แต่หลังจากที่เห็นฉากนี้แล้ว ถังเยว่เหมยที่อยู่ข้างๆกลับมองถังเหยียนอย่างพูดอะไรไม่ออก
“ไม่รู้จริงๆว่าควรจะบอกว่าคุณหน่อมแน้มหรืออะไรดี ไม่คิดว่าจะมีท่าทางดีใจกับเรื่องอะไรแบบนี้ ถ้าพี่สาวของฉันรู้ว่าคุณเป็นแบบนี้ ไม่มีทางยอมอยู่ด้วยกันกับคุณตั้งแต่แรกแน่นอน”
ถังเหยียนยิ้มอย่างอึดอัด ตอนที่ตัวเองเพิ่งจะรู้จักกับถังเยว่หวาในตอนแรก ท่าทีที่แสดงออกมาก็คือท่าทีสุขุมเยือกเย็น แต่หลังจากที่อยู่ด้วยกันแล้ว จึงค่อยๆเปลี่ยนเป็นความรู้สึกที่ดีอกดีใจขึ้นมา นี่มันพิสูจน์แล้วว่า เวลาที่ถังเหยียนอยู่ข้างกายของถังเยว่หวา จะมีความสุขที่สุดนั่นเอง
“เอาล่ะ พวกเรารีบไปรับเธอกันเถอะ เธอน่าจะรออยู่ข้างบนนานมากเกินจนหมดความอดทนแล้วล่ะมั้ง”
ตั้งแต่ที่ถังเยว่หวาแอบลงมาจากเขาเมื่อครั้งที่แล้ว จากนั้นพอได้เจอกับถังเฉาอย่างราบรื่นแล้ว กลับไปบนเขาก็ไม่ได้เจอกับถังเยว่เหมยอีกเลย แล้วครั้งนี้ถังเยว่เหมยก็ใกล้จะครบหนึ่งสัปดาห์แล้ว ถังเยว่หวาน่าจะรออยู่บนเขาจนรู้สึกเบื่อไม่น้อย
ทั้งสามคนไม่ได้พูดกันสักคำ มุ่งตรงขึ้นไปบนยอดเขาด้วยกัน ในตอนนี้ยอดเขาอยู่ตรงหน้าแล้ว
ในขณะเดียวกัน ถังเยว่หวาที่กำลังเคาะไม้แกะสลักรูปปลาอยู่บนเขา รู้สึกได้ถึงฝีเท้าของคนสามคนกำลังเข้าใกล้ตัวเองมาเรื่อยๆ นึกว่าเป็นทหารมาส่งข้าว ก็เลยไม่ได้หันกลับไปสนใจอะไร
จนกระทั่งจู่ๆถังเยว่เหมยพูดคำว่าพี่ขึ้นมา ถังเยว่หวาจึงค่อยๆลืมตาขึ้น แต่ไม่ได้แสดงท่าทางประหลาดใจออกมามากมายนัก
“น้อง ตอนนี้สถานการณ์ของลูกชายฉันเป็นยังไงบ้าง น่าจะไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม”
ถังเยว่หวากำลังเคาะไม้แกะสลักรูปปลาอยู่ สำหรับเธอแล้ว สถานการณ์ของถังเฉาในตอนนี้สำคัญที่สุด จึงค่อยๆเปิดปากพูดถามขึ้น แต่ถังเยว่เหมยไม่ได้พูดอะไร รอถังเยว่หวาหันกลับมาเห็นสามีแล้วก็ลูกชายด้วยตัวเอง
ถังเยว่หวานึกว่าถังเยว่เหมยไม่ได้ยินเสียงของตัวเองแล้ว แถมตัวเองก็กำลังเคาะไม้อยู่อย่างตั้งใจ ก็เลยไม่ได้หันกลับไปมอง
จนกระทั่งตอนนี้ ถังเยว่เหมยมองไปข้างๆ หน้าของถังเหยียนเริ่มมีหยาดน้ำตา ร่วงหล่นมาจากหัวตาอย่างไม่เต็มใจ
ในตอนนี้ถังเยว่เหมยผลักถังเหยียนแล้วก็ถังเฉาที่อยู่ข้างๆ ทั้งสองคนหลบไปอยู่ข้างหลังของถังเยว่เหมยด้วยความกลัวเหมือนกับหนูตัวเล็กๆสองตัว
“ที่ฉันแอบเพราะว่ามีสาเหตุ นายจะมาแอบกับฉันทำไม นี่นายกำลังหัวเราะฉันอยู่ใช่ไหม พอนายได้เจอกับสถานการณ์แบบนี้ นายก็จะรู้เอง ฉันไม่ได้ขี้ขลาดนะ”
เวลาแบบนี้ ถังเหยียนยังคิดที่จะเปรียบเทียบกับถังเฉา พอเห็นว่าถังเฉาก็มาหลบอยู่ข้างหลังของถังเยว่เหมยเหมือนกัน ก็นึกว่าถังเฉากำลังล้อเลียนตัวเอง กำลังหัวเราะเยาะตัวเองอยู่
“คุณหลบได้ แล้วทำไมผมถึงหลบไม่ได้ ตอนนี้ผมก็กลัวเหมือนกันนะ”
พอได้ยินผู้ชายสองคนที่ดุร้ายเหมือนกับเสือตอนที่อยู่ล่างเขา กำลังขี้ขลาดหวาดกลัวต่อหน้าญาติคนสนิทของตัวเองแบบนี้ ถังเยว่เหมยก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
เนื่องจากเสียงหัวเราะของถังเยว่เหมยดังเกินไป ในที่สุดถังเยว่หวาก็หยุดตีไม้สลักรูปปลาในมือ ค่อยๆลุกขึ้นยืน
“น้องทำไมถึงหัวเราะซะดีใจขนาดนั้นเชียว ขนาดฉันพูดอะไรก็ยังไม่ได้ยิน”
ถังเยว่หวาหันกลับมา แค่พูดขึ้นอย่างนิ่งๆ แต่ในตอนนี้ ถังเยว่เหมยเดินมาข้างๆถังเยว่หวา เอาตัวของถังเยว่หวาหันกลับมา
“พี่อยากรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงดีใจมีความสุขขนาดนี้ พี่หันกลับมาดูก็ได้แล้วไม่ใช่หรือไง? วันๆเอาแต่ท่องพระธรรมอยู่อย่างนั้น ไม่เป็นห่วงกังวลคนสองคนที่อยู่ข้างหลังเลยสักนิด”
ถังเยว่หวาจะไม่เป็นห่วงสามีกับลูกชายของตัวเองได้ยังไง แต่แค่กำลังอธิษฐานหวังว่าลูกชายกับสามีของตัวเองจะไม่ได้รับบาดเจ็บตามความเชื่อของพุทธศาสนาเท่านั้น
แต่นาทีที่หันหน้ามาวิญญาณของถังเยว่หวาก็เหมือนหลุดลอยออกไป เธอยืนอึ้งตะลึงอยู่กับที่ มองทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้า
ครั้งแรกหลังจากที่ถังเยว่เหมยเจอกับถังเฉา ก็เอารูปของถังเฉาให้กับถังเยว่หวา แน่นอนว่าถังเยว่หวาก็รู้อยู่แล้วว่าถังเฉามีหน้าตายังไง
“ลูก!”
ในตอนนี้เอง ถังเยว่หวาก็ร้องเรียกชื่อของถังเฉาออกมา ส่วนถังเหยียนที่อยู่ข้างๆก็ยังนึกว่าถังเยว่หวากำลังจะเรียกตัวเอง แต่กลับได้ยินคำว่าลูก เขาอึ้งตะลึงอยู่กับที่
ถังเหยียนสีหน้าไม่เข้าใจ มองไปยังถังเยว่หวา คิดว่าถังเยว่หวาเรียกผิดก็ไม่เป็นไร แต่ดันไปเรียกผู้ชายอีกคนที่อยู่ข้างๆ นี่มันทำให้ในใจของถังเหยียนแทบจะแตกสลาย
“เด็กคนนี้คือใครกันแน่? ทำไมคุณเห็นเขาแล้วถึงดีใจขนาดนี้?”
ถังเหยียนเพิ่งจะแข่งขันเปรียบเทียบกับถังเฉาเสร็จ ตอนนี้กลับเห็นถังเฉาได้รับความสนใจจากถังเยว่หวามากกว่าตัวเองอีก ความรู้สึกไม่เท่าเทียมที่อยู่ในใจก็ถูกดึงออกมาอีกครั้ง กำลังเตรียมที่จะถามถังเยว่หวาว่าทำไมถึงทำแบบนี้อยู่นั้น ถังเยว่หวากลับพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มด้วยน้ำตา
“คุณนี่หัวทึบเหมือนไม้สลักรูปปลาเหลือเกิน ฉันล่ะอยากจะเคาะหัวคุณทุกวันเลยจริงๆ เด็กหนุ่มที่พูดถึงตรงหน้านี้ ก็คือถังเฉา ลูกชายของคุณยังไงล่ะ”
ถังเฉาถูกถังเยว่หวาโอบเข้ามาในอ้อมกอด จากนั้นถังเยว่หวาก็พูดกับถังเหยียน หลังจากที่ถังเหยียนได้ยินความจริงแล้ว ก็ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
นึกถึงที่ถังเฉาพูดกับตัวเองเมื่อตะกี้ ว่าลูกชายของถังเหยียนมากสุดก็แค่ฝีมือทัดเทียมกับตนเองเท่านั้น ในที่สุดถังเหยียนก็ตอบสนองกลับมาแล้วว่าทำไม?
“นี่……นี่คือลูกชายของผมเหรอ?”
“นักเรียนเก่งกว่าครูคนรุ่นหลังเก่งกว่าคนรุ่นก่อน คลื่นลูกใหม่มาแรงกว่าคลื่นลูกเก่า แต่กลับเด่นกว่าสีน้ำเงิน ลูกที่เกิดจากคนที่แข็งแกร่งขนาดนี้ก็ต้องแข็งแกร่งกว่าอยู่แล้ว ลูกชายช่วงนี้สบายดีไหม? มีได้รับบาดเจ็บตรงไหนไหม กินอิ่มไหม?”
หลังจากที่ถังเหยียนเห็นลูกชายของตัวเองแล้ว ก็ตื่นเต้นสุดๆ ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบอย่างเป็นห่วงเป็นใย แล้วก็มองไปยังถังเยว่หวาที่อยู่ข้างๆ
“คุณเอาแต่ถามสารทุกข์สุขดิบลูกชายของคุณ แต่ไม่ถามฉันบ้างเลย ถึงยังไงเกิดอะไรขึ้นกับฉันที่นี่บ้าง คุณก็ไม่สนใจอยู่แล้วนี่ ใช่ไหม?”
ตอนแรกแม้ว่าจะบอกว่าถังเยว่หวาไม่ได้สนใจถังเหยียนก่อน แต่ตอนที่ถังเยว่หวากำลังจะมาสนใจถังเหยียนแล้วนั้น ถังเหยียนกลับหันตัวไปหาถังเฉา ครั้งนี้ถังเยว่หวารับไม่ได้ ทำหน้าบึ้งมองถังเหยียนพร้อมกับพูดขึ้นด้วยความโมโห
ถังเหยียนพอเห็นท่าทางแบบนี้ของภรรยาตัวเองแล้ว ก็รู้สึกตกใจไม่น้อย
“ไม่ ไม่ใช่ คุณภรรยา คุณเข้าใจเจตนาผมผิดแล้ว…..”
ยังไม่ทันรอให้ถังเหยียนพูดจบ ถังเยว่หวาใช้มือตบลงที่หัวของถังเหยียนเบาๆ ผู้ชายที่กำยำขนาดนี้ ต่อหน้าของภรรยาตัวเองแล้วกลับบอบบางอ่อนแอ ทำให้คนคาดไม่ถึงอยู่ไม่น้อย
ถึงยังไงนี่มันก็เหมือนกับละครที่ถังเฉาเคยเห็นในโทรทัศน์ก่อนหน้านี้
“แต่ว่าคุณออกมาจากถ้ำได้ยังไง พวกเขาบอกว่าจะปิดกั้นอิสรภาพของตัวคุณตลอดไปไม่ใช่หรือไง?”
หลังจากที่ถังเยว่หวาเห็นสามีของตัวเองแล้ว ในใจก็รู้สึกปริ่มเปรมยินดีสุดๆ แต่ว่าก็รู้สึกสงสัยในการกระทำของราชวงศ์อยู่เหมือนกัน
“ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน น้องสะใภ้เป็นคนพาลูกมารับผม พวกเขาบอกว่าผมออกมาได้แล้ว ผมจึงกล้าฆ่างูหลามยักษ์ตัวนั้น แล้วพาพวกเขาทั้งสองคนมาเจอกับคุณ”
หลังจากที่ได้ฟังคำพูดนี้แล้ว พ่อแม่ตระกูลถังก็หันมองไปยังถังเยว่เหมย