“พอที เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว”
เย่ไป๋พูดด้วยน้ำเสียงดุดันขึ้นเล็กน้อย “ไม่ว่ายังไง การที่เธอสอนวิชาการต่อสู้จากภายนอกให้กับน้องสาวของเธอและให้เธอเอาติดตัวกลับมาที่ราชวงศ์ต้าเซี่ยมันต่างอะไรกับการฆ่าเธอ”
เย่หรูอี้อีกด้านหัวใจหนักหน่วง แต่ยังพยายามปกปิดตัวเอง
เพื่อไม่ให้คนรอบข้างได้ยิน หลังจากนั้นเธอไม่ยอมปริปากพูดอะไรสักคำ
เย่โฮ่เอ๋อเห็นท่าทางผิดปกติของเย่หรูอี้แล้วเริ่มสงสัยขึ้นมาในใจเหมือนกัน
“หรือว่าสิ่งที่พี่ชายของหนูพูดเป็นเรื่องจริงหรอคะ พี่หรูอี้ พี่ต้องการทำร้ายหนูจริงๆหรอคะ?”
เย่หรูอี้ไม่พูดอะไร ภาพลักษณ์ของเธอไม่สำคัญสำหรับเธอเท่าไหร่ สิ่งที่เธอแคร์คือตัวเองจะสามารถออกจากที่นี่โดยที่ยังมีชีวิตอยู่ได้มั้ย
“ความจริงเป็นยังไงไม่สำคัญแล้ว สิ่งที่สำคัญคือเรื่องนี้จะปล่อยให้คนนอกรู้ไม่ได้”
หลังจากได้ยินที่ถังเฉาบอก เย่ไป๋ก็ตระหนักถึงความรุนแรงของปัญหา เขาพยักหน้าและพาเย่หรูอี้ไปยังห้องที่เก็บไว้ให้เย่หรูอี้โดยเฉพาะ
หลังจากเย่หรูอี้เข้ามาอยู่ในห้อง เธอไปนั่งคนเดียวบนเตียงและเผยรอยยิ้มมุ่งร้าย
“พวกคุณไม่ฆ่าฉัน ฉันจะทำให้พวกคุณต้องเสียใจ”
เย่หรูอี้กดโทรหาหงเหลียนในบัดดล
“ฉันมาถึงราชวงศ์ต้าเซี่ยแล้ว ที่นี่ทุกอย่างปกติ”
“ตระกูลเย่เก็บฉันไว้ในบ้านของพวกเขา ถ้ามีอะไรให้ช่วยมาหาฉันได้ทุกเมื่อ แต่เธออย่าลืมเรื่องที่เธอรับปากฉันไว้นะ”
หงเหลียนหัวเราะลั่น
“ร่วมมือกับคนฉลาดนี่มันไม่เหมือนกันจริงๆ ต่อให้โดนจับตัวไปก็ยังมีวิธีช่วยฉันอีกเยอะแยะ”
“เธอวางใจได้ เรื่องที่รับปากเธอไว้ฉันทำให้แน่นอน”
พูดจบหงเหลียนก็วางสายและหันไปมองหัวหน้าตัวเอง
“เจ้านายคะ ตอนนี้ตระกูลเย่มีสายสืบของพวกเราแล้วค่ะ”
หว่างเหลียงเพียงแต่ยิ้มบางๆ
“ดีมาก แต่อย่าชะล่าใจไป เธอไม่รู้หรอว่าเย่หรูอี้รู้สึกยังไงกับถังเฉา ถังเฉาแค่ส่งตาหวานให้หล่อน เธอคิดว่ามีหรอที่หล่อนจะไม่เชื่อฟังในสิ่งที่ถังเฉาบอก”
พูดมาถึงตรงนี้ สีหน้าของหงเหลียนถึงย่ำแย่ลง
เพราะเธอรู้ว่าเย่หรูอี้ยอมช่วยตัวเองก็เพราะถังเฉา
“ฉันทราบแล้วค่ะ ขอโทษค่ะเจ้านาย”
……
ขณะเดียวกัน ตาเฒ่าน้อยอีกด้านและนายพลเฉินก็ทราบข่าวในทันที
“คิดไม่ถึงเลยนะ เพราะเรื่องครั้งก่อน ตอนนี้คนทรยศที่อยู่ข้างนอกกลับมากันหมด สงสัยคงคิดว่าราชวงศ์ต้าเซี่ยของเราไร้น้ำยาแล้ว”
ที่ตาเฒ่าน้อยพูดแบบนี้ก็เพื่อโยนความรับผิดชอบทั้งหมดให้นายพล
หากเบื้องบนสืบลงมา ตาเฒ่าน้อยอธิบายแบบนี้กับเบื้องบน เบื้องบนต้องให้นายพลเฉินรับผิดชอบเอาเองแน่นอน ถึงตอนนั้นนายพลเฉินและตระกูลเย่ก็จะผิดใจกัน
ขอเพียงผิดใจกับตระกูลเย่ ความสัมพันธ์ระหว่างนายพลเฉินและถังเฉาก็จะทลายลง
“แล้วยังไง?”
ความเฉยชาของนายพลเฉินเป็นสิ่งที่ ตาเฒ่าน้อยคิดไม่ถึง
หลังจากตาเฒ่าน้อยได้สติกลับมา เขามองนายพลเฉินตรงหน้า
“นายพลเฉิน คุณไม่กลัวว่าเบื้องบนจะตำหนิลงมาเลยหรอ เรื่องนี้มีต้นเหตุมาจากคุณนะครับ”
เฉินเหมิ่งได้ยินแบบนี้แล้วหัวเราะลั่น
“เรื่องนี้จะมีสาเหตุจากฉันได้ยังไง?”
“เบื้องบนรู้ตัวตนของถังเฉานานแล้ว แต่ไม่ได้สั่งพวกเราให้ไปจัดการถังเฉา คุณยังไม่รู้อีกหรอว่าหมายความว่ายังไง? หรือคุณจะกระทำการสวนทางกับเบื้องบน?”
“ฉันไม่กล้ามีความคิดแบบนั้นหรอกนะ ส่วนคุณตาเฒ่าน้อยฉันไม่แน่ใจนัก”
ถึงนายพลเฉินจะดูมีเพียงพละกำลังไม่มีสติปัญญา แต่เห็นได้ชัดว่าคนที่ไร้ซึ่งสติปัญญาจะเป็นนายพลใหญ่ได้ยังไง
ตาเฒ่าน้อยโดนเขาสวนจนพูดอะไรไม่ออก
“เอาเถอะ ฉันขี้เกียจจะเถียงเรื่องนี้กับคุณ ยังไงซะเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับฉัน ฉันก็ขี้เกียจจะสนใจ ตอนนี้สิ่งที่ฉันต้องสนใจคือสำนักฝึกฝนที่เบื้องบนสั่งให้ฉันไปดูแล”
สำนักฝึกฝนนี้เป็นโครงการใหม่ที่ราชวงศ์สั่งการลงมา
คนในราชวงศ์พบว่าคล้อยหลังการหมดประโยชน์ของคนรุ่นก่อน คนรุ่นนี้นอกจากไม่กี่คนที่มีพลังแข็งแกร่งแล้ว พลังของคนอื่นๆถอยหลังกันหมด
หากราชวงศ์ต้าเซี่ยสูญเสียการค้ำจุนจากศิลปะการต่อสู้ไป ก็จะกลายเป็นเปลือกที่ว่างเปล่า
เพราะฉะนั้นเมื่อวานนี้มีคนลึกลับคนหนึ่งจากราชวงศ์มาอยู่ตรงหน้าตาเฒ่าน้อย แจกใบภารกิจให้ตาเฒ่าน้อย ให้เขาเป็นคนดูแลเรื่องนี้
ส่วนภารกิจก็คือสร้างสำนักฝึกฝนขึ้นมา ให้บรรดาคนรุ่นหลังไปเข้ารับการฝึกฝน
และไม่ได้จะเน้นฝึกเฉพาะคนในตระกูลแปดเท่านั้น แต่เป็นประชาชนของทั้งราชวงศ์ต้าเซี่ย
ภายในราชวงศ์ต้าเซี่ย สมาชิกของตระกูลแปดมีจำนวนน้อยมาก มีชาวบ้านอีกจำนวนมากที่มีวิชาการต่อสู้อันอ่อนหัด ระดับนั้นพอจะเอาชนะคนธรรมดาได้อย่างเดียว
“ส่วนเรื่องคนนอกที่เข้ามาหรือคนที่ทรยศราชวงศ์ต้าเซี่ยกลับมาอยู่ที่ราชวงศ์ต้าเซี่ยนั้น ฉันว่าคุณรายงานไปพร้อมความคืบหน้าของโครงการดีกว่า มิฉะนั้นถ้าเบื้องบนเอาเรื่องขึ้นมา เราเป็นฝ่ายดูแลตระกูลแปดนะ เราก็ต้องมีปัญหาไปด้วย”
ใบหน้าของตาเฒ่าน้อยฉายแววจริงจัง
แต่นายพลเฉินเข้าใจได้ เพราะคนที่ตาเฒ่าน้อยกลัวคือคนที่เฉินเหมิ่งกลัวเช่นกัน
แม้ว่าราชวงศ์จะเป็นเพียงกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง แต่การแบ่งแยกชนชั้นนั้นหนักมาก
อย่างเฉินเหมิ่งที่เป็นฝ่ายดูแลจัดการได้โดยตรง ความจริงแล้วก็ไม่ได้มีอำนาจมากเท่าไหร่
พอจะอวดเบ่งในตระกูลแปดแห่งราชวงศ์ต้าเซี่ยได้เท่านั้น ถ้าเจอกับคนราชวงศ์ระดับสูงจริงๆก็ไม่ต่างอะไรกับหนูที่วิ่งไปเจอแมว
หลังจากได้ยินที่ตาเฒ่าน้อยพูด เฉินเหมิ่งก็กังวลขึ้นมานิดหน่อย
ด้านหนึ่งเป็นแรงกดดันจากราชวงศ์ ส่วนอีกด้านคือถังเฉา
การดึงถังเฉามาเป็นพวกนั้นเพื่อเป้าหมายในระยะยาว แต่การทำให้คนในราชวงศ์ระดับสูงไม่ฟาดงวงฟาดงาก็สำคัญมากเช่นกัน มิเช่นนั้นอย่าว่าแต่เฉินเหมิ่งจะบรรลุเป้าหมายได้ตอนไหนเลย แค่มีชีวิตอยู่ก็เป็นเรื่องยากแล้ว
เฉินเหมิ่งถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้น
“ช่วยไม่ได้ ตระกูลเย่ มีแต่ต้องให้พวกคุณเป็นเป้าหมายในการเชือดไก่ให้ลิงดู ถึงยังไงฉันก็ไม่อยากลงมือกับพวกคุณ แต่เบื้องบนกดดันมาหนักจริงๆ”