บทที่ 142 คุณไม่ใช่เธอ
อีกด้านหนึ่ง คนที่อยู่ในห้องทำงานอย่างหลินชิงเสว่รับสายของหลินจ้าวหยูน
“ฮัลโหล จ้าวหยูน”
เธอยกมือถือขึ้นมาฟัง แต่ทว่ากลับไม่มีเสียงอะไรเลย
“ฮัลโหล”
เธอพูดขึ้นอีกครั้ง ยังคงไม่มีเสียงอะไร
“พูดสิ! จ้าวหยูน”
ความเงียบผ่านไปราวหนึ่งนาที จู่ๆ หลินชิงเสว่ก็รู้สึกถึงว่าจิตใจไม่เป็นสุข น้ำเสียงของเธอร้อนรนขึ้นทันที
“จ้าวหยูน อย่าทำให้พี่ตกใจสิ รีบพูดอะไรออกมาหน่อย!”
หลินชิงเสว่ตัดสาย และโทรไปใหม่อีกครั้ง แต่กลับไม่มีใครรับสาย
เธอโทรไปหาที่ห้องเรียนของหลินจ้าวหยูน แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือ หลินจ้าวหยูนออกมาฝึกงาน
เธอเริ่มจิตตกขึ้นเรื่อยๆ หลินชิงเสว่รีบลงมาข้างล่างและไปยังสถานที่ฝึกงานของหลินจ้าวหยูน
แต่ทว่า เดินไปได้ครึ่งทางเธอก็ชะงักลง
เธอเห็นมือถือของหลินจ้าวหยูนกับรองเท้าส้นสูงสองข้าง
มือถือของหลินจ้าวหยูนที่กำลังสั่น สีหน้าของหลินชิงเสว่ซีดเผือดเหมือนกระดาษ เธอรีบหยิบมือถือออกมาโทรหาถังเฉา
ในช่วงวิกฤติแบบนี้เธอมักจะคิดถึงถังเฉาเสมอ
“ชิงเสว่”
ถังเฉารับสายของหลินชิงเสว่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่เสียงปลายสายกลับสั่นระรัว
“ถังเฉา จ้าวหยูนโดนลักพาตัวไปแล้ว นายช่วยคิดหน่อย…”
แววตาของถังเฉาเย็นยะเยือก แต่ไม่นานเขาก็พูดปลอบใจออกมาว่า “ชิงเสว่ อย่าเพิ่งกังวล คุณมาหาผมก่อน”
หลินชิงเสว่เอารองเท้าส้นสูงที่ตกอยู่บนพื้นไปด้วย เธอมาถึงชั้นบนสุดของอาคารกั๋วจี้
ห้องทำงานหรูหราเป็นอย่างมาก แต่หลินชิงเสว่ไม่มีกะจิตกะใจมาสนใจอะไรพวกนี้ เธอเอารองเท้าส้นสูงกับมือถือของหลินจ้าวหยูนวางไว้บนโต๊ะของถังเฉา
ถังเฉามองด้วยแววตานิ่ง รองเท้าส้นสูงคู่นี้เป็นคู่ที่หลินจ้าวหยูนใส่เมื่อตอนกลางวัน
“จะเป็นพวกเขาหรือเปล่า” หลินชิงเสว่ถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล
ถังเฉาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงคาดเดาออกมาว่า “อาจจะไม่ใช่พวกเขา เป้าหมายของพวกเขาคือลูกสาวของพวกเราและอยากให้พวกเราหย่ากัน จะลักพาตัวจ้าวหยูนไปทำไม”
ไม่ใช่ตระกูลหลวงในเยี่ยนตู โดยปกติไม่จำเป็นต้องวางกองกำลังเป็นแสนนาย
ขณะนั้นเอง ถังเฉาได้รับโทรศัพท์จากเบอร์แปลก
“แกเป็นใคร” ถังเฉาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เสียงหัวเราะดังออกมาจากปลายสาย “ฮ่า ฮ่า ไม่เลวนิ ไม่นานก็เดาออกว่าเกิดอะไรขึ้น”
เงียบไปครู่หนึ่ง เสียงนั่นก็ดังขึ้นอีก “เมียของแกอยู่ในมือเรา ถ้าไม่อยากให้อันธพาลสิบกว่าคนทำมิดีมิร้ายกับเธอ แกต้องมาที่นิคมอุตสาหกรรมเขตเหล่าซานเพียงคนเดียวภายในเวลาหนึ่งชั่วยาม”
พอพูดจบพวกนั้นก็ตัดสายทันที โดยไม่รอให้ถังเฉาได้มีโอกาสพูด
“.….”
เมื่อวางสาย ถังเฉากับหลินชิงเสว่อึ้งไป จากนั้นทั้งสองจึงมองหน้ากัน
หลินชิงเสว่ยังยืนอยู่ข้างเขาอย่างปลอดภัย ทำไมอีกฝ่ายถึงบอกว่าเมียของเขาอยู่ในมือพวกมัน
ไม่นานถังเฉาก็ตั้งสติได้ เขาพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เป้าหมายของพวกมันคือคุณ แต่วันนี้หลินจ้าวหยูนใส่ชุดทำงาน พวกมันเลยเข้าใจผิดว่าเป็นคุณและจับตัวเธอไป!”
หลินชิงเสว่สีหน้าเจ็บปวด “ฉันทำร้ายเธอ…”
“นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ คุณไปรับเสี่ยวลี้ก่อนเถอะ”
ถังเฉาส่ายหน้าและปลอบหลินชิงเสว่ ขณะเดียวกันแววตาของเขาก็เย็นยะเยือก “ผมจะให้พวกมันชดใช้”
พูดจบเขาก็ก้าวออกไป
“ถังเฉา”
หลินชิงเสว่เรียกเขา
ถังเฉาชะงักฝีเท้าลง และหันกลับมามอง
หลินชิงเสว่ดวงตาแดงก่ำ “ต้องพาจ้าวหยูนกลับมาให้ได้นะ อีกอย่าง”
เธอเงียบไปแล้วพูดต่อ “ต้องรอดกลับมานะ”
ถังเฉาอึ้งไป จากนั้นจึงยิ้มออกมา “แน่นอน”
เมื่อเดินออกมาจากอาคารกั๋วจี้สีหน้าของถังเฉาดุดัน ท่าทางของเขาเหมือนเหยี่ยวที่บินโฉบไปบนท้องฟ้า ดุดันเป็นอย่างมาก
อีกฝ่ายบอกว่าให้ถังเฉาไปคนเดียว เขาจึงไม่ได้พาเฟิ่งหวงไปด้วย
เขาเรียกรถและตรงไปยังนิคมอุตสาหกรรมเขตเหล่าซาน
ไม่มีใครสังเกตว่ามีรถพอร์ชสีดำคันหนึ่งจอดสนิทอยู่ข้างทาง ในรถมีคนอยู่
เมื่อมองถังเฉาจนลับตา เจ้าของรถพอร์ชยิ้มออกมาบางๆ และขับรถตามไป
…..
ขณะเดียวกันที่นิคมอุตสาหกรรมเขตเหล่าซาน
เมื่อสามสิบปีก่อนที่นี่เคยเป็นนิคมอุตสาหกรรมที่รุ่งเรือง อย่างไรก็ตามในขณะที่เมืองหมิงจู ค่อยๆ ก้าวเข้าสู่เมืองชั้นนำ ที่นี่ก็ถูกทิ้งร้าง
บนชั้นสูงสุดของอาคารมีผู้ชายอยู่สามคน สองในสามกำลังสูบบุหรี่อย่างเป็นกังวล ซึ่งสองคนนั้นก็คือซ่งเทียนซานกับฉางเว่ย
ส่วนผู้ชายคนสุดท้ายคือลูกน้องของฉางเว่ย เขาไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะนั่ง จึงทำได้เพียงยืนยื้มอยู่อย่างนั้น
“พี่ใหญ่ พวกเรามาแล้ว”
ขณะนั้นเอง ก็มีเสียงดังเข้ามาจากข้างนอก
ชายสี่คนเดินเข้ามา
พวกเขารีบเงยขึ้นมา “เป็นไง จับตัวได้ไหม”
“ได้สิครับ”
“อยู่ไหน”
ชายคนที่ถามมองไปข้างหลังของชายทั้งสี่ มันมีเพียงความว่างเปล่า
“พาตัวไปไว้ในห้องแล้วครับ”
ชายคนนั้นได้ยินอย่างนั้นก็ดีใจ เขาหันไปหาฉางเว่ย “ลูกพี่ เราจับตัวมาได้แล้ว”
“ต่อไปก็รอให้ไอ้ถังเฉามาติดกับดัก”
ฉางเว่ยหัวเราะหึหึแล้วพูดว่า “เตรียมคนไว้เรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
“ใช่ครับ”
ฉางเว่ยพยักหน้าอย่างพอใจ จากนั้นจึงพูดว่า “พวกแกต้องรู้ไว้นะ พวกแกเป็นคนไข้จิตเวช คนไข้จิตเวชฆ่าคนไม่ผิด เดี๋ยวพอมันมาพวกแกก็จัดการมัน ถึงมันตายก็ไม่เป็นไร”
“ครับ ลูกพี่”
เสียงตอบรับดังขึ้นมาจากทุกมุมในโรงงาน
คนพวกนี้เป็นคนไข้จิตเวชที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล อีกอย่างทุกคนล้วนฟังคำสั่งของฉางเว่ย
ฉางเว่ยหันไปหาซ่งเทียนซาน “คุณซ่ง เวลาทุกนาทีมีค่า รีบไปเถอะ ผมเตรียมสถานที่ไว้ให้คุณแล้ว รับรองว่าคุณจะต้องพอใจ”
“โอเค”
เมื่อคิดถึงผู้หญิงที่ตัวเองถวิลหา อีกเดี๋ยวเธอก็จะเปลือยกายนอนอยู่บนเตียงและยอมเขาทุกอย่าง แววตาของซ่งเทียนซานเร่าร้อนขึ้นมาทันที
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เธอเป็นผู้หญิงของถังเฉา นี่ยิ่งทำให้เขาถูกใจเขาไปใหญ่
“เดี๋ยวพวกนายจัดการถังเฉาเรียบร้อยแล้ว จับมันไปที่ห้องของฉัน ฉันจะจัดการหลินชิงเสว่ต่อหน้าของมัน”
น้ำเสียงของซ่งเทียนซานเย็นยะเยือก เมื่อคิดถึงภาพนั้น เลือดในตัวของเขาก็พลุ่งพล่านขึ้นมาทันที
“ไม่ว่ายังไง คุณซ่งก็อย่าลืมนะครับ อวัยวะส่วนอื่นๆ ของคุณหลิน ผมจะตัดและเก็บสะสมเอาไว้”
ซ่งเทียนซานอึ้งไป เมื่อคิดว่าอีกไม่นานร่างกายของหลินชิงเสว่จะไม่สมประกอบ เขาก็อดหดหู่ไม่ได้ เสียดายของจริงๆ
แต่เขาก็พยักหน้า “มันเป็นของนาย”
พูดจบเขาก็ขับรถออกไป
เขาเหยียบคันเร่งตลอดทาง ใช้เวลาเพียงยี่สิบนาทีก็มาถึงที่คฤหาสน์ลับนอกเมือง
เขาผลักประตูเข้าไป เห็นกระสอบขนาดใหญ่วางอยู่บนเตียง กระสอบนั้นดิ้นไปมาไม่หยุด
จู่ๆ ซ่งเทียนซานก็แสยะยิ้มร้ายกาจออกมา
“ฮ่าๆ หลินชิงเสว่ ผู้หญิงต่ำตมที่แสร้งทำเป็นสูงส่งและเย็นชา สุดท้ายก็มาอยู่ในมือของฉัน”
ซ่งเทียนซานไม่รีบเปิดกระสอบนั่น เขาไปรินไวน์อย่างช้าๆ และดื่มอึกๆ ลงคอ
เมื่อไวน์เข้าปากก็เกิดความกล้า ก่อนที่จะทำเรื่องระหว่างหญิงชาย ก็ต้องเริ่มจากการกระตุ้นอารมณ์กันเสียก่อน
เขาดื่มไวน์ไปครึ่งขวด สีหน้าของซ่งเทียนซานแดงระเรื่อ ลมหายใจของเขาเริ่มรุนแรงขึ้น แววตาที่มองกระสอบใบนั้นเริ่มรุนแรงขึ้น
“หลินชิงเสว่ บางครั้งฉันก็เดาไม่ออกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงยอมเลือกไอ้สวะที่ไม่มีทั้งเงินและอำนาจ ทำไมถึงไม่ยอมอยู่กับฉัน”
“ตอนนี้ฉันมีหลักฐานมัดตัวเธอแล้ว เธอกล้ามีชู้ นี่แสดงว่าเธอก็เป็นผู้หญิงธรรมดาทั่วไป เธอมีความต้องการ งั้นคนที่จะจัดการความต้องการของเธอ ทำไมถึงเป็นฉันไม่ได้ล่ะ”
พูดพลาง ซ่งเทียนซานก็ปลดเนกไทของตัวเองออก จากนั้นจึงมองไปบนเตียง
เมื่อได้ยินคำพูดของซ่งเทียนซาน ถุงกระสอบนั่นก็ยิ่งดิ้นแรงขึ้น
“เธอไม่ต้องกลัวหรอก ไม่ใช่แค่เธอคนเดียว ถังเฉากำลังมาช่วยเธอที่นี่ อีกเดี๋ยวเธอก็จะเห็นมันถูกมัดและส่งตัวมาที่นี่ เมื่อถึงตอนนั้น ฉันจะทำให้มันรู้ว่า ฉันน่ากลัวแค่ไหน!”
ภายใต้ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ รอยยิ้มของเขาน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ เขาแกะกระสอบนั่นออก
เมื่อเห็นศีรษะของผู้หญิงโผล่ออกมา จากนั้นใบหน้าของเธอก็ปรากฏออกมา
ปากของเธอโดนปิดเอาไว้จนไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้ แววตาของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและเอาแต่จ้องซ่งเทียนซาน
เมื่อเห็นใบหน้านั้น ซ่งเทียนซานก็อึ้งไป
หลังจากผ่านไปสามวินาที เขาก็ตะโกนออกมาอย่างตกใจ
“เธอไม่ใช่หลินชิงเสว่!”