บทที่ 161 การแก้แค้นของตระกูลซุน
ฟู่ๆๆ —-
เงาดำเหมือนสัตว์ใหญ่ ปกคลุมถังเสี่ยวลี้ที่ยืนนิ่ง
ทั้งสองห่างกัน เพียงแค่ห้าเมตร
ถังเสี่ยวลี้แทบจะรู้สึกได้ถึงลมแรงของรถแฮมเมอร์ที่พัดมากระทบแก้ม
เธอหลับตาลงโดยไม่รู้ตัว
ทันใดนั้น นิ้วเท้าของเธอก็ลอยจากพื้นและทั้งร่างราวกับกำลังบินอยู่
เมื่อเธอลืมตาขึ้นโดยไม่รู้ตัว เธอเห็นไหล่ที่กว้างและทรงพลัง เธอกำลังนอนอยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่น
“คุณพ่อ!”
ถังเสี่ยวลี้ร้องออกมาอย่างตื้นตัน และสวมกอดเข้าไปในอ้อมอกของถังเฉา
ถังเฉากระโดดขึ้นไปในอากาศ กอดถังเสี่ยวลี้ไว้ จากนั้นก็หมุนกลางอากาศ แล้วร่อนลงมาถึงพื้น
ทุกกิริยาบถอยู่ใต้แสงไฟ กระทั่งในใจของเฟิ่งหวง ก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาทันที
แคว่ก—-
รถแฮมเมอร์คันนั้นลอยลำอย่างสวยงามและล้อของมันก็ถูกับพื้นอย่างรุนแรง มีรอยลึกขูดหลายเส้น ถึงจะค่อยๆหยุดลง
ขณะนี้ มีชายหนุ่มคนหนึ่งกระโดดลงจากรถ ตามด้วยบอดี้การ์ดสามคน พูดไปด่าไปแล้วเดินไปหาถังเฉา “เด็กบ้านไหน เดินไม่ดูทาง จะรีบไปเกิดใหม่หรือไง?”
แต่ถังเฉาไม่ได้ให้ความสนใจเขาเลย แค่รู้สึกกังวลและรีบเช็คดูว่าถังเสี่ยวลี้ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า
ถังเสี่ยวลี้ยับยั้งความตื่นตระหนกในใจ ใบหน้าที่ซีดขาวของเธอฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณพ่อ หนูไม่เป็นไร!”
“ขอโทษนะ เสี่ยวลี้เมื่อกี้พ่อควรจะเป็นคนเดินไป”
เมื่อมองไปที่ลูกสาวที่ตกใจ ในใจถังเฉารู้สึกผิดมากและส่งเธอให้เฟิ่งหวง “พาเธอไปซื้อของกิน”
เฟิ่งหวงรู้ว่าถังเฉากำลังจะทำอะไร และรีบอุ้มถังเสี่ยวลี้ ไปให้ไกล ภาพต่อไปนี้ไม่เหมาะที่จะให้เด็ก ๆ ดู
เมื่อเห็นถังเสี่ยวลี้ ไปไกลแล้ว สีหน้าของถังเฉาก็เปลี่ยนไปทันที แทนที่ด้วยความอาฆาตแค้นและเขาก็ค่อยๆเดินไปหาชายหนุ่มคนนั้น
“กำลังถามคุณอยู่นะ เด็กคนเมื่อกี้เป็นลูกบ้านคุณหรอ?”
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าเวลาแห่งความตายกำลังใกล้เข้ามา ยังคงตะโกนด่าสาปแช่งไม่หยุด “ ผมบีบแตรไปแล้ว และเธอก็ยังคงวิ่งมาราวกับมองไม่เห็น สมควรแล้วที่จะถูกรถชนตาย —- “
พลั่ก —-
เสียงนั้นหยุดลงอย่างกะทันหัน ถังเฉาชกหมัดเข้าที่หน้าของเขา
หมัดของถังเฉาพุ่งออกมาด้วยความโกรธ ทันใดนั้นใบหน้าของชายหนุ่มก็เต็มไปด้วยเลือดและดั้งจมูกของเขาก็หัก
ร่างของเขา ราวกับสายว่าวที่ขาด กระเด็นลอยไปไกล
“คุณชาย!”
เมื่อบอดี้การ์ดทั้งสามคนเห็นดังนั้น พวกเขาก็รีบวิ่งเข้าไปข้างๆชายหนุ่ม ช่วยประคองเขาขึ้นมา
เขากุมจมูกด้วยความเจ็บปวด และลุกขึ้นจากพื้นอย่างกระเซอะกระเซิง “นี่เขากล้าต่อยผม พวกนายกำลังอึ้งอะไร ลงมือสิ!”
ทันใดนั้นสายตาของบอดี้การ์ดทั้งสามกลายเป็นเย็นชาขึ้นมา ตั้งท่าแล้วเดินไปหาถังเฉา
เห็นแต่ถังเฉาตัวตั้งตรง ย่ำลงบนพื้นด้วยเท้าข้างเดียว
ตูม —-
ถนนยางมะตอย พังลงในพริบตา
“ผมแค่ต้องการชีวิตของเขา ใครที่กล้าออกมาข้างหน้า ก็ตายไปพร้อมกับเขาซะ”
คำพูดที่เย็นชาดังก้องออกมา บอดี้การ์ดทั้งสามคนนั้น ไม่มีใครกล้าที่จะก้าวไปข้างหน้า
“ คุณ คุณ……”
ดวงตาของชายหนุ่มเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว คิดไม่ถึงว่าชายคนนี้จะมีพลังขนาดนี้
แต่เขายังคงพูดอย่างมั่นใจว่า “คุณรู้ไหมว่าฉันเป็นใครผมชื่อซุนหมิงเทาและผมเป็นคนในตระกูลซุน!”
“ อ๋อ?”
เมื่อได้ยินสองคำนี้ ถังเฉาก็ยิ้มออกมาอย่างร่าเริง “ซุนเสว่และซุนยู่เฟิง เป็นอะไรกับคุณ?”
เมื่อสองสามวันก่อนในงานเลี้ยงของตระกูลซ่ง ในกลุ่มสมาชิกตระกูลซุนเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้
ซุนหมิงเทาตกตะลึงไปชั่วขณะและมองไปที่ถังเฉาอีกสองสามครั้ง คิดไม่ถึงว่าเขาจะรู้จักพ่อและพี่สาวของตัวเอง พวกเขาคงไม่ใช่คนคุ้นเคยของพ่อกับพี่สาวมั้ง?
ดังนั้นจึงพูดว่า “อย่าคิดว่าคุณรู้จักพ่อและพี่สาวของผม ก็จะไม่มีอะไร โทษตายเว้นได้โทษเป็นยังอยู่ คุณต่อยผมยังไง ผมก็จะต่อยคุณอย่างนั้น!”
รอยยิ้มบนใบหน้าของถังเฉายิ่งมากขึ้น “เดิมทีตระกูลซ่งระดับกลางอย่างพวกคุณ ไม่อยู่ในสายตาผมที่ผมต้องจัดการ แต่ว่า พวกคุณดันตาบอด ต้องมาก่อกวนผมให้ได้!”
“หน้าของพี่สาวคุณพังไปแล้ว นั่นมันเป็นเพียงแค่การตักเตือน สำหรับคุณ ชนผมได้ แต่คุณเกือบชนโดนลูกสาวของผม วันนี้ถึงแม้เง็กเซียนฮ่องเต้มาก็ไม่สามารถช่วยคุณได้แล้ว!”
“ อะไรนะ? หน้าของพี่สาวผม คุณเป็นคนทำ!”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ถังเฉาพูด ซุนหมิงเทาก็ตกตะลึงสั่นไปทั้งตัว สายตาที่มองไปทางถังเฉาก็เริ่มหวาดกลัว
เขาเคยเห็นใบหน้าของซุนเสว่ เต็มไปด้วยเลือด หน้าพังยับเยิน ทั้งใบหน้าดูไม่ได้เลย เวลานี้ยังอยู่ที่ห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาล เขาคิดไม่ถึงว่า คนที่อยู่ต่อหน้าคนนี้ก็คือผู้ร้ายที่ก่อเหตุ
ถังเฉามองเขาอย่างเย็นชา สายตาราวกับมองไปที่ศพที่ไร้ชีวิต ค่อยๆเดินไปทางเขาอย่างช้าๆ
ซุนหมิงเทาตกใจมากจนตะโกนใส่บอดี้การ์ดทั้งสามอย่างเกรี้ยวกราด “พวกนายรีบลงมือสิ!”
บอดี้การ์ดทั้งสามจำต้องพุ่งไปทางถังเฉา ถังเฉาเตะออกมาอย่างแรง ทันใดนั้นก็เตะบอดี้การ์ดที่อยู่ต่อหน้าลอยห่างออกไปห้าถึงหกเมตร
ในขณะเดียวกันเขาก็ใช้มือของเขาจับคอของบอดี้การ์ดไว้ ยกขึ้นสูงและเหวี่ยงเขาลงบนร่างของบอดี้การ์ดคนสุดท้าย
แค่รอบเดียว บอดี้การ์ดของซุนหมิงเทาก็พ่ายแพ้ยับเยิน ทันใดนั้น เขาเบิกตาโตแบบคิดไม่ถึง แต่ว่าถังเฉาไม่ได้เดินหน้าต่อ แต่จ้องมองเขาและพูดว่า “คุณพูดถูกแล้ว โทษตายเว้นได้ โทษเป็นยังอยู่”
พูดจบ เขาก็หันตัวไป กลับมานั่งในรถMagotan ค่อยๆสตาร์ทรถ
บรึ้นๆ —-
ล้อทั้งสี่หมุนอย่างรวดเร็วเสียดสีกับพื้น ส่งเสียงที่แสบแก้วหูออกมา เมื่อพิจารณาจากความเร็วของเครื่องยนต์คันเร่งได้ถูกเหยียบจนมิด และความเร็วเกินกว่าสองร้อยหลา
แต่ว่า รถยังคงจอดอยู่กับที่ แต่ร่างกายสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ราวกับระเบิด c4 ที่กำลังจะจุดชนวน
ถังเฉานั่งที่เบาะคนขับ จับพวงมาลัยด้วยมือทั้งสองข้าง มองไปที่ซุนหมิงเทาด้วยสายตาที่เย็นชา
เมื่อมองไปที่รถที่สั่นสะเทือน ซุนหมิงเทาก็ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง รูม่านตาของเขาหดตัวลงทันใดและเขาก็กรีดร้องเสียงแหลม “คุณ คุณจะทำอะไร … นี่คือโรงเรียนอนุบาลนะ!”
ความปั่นป่วนที่นี่ทำให้พ่อแม่ที่กำลังยืนรอรับเด็กที่ประตูโรงเรียนอนุบาล สายตามองไปที่รถMagotan และถังเฉาที่อยู่ในรถ
ถังเฉาหัวเราะอย่างเย็นชา “คุณก็รู้หนิว่านี่คือโรงเรียนอนุบาล เมื่อกี้ตอนคุณขับรถชนลูกสาวผม ทำไมจำไม่ได้ว่านี่คือโรงเรียนอนุบาล “
ด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นอย่างสุดขีด แล้วดึงเบรกมือลงอย่างแรง
ตูม —-
ทันใดนั้น ความเร็วของรถก็เพิ่มขึ้นถึงขีดสุดและพุ่งไปทางซุนหมิงเทาอย่างโหดร้าย
เขาเหมือนกับสายฟ้าแลป โดยเฉพาะเบรกมือเนื่องจากเบรกมือที่เมื่อกี้ดึงไว้ตลอด เพราะฉะนั้นแรงต้านของล้อจึงสูงมาก ตอนนี้เบรกมือถูกดึงขึ้นแล้ว รถไม่มีห่วงโซ่ใดๆแล้ว ล้อทั้งสี่หมุนเร็วและยังมีประกายไฟพราวเปล่งออกมา
ทุกคนที่เห็นเหตุการ์ต่างก็เอามือกุมปากไว้ ราวกับว่าพวกเขากำลังจะเห็นอุบัติเหตุมาเยือน
“ช่วยด้วย—-“
รูม่านตาของซุนเสี่ยวเทาหดลงทันทีโดยไม่ทันคิด เขาใช้มือและเท้าคลานอย่างรวดเร็วเหมือนสุนัข
แต่ว่า ระยะห่างระหว่างทั้งสอง ก็ใกล้เข้ามาทันที
ถังเฉาขับรถMagotan ซึ่งมีความเร็วเกินกว่าสองร้อยหลา สะท้อนเข้าไปลึกๆในรูม่านตาของซุนหมิงเทา
สี่ล้อใหญ่ เหมือนเคียวที่เก็บเกี่ยวชีวิตตัดสินการประหารชีวิตให้กับเขา
ซุนหมิงเทานอนลงบนพื้นกอดศีรษะแน่นและหดตัวเป็นลูกบอล
เขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ในขณะนี้ ความคิดต่างๆโผล่ขึ้นมาในสมอง เขาคือคุณชายตระกูลซุน มีเงินที่ไม่มีวันใช้หมด เขายังไม่แต่งงานมีลูก เขายังต้องสืบทอดตระกูลซุน …
แต่ว่า ผ่านไปตั้งนานภาพต่างๆนาๆที่เจ็บปวดยังไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเขา เขาอดไม่ได้ที่จะลืมตาดู
แต่ว่า พริบตาเดียว เขาก็เห็นภาพที่ลบไม่ออกตลอดชีวิต นั่นคือล้อรถขนาดใหญ่หยุดอยู่ที่ตำแหน่งห่างจากเขาไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตร ถ้าไปข้างหน้าอีกเล็กน้อยก็สามารถบดขยี้ศีรษะของเขาเป็นชิ้น ๆ