องแรกคือรอให้วิถีแห่งดาบอัคคียั่วยุหลินเจี๋ยให้ลงมือ และอีกเรื่องคือลองเชิงร้านสาขาของหลินเจี๋ยว่ามีจุดประสงค์อะไร
ในฐานะสมาชิกอายุน้อยที่สุดในหมู่คนเฒ่าคนแก่เหล่านั้น บริออนจึงรับหน้าที่นี้ด้วยความมั่นใจอย่างยิ่งยวด และออกเดินทางไปถามจุดประสงค์ที่ร้านหนังสือสาขา
น่าเสียดาย บริออนไม่ได้คิดว่าร้านหนังสือนั่นจะแข็งแกร่งสักเท่าไรเลย
บริออนพบว่าเจ้าของร้านหนังสือเป็นโสดมาแต่ต้นจนจบ ผู้ติดตามคนเดียวของเขาก็คือผู้ช่วยซึ่งมาเปิดร้านสาขา แม้ว่าเขาจะแสดงอำนาจเกินจินตนาการมาหลายครั้ง แต่บริออนก็ยังคงเคลือบแคลงในตัวเขา
พฤติกรรมของหลินเจี๋ยเปลี่ยนแปลงได้ จึงไม่สามารถคาดการณ์จุดประสงค์ได้อย่างแม่นยำ
ถ้าไม่มีจุดประสงค์ เขาจะทำเรื่องพวกนี้ไปเพื่ออะไร? แต่ถ้ามี ด้วยความแข็งแกร่งที่เขาแสดงมาจนตอนนี้ เขาจะทำลายนอร์ซินเลยก็ได้ แต่กลับไม่ทำและเลือกจะกระจายพลังของเขาออกไป เปิดร้านสาขาและซ่องสุมกำลังต่อ
ผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงดูแคลนการทำงานร่วมกับมดปลวก ถ้าหลินเจี๋ยแข็งแกร่งเกินกว่าแม่มดแห่งพฤกษา เขาคงลงมือไปนานแล้ว
ดังนั้นบริออนจึงชิงออกมาถามเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของร้านสาขาของหลินเจี๋ยก่อนใคร
ถ้าเขาทำได้ ตัวเองก็จะกลายเป็นบุคคลศูนย์กลางอำนาจในสำนักงานกลางได้อย่างไม่ต้องสงสัย
“ท่านครับ ถึงแล้วครับ” คนขับรถจอดรถที่คฤหาสน์ A48 อดีตคฤหาสน์ตระกูลเฟร็ดที่ตอนนี้เปลี่ยนรูปร่างไปจนหมด ประตูกว้างขวางดูหรูหราเกินกว่าจะเป็นร้านหนังสือ
เมื่อบริออนออกมาจากรถ เขาก็เห็นได้ว่าในร้านหนังสือโอ่อ่านี้มีเพียงเด็กสาวผู้มีใบหน้าจิ้มลิ้มอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น
บริออนจำได้ว่าครั้งหนึ่ง เด็กสาวคนนี้เคยเป็นมนุษย์ประดิษฐ์ของสมาคมแห่งสัจธรรม แต่ตอนนี้หลินเจี๋ยเปลี่ยนเธอเป็นเด็กสาวคนหนึ่งไปจริง ๆ และความแข็งแกร่งของเธอยากที่จะตัดสิน
“ยินดีต้อนรับ” มูเอนโค้งตัวให้บริออนราวหุ่นยนต์ก่อนที่เขาจะทันได้เข้ามาในร้านเต็มตัวเสียอีก
ไม่นานหลังจากเปิดสาขา บริออนก็คือลูกค้าคนแรก กล่าวอีกแง่ก็คือบุคคลแรกที่เจ้าของร้านหลินต้องการทดสอบ
บริออนคำนับน้อย ๆ ก่อนจะเดินมาที่เคาน์เตอร์ร้านหนังสือด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีคุณหนู ร้านหนังสือของคุณหรูหราจริง ๆ นะครับ” บริออนกล่าวยิ้ม ๆ “ร้านหนังสือดี ๆ แบบนี้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในเขตกลางจริง ๆ”
มูเอนไม่ตอบ ทำเพียงมองเขาราวกับมดตัวหนึ่ง บริออนไม่เคยถูกปฏิบัติด้วยเช่นนี้มาก่อน และอยากจะโต้แย้ง ทว่าเขาก็ถูกสายตาของมูเอนกดดัน จะหายใจยังลำบาก
ร้านหนังสือของมูเอนไม่ได้มีหนังสือปรากฏขึ้นไม่รู้จบอย่างของหลินเจี๋ย แต่เต็มไปด้วยหนังสือที่เจ้าของร้านหลินเลือกมากับมือ
มูเอนและวินเซนต์เห็นตรงกันว่านี่คือความเชื่อใจของเจ้าของร้านหลิน ดังนั้นพวกเขาจึงสรุปเนื้อหาโดยรวมของหนังสือแต่ละเล่มโดยไม่อ่าน หากพวกเขาได้รับอนุญาตให้อ่านจริง ๆ เกรงว่ากระทั่งมูเอนกับวินเซนต์คงได้เป็นบ้ากันพอดี
“ในเมื่อคุณเข้ามาในร้านหนังสือนี้ คุณพร้อมสำหรับการทดสอบหรือยังคะ?” นัยน์ตาสีเข้มของมูเอนสะท้อนแสงสว่างไสวราวหมู่ดาวบนท้องฟ้ายามรัตติกาล
“อะไรนะครับ? การทดสอบ?” บริออนมองมูเอนอย่างงุนงง นี่ต่างจากสิ่งที่เขาคาดเดาไว้
จากข้อมูลที่ได้มาจากสำนักงานกลาง เจ้าของร้านหนังสือจะปรากฏตัวขึ้นในช่วงแรกของการขายหนังสือ จากนั้นก็จะทำตัวเหมือนเจ้าของร้านหนังสือคนหนึ่งซึ่งไม่ต่างจากคนธรรมดาทั่วไป และไม่ชอบให้ใครมาพูดถึงฐานะอันแข็งแกร่งของเขา หรือแสดงพลังเหนือธรรมชาติออกมาง่าย ๆ
บริออนอยากใช้การสนทนานี้เพื่อสืบตัวตนของเจ้าของร้านหนังสือ
ทว่าเด็กสาวคนนี้กลับใช้พลังเหนือธรรมชาติอันแข็งแกร่งข่มเขาไว้ทันทีที่เข้ามาในร้าน
เด็กสาวชุดขาวหันเดินไปยังชั้นหนับสือสีเข้ม หยิบหนังสือเล่มหนึ่งและกลับมาถือมันไว้ข้างหน้าบริออนราวกับเป็นสมบัติล้ำค่า
มูเอนเกลี่ยผมของเธอทัดไว้หลังหู ดูเย่อหยิ่งเล็กน้อยถ้าเมินหนังสือซึ่งมีหน้าปกมันวาวในมือของเธอ…
เหมือน…หนังสือหนังมนุษย์?!
บริออนเบิกตาเล็กน้อย
“บางทีการให้คุณได้สัมผัสงานเขียนของเจ้าของร้านหลินอย่างแท้จริงอาจจะเปลี่ยนคุณได้สักนิด” มูเอนเอียงคอเล็กน้อย มุมปากของเธอยกขึ้นหน่อย ๆ จากใจเพราะเป็นหนังสือของเจ้าของร้านหลิน