บทที่ 50 : สัญลักษณ์ความเป็นผู้นำ
หลินเจี๋ยผ่อนคลายลงเล็กน้อยเมื่อเห็นว่านอกจากใบหน้าของโดริสที่ซีดลงไปนิดหน่อยเพราะความเหนื่อยล้า ที่เหลือก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก
เขาส่ายหน้าพลางเอ่ย “ไม่เลยครับ ฝนข้างนอกกลบเสียงคุณไปจนหมดเลย”
หัวใจของโดริสเต้นไม่เป็นจังหวะ
เขตแดนเก็บเสียงของเธอกีดกันเสียงจากภายนอก และเขตแดนไพรสัณฑ์ปกปักได้บล็อกความเสียหายทั้งหมดเอาไว้
ในเขตรัศมีร้อยเมตรรอบ ๆ ร้านหนังสือนี้จึงไม่เกิดเสียหายอะไรแม้แต่รอยขีดข่วน
‘เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเพราะเขตแดนของ…เดี๋ยวก่อนนะ’
โดริสรู้สึกว่ามีความหมายแอบแฝงอยู่เบื้องหลังคำพูดนี้
‘ฝนนี่…มันสื่อถึงอะไรรึเปล่า’
แม้โดริสจะยังไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่เธอเข้าใจดีว่านอร์ซินกำลังเกิดเรื่องวุ่นวายอยู่จากคำบอกเล่าของนักล่าสาว
พวกนักเวทมนตร์ดำคลุ้มคลั่งพวกนั้นถือเป็นเครื่องยืนยันชั้นยอด
ไม่ว่าจะเป็นนักล่า นักเวท คนจากหอพิธีกรรมต้องห้าม หรือแม้แต่สมาคมแห่งสัจธรรมต่างถูกลากมาข้องเกี่ยวในวังวนจนออกไปไม่ได้
แม้แต่การประจันหน้าระหว่างระดับภัยพิบัติสองคนยังไม่ต่างกับการสาดน้ำลงไปในวังวนนี้
ตอนนั้นเอง เสียงของพวกเขาก็ถูกกลบหายไปจนไม่เหลือสิ่งใดเลย
นี่ใช่มุมมองของตัวตนผู้ยิ่งใหญ่หรือเปล่านะ?
โดริสสาวเท้าเข้าไปและหย่อนตัวลงนั่ง หญิงสาวไม่อาจหาญกล้าจะคาดเดาบทบาทของเจ้าของร้านหนังสือใน ‘สายฝน’ นี้อีกต่อไป
ต่อให้เขาไม่ใช่ตัวละครหลัก แต่เจ้าของร้านหนังสือคนนี้ถือว่าเล่นบทบาทสำคัญถึงขั้นปล่อยให้นักเวทมนตร์ดำระดับภัยพิบัติมาเคาะประตูบ้านโดยไม่ใส่ใจอะไรเลยแม้แต่น้อย
โดริสเลยไม่รู้ว่าอิทธิพลนี้เป็นเรื่องดีหรือไม่ดีกันแน่…
ตอนนี้ โดริสจึงได้แต่ตั้งการ์ดและแย้มรอยยิ้มบาง “เอ่อ ช่างเป็นเรื่องน่ายินดีที่ท่านไม่ได้รับการรบกวนเลยแม้แต่น้อย พวกเขาจะไม่มายุ่มย่ามกับท่านอีกต่อไปแล้วเจ้าค่ะ”
หลินเจี๋ยเองก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงสภาพอากาศปัจจุบันในนอร์ซินขึ้นมา “สภาพของนอร์ซินตอนนี้ถือว่าย่ำแย่เลยละครับ แต่ช่วงนี้ผมกลับมีลูกค้าเพิ่มขึ้นมาเสียได้ อ๊ะ อย่าเข้าใจผิดนะครับ ผมเองก็ไม่ได้ยินดีกับสภาพอากาศที่แย่ลง ๆ แบบนี้สักเท่าไรเหมือนกัน”
“ต่อให้ผมได้พบกับลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น แต่ผมเองก็ชอบวันเวลาที่มีลูกค้าน้อยกว่านี้และทำอะไรเชย ๆ อย่างการนั่งอาบแดดตอนที่รู้สึกเบื่อพลางอ่านหนังสือไปด้วย”
เขาเหลือบมองถนนเบื้องหน้าก่อนฉีกยิ้มเจิดจ้า “ผมหวังว่ามุมานะและเจตจำนงของทุกคนซึ่งรวมเป็นหนึ่ง จะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นกว่านี้ในอนาคตนะครับ”
รอยยิ้มบนใบหน้าโดริสแข็งค้าง
‘มุมานะอันรวมเป็นหนึ่งเดียว…นี่เขาเรียก ‘ลำแสงแห่งความตาย’ เวทระดับภัยพิบัติแสนน่ากลัวที่เกือบจะกำจัดทุกอย่างที่ขวางหน้าจนกลายเป็นหนึ่งเดียวกับผืนดินว่า…ความมุมานะเหรอ?’
อีกอย่าง ‘ชีวิตแบบคนเกษียณอายุที่นั่งอาบแดดและอ่านหนังสือ’ เนี่ย ฟังดูโคตรจะจืดชืดและน่าเบื่อสุด ๆ เลยไม่ใช่รึไง!?
‘พอมาคิดดูอีกที ทั้งหมดนี่ไม่ฟังดูเหน็บแนมไปหน่อยเหรอ…’
‘แสดงว่าสถานการณ์เมื่อกี้ถูกจัดฉากขึ้นมา เพราะท่านรู้สึกว่าลูกค้าน้อยไปจนอ่านได้แค่หนังสืออย่างเดียวมันน่าเบื่องั้นสิ?’
‘ท่านหญิงซิลเวอร์เจ้าคะ ผู้พึ่งพิงของท่านดูจะนิสัยไม่ดีเอาเสียเลยนะเจ้าคะ’
หลินเจี๋ยเห็นสีหน้าของลูกค้าย่ำแย่ลง หัวใจเขาก็ร่วงไปอยู่ตาตุ่ม
นี่เขาลืมไปได้อย่างไรว่าคุณหนูตรงหน้าย่อมกำลังเหน็ดเหนื่อยหลังเผชิญหน้ากับพายุและสายฝนเพื่อขับไล่แขกไม่ได้รับเชิญ?
แต่ตัวเขาซึ่งได้รับการช่วยเหลือกลับพร่ำบ่นเกี่ยวกับความพยายามรวมเป็นหนึ่งเดียวกับอะไรก็ไม่รู้เสียได้ นี่เขายังอยากจะเก็บบ่อเงินบ่อ…ไม่สิ ๆ ลูกค้าคนนี้อยู่อีกเหรอ
‘แย่จริง พลาดไปจนได้’
‘ตอนนี้สิ่งที่สาวน้อยคนนี้ต้องการคือความอบอุ่นและความเอาใจใส่ต่างหาก’
เขาละสายตาจากเธอและส่งถ้วยชาให้ “เปลี่ยนเรื่องกันดีกว่าครับ คุณเองก็ผ่านความยุ่งยากเพราะเรื่องนี้มามากพอตัว จิบชาแล้วพักก่อนเถอะครับ”
“…อืม” โดริสหยิบถ้วยชาขึ้นมาด้วยความระมัดระวังมากกว่าเดิม
อย่างไรเสีย ผู้ได้รับคำอำนวยพรตรงหน้าสามารถชี้ชะตากลุ่มไอริสได้ อีกทั้งดูท่าเขาจะเป็นคนผีเข้าผีออก มีความสุขกับการเล่นสนุกกับผู้คนและก่อเรื่องทะเลาะต่อสู้โดยไม่มีเบื่อเลยสักนิด
สายตาของเธอเลื่อนมายังถ้วยชาและมองใบชาที่กำลังลอยอยู่ข้างในด้วยความลังเล
ตั้งแต่ที่ถ้วยชาถูกนำมาจากทางเหนือ การดื่มชาก็ถือเป็นธรรมเนียมปกติในนอร์ซินไปแล้ว ทว่าส่วนใหญ่มักจะเป็นการดื่มชาดำและเติมนมกับน้ำตาลมากกว่า น้อยคนนักที่จะชงชาจากใบชาแห้งแบบนี้
โดริสไม่ได้ติดต่อโลกภายนอกมานานเสียจนไม่คุ้นเคยกับการอยู่ร่วมกับมนุษย์เลย
‘การเช่าอพาร์ตเมนต์’ ของเธอก็คือการทุบเจ้าของจนสลบดี ๆ นี่เอง
หญิงสาวยกถ้วยขึ้นจิบอย่างระมัดระวังและพบว่ามีรสเฉพาะทางนัก เป็นความขมที่มีความหอมอบอวล ทว่าความเป็นธรรมชาติเช่นนี้ถือว่าเข้ากับเอลฟ์ได้ดีมาก
ยิ่งไปกว่านั้น ความอุ่นของชาร้อนนี้ถือว่าชวนผ่อนคลายนัก
โดริสยิ้มอย่างยินดีก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา เธอวางถ้วยชาลงพลางตกอยู่ในภวังค์ความคิด เจ้าของร้านหนังสือไม่สะทกสะท้านกับการต่อสู้ของระดับภัยพิบัติข้างนอกถึงขั้นชงชาเลยทีเดียว…
ไม่ใช่แค่ชงให้ตัวเอง แต่จงใจชงอีกถ้วยให้โดริสด้วย
ดูท่าทางเจ้าของร้านหนังสือจะรู้แต่แรกแล้วว่าใครจะชนะก่อนการห้ำหั่นจะเริ่มขึ้นเสียอีก เขาแค่ให้ภารกิจโดริสเพื่อเฝ้ามองผลงานก็เท่านั้น
ดูจากการแสดงออกของเขา ท่าทางเจ้าของร้านหนังสือจะพึงพอใจอยู่พอสมควร
โดริสจัดแจงท่าทางตัวเองแล้วถามออกไป “ไม่ทราบว่าพวกเรามาต่อบทสนทนาที่ขาดช่วงไปได้ไหมเจ้าคะ”
หลินเจี๋ยพยักหน้าและตอบกลับไปอย่างเด็ดเดี่ยว “ได้ครับ ผมช่วยแก้ปัญหาได้แต่คงไม่ง่ายดายนัก การได้รับการยอมรับอีกครั้งเป็นกระบวนการอันยาวนานและยากลำบากมาก ผมจะพยายามจนถึงที่สุด แต่ไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่าการกระทำของพวกคุณครับ”
จากที่คุณหนูตรงหน้าเขาได้กล่าวมา หลินเจี๋ยอนุมานว่าเธอมาจากตระกูลขุนนางที่เรียกว่ากลุ่มไอริส
นอกเหนือไปกว่านั้น นี่ยังเป็นตระกูลที่เคยมีประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์มาก่อนอีกด้วย
เพียงแต่เจอเรื่องโชคร้าย ความสำคัญของตราประจำตระกูลจึงเลือนหายไป เป็นไปได้ว่าอาจหายไปพร้อมกับบันทึกประวัติศาสตร์ของตระกูล เมื่อเวลาผ่านไป ขุนนางตระกูลอื่นจึงค่อย ๆ เลิกยอมรับพวกเขา ทำให้กลุ่มตระกูลเสื่อมถอยลงไปในที่สุด
การต่อเติมและอุดช่องโหว่ประวัติศาสตร์ถือว่าเป็นภาระใหญ่หลวง อีกทั้งคนในกลุ่มตระกูลต้องพร้อมใจกันห้ามแบไต๋และห้ามเข้าใจเรื่องนี้เพียงผิวเผินด้วย ไม่อย่างนั้นเรื่องจะประดังประเดไม่รู้จักจบจักสิ้นเอา
คุณหนูคนนี้มาหาเขาเพราะเชื่อในตัวจี้จือซู่ ดังนั้นย่อมเป็นเรื่องปกติที่หลินเจี๋ยจะสร้างผลิตผลขึ้นมา
ตัวหลินเจี๋ยอาจจะไม่มีพรสวรรค์ แต่อย่างน้อยเขาก็มีความรู้เล็กน้อยเกี่ยวกับตราประจำตระกูลเหมือนกัน
ในเมื่อเขาแทบจะไม่เคยได้ยินเรื่องการศึกษาตราประจำตระกูลในประเทศของเขามาก่อน หลินเจี๋ยจึงขอรับการอนุมัติจากสมาคมการศึกษาตราผ่านทางเพื่อน เพื่อตีพิมพ์หนังสือตราสัญลักษณ์และโทเท็ม[1] ซึ่งสามารถขายเป็นซีรีส์พร้อมกับหนังสือเล่มอื่นของเขาโดยใช้ชื่อว่าพิธีกรรมและขนบธรรมเนียม
หลินเจี๋ยดึงหนังสือเล่มนั้นออกมาจากชั้นหนังสือด้านหลังเขา แล้วยื่นให้เอลฟ์สาว
“อ่านอันนี้ให้ดีก่อนนะครับ มันจะช่วยคุณได้แน่นอน การกอบกู้ความรุ่งเรืองไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”
หัวใจของโดริสเต้นไม่เป็นส่ำพลางรับหนังสือมา
หน้าปกที่มีสัญลักษณ์ประหลาดดึงดูดสายตาของเธอได้ทันที
ดาวห้าแฉกซึ่งบิดเบี้ยวผิดรูปที่ดูเหมือนจะจ้องตรงมายังดวงตาของเธอจากจุดกึ่งกลาง รวมถึงกลิ่นอายที่เต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์อันหวือหวาตระการตา
ชื่อหนังสือก็คือ…สัญลักษณ์ความเป็นผู้นำ
[1] โทเท็มในที่นี้หมายถึงลายสักโทเท็มจีนซึ่งรูปร่างคล้ายสัญลักษณ์