บทที่ 160 เป้าหมายคือเสี่ยวลี้
สวีเลี่ยงนำต่งวี่ซู่ออกมาจากอาคารกั๋วจี้ และรีบกลับไปที่บริษัทการบันเทิงฮุยหวงให้เร็วที่สุด
“ทำไมกลับกันเร็วนักล่ะ?” หวางหมิ่นเหมินถามอย่างสงสัย
สวีเลี่ยงบอกทั้งข่าวดีและข่าวร้ายแก่หวางหมิ่นเหมิน
หลังจากนั้น หวางหมิ่นเหมินก็ผงะไปชั่วขณะด้วยสีหน้าที่ตกใจ“นายแน่ใจนะว่าได้ยินถูกต้อง?”
“มันเป็นเรื่องจริงนะ!”
สวีเลี่ยง นั้นดูเคร่งขรึม “ไอ้หนุ่มน้อยนั่น มันดูวี่ซู่ออกจริงๆนะครับ”
“ฉันไม่ได้คาดหวังว่ามาตรการรักษาความปลอดภัยของเราจะดีมากจนเขาสามารถมองทะลุได้หรอกนะ …”
การแสดงของหวางหมิ่เหวินนั้นดูจริงจัง จับคางของตัวเองและเดินไปที่หน้าโต๊ะทำงาน
ต่งวี่ซู่เงียบไปชั่วขณะ แล้วพูดว่า “เป็นไปได้ไหมว่าแมวที่ตาบอดจะจับหนูได้ บางที่ไอ้สารเลวนั่นอาจจะเดาถูกก็ได้”
เมื่อนึกถึงตำแหน่งชายที่ถังเฉาแย่งไปนั้น เขาก็โกรธกัดฟันกรอดๆ
เขาชอบถังชิงเหอไม่ใช่แค่วันสองวัน รอโอกาสที่จะได้จู โดนดันหลุดลอยไปได้ซะนี่
“เป็นไปไม่ได้!”
หวางหมิ่นเหวินโบกมือและกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ตั้งแต่ที่เขาบอกว่านายมาจากตระกูลต่ง ก็ฉลาดมากแล้ว ไม่กลัวการแก้แค้นเลยสักนิด”
สวีเลี่ยงอดไม่ได้ที่จะแทรกพูดขึ้นมา “ประธานต่ง ตกลงถังเฉาคนนั้น คือใครกันแน่?ทำไมถึงไม่สนใจตระกูลต่งที่อยู่ในสี่ราชาร่ำรวยในหมิงจูล่ะ –อีกอย่าง ตระกูลซ่งนั้นสิ้นแล้วจริงเหรอ?”
“…..”
คำถามนี้ หวางหมิ่นเหวินนั้นไม่ได้ตอบ
ไม่ใช่ว่าไม่อยากตอบ แต่เป็นเพราะว่าเขาตอบไม่ได้
ในคืนที่ตระกูลซ่งถูกทำลาย เขาอยู่ที่นั่นและได้เห็นฉากคืนฝนตกหนักทุกคนในตระกูลซ่งถูกพรากไป ความทรงจำของเขานั้นยังใหม่อยู่เลย!
ส่วนสาเหตุที่ทหารทำการตรวจสอบนั้น มันช่างประหลาด ไม่มีใครรู้
คนที่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของถังเฉาน่าจะเป็นเพียงซ่งเทียนซานคนเดียว แต่น่าเสียดายที่เขากลายเป็นผักไปแล้ว
“เดิมทีไม่ได้อยากให้หลินชิงเสว่นั้นต้องมาทนทุกข์ แต่เนื่องจากว่ามีถังเฉาอยู่ เลิกพูดเรื่องนี้ เลิกพูดถึงอีกแล้ว!”
หวางหมิ่นเหวินกล่าวด้วยเสียงที่ทุ้มว่า “จากนี้เป็นต้นไป ทุกคนในตระกูลหวางห้ามไปยั่วโมโหถังเฉาอีก!”
“อีกอย่าง พยายามให้ข้อมูลแก่ถังชิงเหอด้วย”
“ประธานต่ง จะเอาแบบนี้จริงเหรอ” ต่งวี่ซู่นั้นไม่ยอม
“ไม่อย่างแน่นอน”
ประกายแสงขึ้นในดวงตาของหวางหมิ่นเหวิน “พึ่งแค่ตระกูลหวาง ก็รับมือกับถังเฉาได้ แค่ยืมพลังจากตระกูลต่งมา ก็จะมีโอกาส”
“ได้ยินมาว่าโครงการก่อสร้างในเมืองที่ทุกบริษัทต่างตกอยู่ในมือของลี่จิงกรุ๊ปแล้ว”
“ไม่เลว”
ต่งวี่ซู่พยักหน้าและกล่าวว่า “ผมได้ยินคุณปู่ของผมพูดถึงเรื่องนี้ และเพราะเหตุนี้ เขาเลยอารมณ์เสียอยู่พักหนึ่ง”
ตระกูลต่งมีหน้าที่ที่จะเปลี่ยนต้นน้ำของเมืองหมิงจู และฉันต้องการที่จะได้รับแผนฟื้นฟูปลายน้ำด้วย ไม่คิดเลยว่าลี่จิงกรุ๊ปจะเป็นรายแรกที่มา
“ท่านปู่ต่งอารมณ์เสียจริงเหรอ?”
“งั้นจะแสร้งทำได้ไง?ขนาดข้าวยังแทบจะไม่กินเลย”
“งั้นก็ดี มันอาจจะเป็นความก้าวหน้าของเราก็ได้”
หวางหมิ่นเหวินพูดกับตัวเอง “ยังมีถังชิงเหอ ฉันมีลางสังหรณ์ว่าหล่อนจะเป็นกุญแจสำคัญในการทำลายลี่จิงกรุ๊ป”
…..
หลินชิงเสว่รับทำ ถังเฉาก็เป็นชายหมายเลขหนึ่ง สำหรับเธอแล้วไม่เพียงแต่จะแสดงความเป็นมิตร เธอยังสามารถพาเสี่ยวลี้ออกกล้องได้อีกด้วย
แม้ว่าถังชิงเหอจะไม่รู้ว่าทำไมหลินชิงเสว่ถึงตัดสินใจแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก เมื่อนัดวันถ่ายทำเสร็จ ก็แยกย้ายกันไป
เหลือถังเฉาและชิงเสว่ถูกทิ้งไว้ในห้องทำงาน
หลินชิงเสว่กำลังกดแป้นพิมพ์ ถังเฉาเองก็นั่งบนโซฟาโดยไม่พูดอะไร บรรยากาศมันช่างดูอึมครึม
ในที่สุดหลินชิงเสว่ก็หยุดพิมและมองไปที่ถังเฉาอย่างว่างเปล่า “คุณโกรธมากไหม”
ถังเฉายิ้มอย่างขมขื่น “ไม่โกรธ แต่ประหลาดใจต่างหาก—คาดไม่ถึงเลยว่าคุณจะทำตัวเหมือนผู้หญิงทั่วๆไป”
ใบหน้าของหลินชิงเสว่ยังคงเรียบเฉย “ฉันเป็นคนนะไม่ใช่เทพธิดา”
ถังเฉาดูเหมือนจะคิดอะไรออก ใบหน้างงงวย “แต่ครั้งที่แล้วคุณบอกว่าเป็นเรื่องดีที่มีผู้หญิงอยู่รอบตัวผมหนิ”
แปะ—
หลินชิงเสว่วางมือจากการทำงาน พูดอย่างเย็นชาว่า “ถ้าปกติฉันก็ไม่สนใจหรอกนะ แต่ฉันไม่ใจกว้างพอให้คุณไปพบกับภรรยาเก่า!”
ถังเฉาถอนหายใจ นั่นเป็นเพราะซ่งหรูอี้นี่เอง
แม้ถังเฉาจะไม่รู้ว่าหลินชิงเสว่รู้ได้ยังไง แต่เขารู้ดีว่าในฐานะประธานของลี่จิงกรุ๊ปก็คงจะมีหนทางของตัวเอง
เมื่อเห็นถังเฉาเงียบ หลินชิงเสว่ก็ดูผ่อนคลายลงเล็กน้อยพร้อมกับพูดว่า “เรื่องของคุณกับหล่อน ฉันก็พอจะรู้คร่าวๆแล้ว หากไม่มีหล่อน เมื่อห้าปีก่อนเราคงไม่ได้พบกัน”
ถังเฉาครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นพูดว่า “ใช่แล้ว หากไม่มีเธอ เราคงไม่ได้พบกัน”
อันที่จริงต้องพูดว่า ถ้าไม่มีพวกชายชุดดำ ก็คงไม่มีทางได้เจอกัน เพราะว่าการลักพาตัวครั้งนั้นไม่ใช่ฝีมือของซ่งหรูอี้แต่อย่างใด
“อยู่ห่างๆหล่อนไว้ หล่อนเป็นตัวอันตราย” หลินชิงเสว่กล่าวเบาๆ
“ดูเหมือนว่าคุณจะรู้จักเธอดี?” ถังเฉาถามด้วยความสับสน
ไม่ใช่เพียงแค่ครั้งนี้ แต่เรื่องของซ่งหรูอี้ครั้งก่อนๆ การแสดงออกของหลินชิงเสว่นั้นก็ดูบอบบางซะเหลือเกิน
เห็นเธอเงียบๆพูดต่ออย่างเบาๆว่า “หล่อนเป็นเพื่อนมหาลัยของฉัน เป็นคู่แข่งของฉันด้วย”
“……….”
หลังจากออกจากอาคารกั๋วจี้ถังเฉาก็ยังไม่สามารถที่จะสงบลงได้
เขาไม่คิดว่าหลินชิงเสว่และซ่งหรูอี้จะมีความสัมพันธ์เช่นนี้
คนเก่ง ก็มักจะมองศัตรูเป็นคนที่เก่งกว่าเสมอ
ทั้งสองจบการศึกษาจากเคมบริดจ์ อีกทั้งได้รับการขนานนามว่าเป็น‘ดอกไม้ร้อยปี’ของโรงเรียนอีกด้วย
หลังจากสำเร็จการศึกษาพวกเขาเข้าสู่งานด้านธุรกิจ ทั้งสองต่างได้เห็นถึงการลงทุนที่แข็งแกร่งและความสามารถทางธุรกิจต่างๆ อย่างไรก็ตามหลินชิงเสว่ก็เอาชนะซ่งหรูอี้มาได้โดยตลอดและยังคงเป็นมาจนทุกวันนี้
ซ่งหรูอี้สือต่อธุรกิจของตระกูล แต่หลินชิงเสว่นั้นเริ่มจากศูนย์ อะไรอ่อนหรือแข็งแกร่ง รู้หมด
“สมควรแล้วที่เป็นผู้หญิงของฉัน”
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ถังเฉาก็ยิ้มอย่างมีความสุข
ใกล้จะถึงโรงเรียนอนุบาล เฟิ่งหวงก็หยุดรถ
รถโรลส์รอยซ์นั้นดูโอ้อวดมากเกินไป เฟิ่งหวงจึงทำตามคำแนะนำของถังเฉา ซื้อรถมาโกตันสีดำเกียร์ต่ำมา
“พ่อ!”
รอไม่นาน ถังเสี่ยวลี้ก็วิ่งออกมาจากโรงเรียนอนุบาล เมื่อมองไปที่ถังเฉา ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“มา พ่อพากลับบ้าน!”
ทั้งสองห่างกันแค่ถนนใหญ่ถนนหนึ่ง ถังเฉาไม่ได้ข้ามไปแต่นั่งยองๆอ้าแขนรอถังเสี่ยวลี้วิ่งมา
หุหุ —-
ขณะนี้เอง ก็มีรถฮัมเมอร์คันหนึ่งขับเข้ามาราวกับสัตว์ร้าย
เห็นเหมือนกับว่ากำลังจะชนถังเสี่ยวลี้ แต่รถฮัมเมอร์นี้ก็ดูขับไม่ช้าลงเลย
“เสี่ยวลี้!”
เมื่อเห็นฉากที่น่าตกใจนี้ ถังเฉาหดตัวลงตะโกนอย่างสุดเสียง
ถังเสี่ยวลี้เองก็รู้สึกเช่นกัน จึงหันหัวไปมอง
สิ่งที่สะท้อนในรูม่านตาของเธอคือเงาดำขนาดใหญ่
ถังเสี่ยวลี้หยุดวิ่งทันทีและยืนอยู่กลางถนนอย่างว่างเปล่า เฝ้าดูรถฮัมเมอร์ที่กำลังขับเข้ามาหาเธอด้วยความเร็วสูงเข้า