บทที่ 167 ตระกูลเจิ้งยั่วยุ
ในวันรุ่งขึ้น เฟิ่งหวงเป็นคนขับรถ ถังเฉารีบเข้าไปในเมืองซ่างเฉิง แต่ว่าตอนเที่ยงก็ไปถึงบ้านตระกูลเจิ้งอย่างตรงต่อเวลา
เมืองซ่างเฉิงเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างเจริญรุ่งเรืองในเมืองหมินจู และยังเป็นพื้นที่ที่รวมตัวของตระกูลอันดับต้น ในหมู่พวกเขาคนที่มีชื่อเสียงมากกว่าคือตระกูลโจวและตระกูลเจิ้ง
ตระกูลโจวเพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นอันดับต้น ตระกูลเจิ้งเป็นตระกูลอันดับต้นของเมืองหมิงจูที่เก่าแก่แล้ว แต่ตลอดเวลาไม่สามาถเปิดตัวเข้าไปในตระกูลเศรษฐี
เป็นเวลาเที่ยงตรง หน้าประตูบ้านตระกูลเจิ้งมีผู้คนเดินไปเดินมาเหมือนตลาดนัด มีรถหรูจอดอยู่คันหนึ่งเหมือนโชว์รูม เทียบกันแล้ว ทำให้รถMagotanของถังเฉาดูธรรมดาไม่เด่นเลย
ถังเฉาและเฟิ่งหวงเดินเข้าไปในบ้านใหญ่ตระกูลเจิ้ง เห็นแต่ในคฤหาสน์ตั้งโต๊ะจัดเลี้ยงเต็มไปหมด แขกมากันเกือบหมดแล้ว กำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน
“ รองหัวหน้า ผู้นำตระกูลเจิ้งเจิ้งเทียนเฉิงเป็นผู้ชายที่มีความสุขมาก ยิ่งเขาอายุมาก ยิ่งให้ความสำคัญกับชื่อเสียงหน้าตา หลังจากอายุหกสิบปี งานวันเกิดทุกปีก็จะเชิญสมาชิกในตระกูลต่างๆมาร่วมงานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่ งานยิ่งใหญ่ก็ยิ่งดี”
เฟิ่งหวงกระซิบข้างหลังเขาเบาๆ
ถังเฉาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นมุมปากของเขาก็ยกขึ้นเล็กน้อย “ผมหวังว่าเขาจะไม่ทำลายวันเกิดปีที่เจ็ดสิบปีของเขาเอง”
ความคิดของเขาง่ายมาก ผ่านงานเลี้ยงไปได้อย่างราบรื่น แต่ถ้าเจิ้งเทียนเฉิงต้องการหาเรื่องยุ่งยากกับเขาให้ได้ งั้นก็อย่าโทษเขาแล้วกัน
“ไอ้ขยะ ทางนี้!”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่แสบแก้วหูแว่วมา
ถังเฉามองไปตามเสียง เห็นแค่โจวเหม่ยหยูนโบกมือให้เขาด้วยท่าทางที่ดูถูกเหยียดหยาม
โจวเหม่ยหยูนตะโกนเสียงดังมากและดึงดูดความสนใจของคนหลายตระกูลที่อยู่ตรงนั้น
ในขณะนั้น มีคนมองไปทางถังเฉาด้วยความประหลาดใจ “คนๆนี้รู้สึกคุ้นๆหน้าเป็นคนตระกูลไหนหรอ?”
“ น่าจะเป็นคนของตระกูลโจวนะ”
พวกคุณชายจากตระกูลอันดับต้นๆสังเกตถังเฉา แล้ววิพากษ์วิจารณ์เบาๆ
เฟิ่งหวงแววตาเย็นชา กำลังจะพูดแต่ถูกถังเฉาขัดขวางไว้ ขณะที่ทั้งสองกำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ ก็เดินไปถึงที่นั่งของตระกูลโจว
ขณะนี้มีชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบห้าเดินเข้ามาด้วยเสียงหัวเราะและถามว่า “ผู้นำโจว คนๆนี้ในเมื่อเป็นคนของตระกูลโจว ทำไมไม่มาพร้อมกับพวกคุณ แต่กลับมาคนเดียว หรือว่าไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบในตระกูลโจว?”
โจวฉวนกั๋วสีหน้าดูไม่ได้ แต่ว่าเพื่อเอาหน้าจึงคล้อยตามคำพูดของพวกเขาแล้วพูดต่อไป
“คุณชายเจิ้งเดาไม่ผิด เขาเป็นแค่ไอ้ขยะส่วนเล็กๆของตระกูลโจว พาเขามาด้วย รู้สึกขายหน้า!”
“ อ๋อ?”
คุณชายเจิ้งยิ่งหัวเราะอย่างมีความสุขมากขึ้น “ในตระกูลโจวของคุณมีสาขาเล็กๆที่ไหน อาศัยตระกูลเจิ้งเรา ถึงจะฝืนเข้ามาอยู่ในอันดับต้นๆของตระกูล เท่าที่ผมรู้มาสาขาเล็กๆของคุณ ก็มีเพียงตระกูลหลินมั้ง?”
เขาชี้ไปที่ถังเฉาแล้วถามว่า “เขาเป็นคนตระกูลหลินหรือเปล่า?”
“… “
ขณะนั้น โจวฉวนกั๋ว หลิงเจิ้งสง โจวเหม่ยหยูนสีหน้าต่างก็ดูไม่ได้ แววตาที่มองไปทางถังเฉายิ่งหม่นหมอง ราวกับว่าถังเฉาทำให้พวกเขาอับอาย
หลินฉายเว่ยขมวดคิ้วไม่พอใจกับคำพูดของชายหนุ่ม “คุณเป็นใครถือสิทธิ์อะไรมาพูดกับเราอย่างนี้?”
คนในตระกูลเจิ้งหลินฉ่ายเวยรู้จักแค่นายท่านเจิ้งกับเจิ้งฮ่าว คนอื่นๆไม่เคยเห็นมาก่อน
คุณชายเจิ้งเผยความเย่อหยิ่งบนใบหน้าแล้วพูดว่า “ผมชื่อเจิ้งหลิน ได้รับการแต่งตั้งจากปู่เป็นผู้นำคนต่อไป”
ทันทีที่พูดออกมา คุณชายทุกคนที่อยู่โต๊ะนั้นต่างก็หัวเราะออกมา สายตามองไปที่ตระกูลโจวอย่างติดตลก
ในตระกูลอันดับต้นมีทั้งแข็งแกร่งและอ่อนแอ มีอำนาจเกี่ยวข้องกับตระกูลเจิ้ง แน่นอนก็คงไม่ได้อ่อนแอเท่าไหร่ เหมือนอย่างตระกูลโจวเป็นครอบครัวที่อาศัยตระกูลเจิ้งไต่เต้าขึ้นมา ซึ่งไม่เคยอยู่ในสายตาของพวกเขา
ชะงัก แล้วมองไปที่ถังเฉา ผมได้ยินมาว่าเมื่อห้าปีก่อน ตระกูลหลินกับหนึ่งในสี่ของตระกูลยักษ์ใหญ่ตระกูลซ่ง เคยมีงานแต่งเกิดขึ้น แต่เจ้าบ่าวหนีไปในคืนแต่งงาน เจ้าบ่าวคนนั้นคงไม่ใช่คุณนะ?”
ถังเฉาจิบชาและพูดเบาๆ “ใช่แล้วจะทำไม?”
“คุณหนีจริงๆเหรอ?”
เจิ้งหลินมองถังเฉาอย่างสนุกสนานและยิ่งพูดอย่างสนใจ
ถังเฉาวางถ้วยน้ำชาที่อยู่ในมือของเขา ในที่สุดสายตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นลึกลับ แต่หลินเจิ้นสง โจวเหม่ยหยูน หลินฉ่ายเวย ต่างก็ชะงัก และมองไปที่ถังเฉาด้วยความประหลาดใจ
เมื่อห้าปีก่อนงานแต่งเขากับซ่งหรูอี้ ทุกคนคิดว่าถังเฉาหนีไปแล้ว หรือว่า เบื้องหลังมีอะไรอยู่แอบซ่อนอยู่?
“ผมได้ยินจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ ในคืนนั้น ที่ท่าเรือของแม่น้ำหมินจู มีชายหนึ่งหญิงหนึ่งถูกลักพาตัว”
เจิ้งหลินพูดด้วยรอยยิ้ม “โดยเฉพาะผู้หญิงคนนั้น เรียกได้ว่าสุดยอด ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง … “
“คุณชายเจิ้ง ถ้าหากคุณอยากรู้ล่ะก็ ผมสามารถบอกคุณได้นะ”
คุณชายคนหนึ่งที่อยู่โต๊ะนั้นหัวเราะแล้วพูดขึ้น “ผู้หญิงที่ถูกลักพาตัวชื่อว่าหลินชิงเสว่ ตอนนี้เป็นประธานของบริษัทลี่จิงกรุ๊ป ตอนนี้เป็นภรรยาของคนอื่นแล้ว แม้แต่ลูกก็สามารถซื้อซีอิ๊วได้แล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ทุกคนในตระกูลหลินและตระกูลโจวต่างตกตะลึง ประธานของบริษัทลี่จิงกรุ๊ป เมื่อห้าปีก่อนถึงกับเจอเรื่องแบบนี้ด้วย
แล้วผู้ชายที่ถูกลักพาตัว คือใคร?
ไม่มีใครสังเกตเห็น สีหน้าของถังเฉาได้เปลี่ยนเป็นเย็นชา ลึกๆในแววตา เต็มไปด้วยความอาฆาต
แต่ว่าคุณชายพวกนั้นไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก ยังคงเยาะเย้ยต่อ “ คุณชายเจิ้งชอบผู้หญิงสไตล์นี้ใช่หรือเปล่า?”
“แน่นอน ผมคิดเสมอว่า หญิงสาวที่เป็นผู้ใหญ่ ถึงจะเรียกได้ว่าเป็น ‘ผู้หญิง’ “
เจิ้งหลินยอมรับอย่างสง่าผ่าเผย จากนั้นเขาก็มองไปที่ชายหนุ่มที่พูดชื่อหลิยชิงเสว่อย่างตำหนิ “เรื่องสำคัญขนาดนี้ ทำไมคุณไม่พูดเร็วหน่อย ถ้าคุณพูดเร็วกว่านี้หน่อย ตอนนี้คาดว่าเขาคงได้เป็นผู้หญิงของผมแล้ว”
“คุณชายเจิ้งอย่าถือโกรธผมเลย”
คุณชายคนนั้นทำหน้าทะเล้นแล้วพูดว่า “ถ้าคุณชายเจิ้งชอบ ก็แค่เรียกประธานหญิงคนนั้นมา ทุกคนก็เล่นด้วยกัน ฮ่า ๆ ๆ … “
“บอกผมได้ไหม พวกคุณได้ยินข่าวนี้มาจากไหน?”
ขณะที่พวกเขาหัวเราะคุยกัน ก็มีเสียงหัวเราะที่อ่อนโยนแว่วมา
เสียงหัวเราะหยุดลง สายตาของทุกคนมองไปที่ถังเฉา
เขายังคงนั่งอยู่กับที่ ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา เพียงแค่รอยยิ้มแบบนั้น หนาวจนเย็นเข้ากระดูก
พวกคุณชายที่นั่งอยู่ในโต๊ะของคุณชายเจิ้งหลินพอเห็นถังเฉา ทันใดนั้นก็พูดอย่างดูถูก “ชื่อของคนใหญ่คนโตคนนั้น คุณอยากรู้ก็รู้ได้หรอ? พูดอีกที ถึงบอกให้คุณ แล้วคุณจะทำอะไรได้?”
มีเพียงหลินฉ่ายเวยที่นึกภาพการตายของเจิ้งฮ่าวขึ้นมา เธอสั่นสะท้านไปทั่วร่างกายและรีบพูดขึ้น “ถังเฉา คุณใจเย็นๆ ที่นี่คือตระกูลเจิ้ง —-“
แต่เสียดาย สายเกินไปแล้ว
ดวงตานั้นแฝงไปด้วยแววตาความอาฆาต วินาทีต่อมา คำพูดที่เย็นชา ค่อยๆดังขึ้น
“ในเมื่อพวกคุณไม่พูด ก็ไม่ต้องพูดอีกต่อไป”
“เฟิ่งหวง กำจัดเสียงของพวกเขา”
“ค่ะ!”
เฟิ่งหวงไม่สนใจเลยว่าวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดครบรอบเจ็ดสิบปีของนายท่านเจิ้งแห่งตระกูลเจิ้ง ก้าวเท้าออกไป ในพริบตาเดียวก็ไปอยู่ต่อหน้าคุณชายคนนั้นที่บอกว่าจะมัดตัวหลินชิงเสว่มา”
ฝ่ามือที่ยื่นออกมาราวกับสายฟ้า ยื่นตรงเข้าไปในโพรงปากของชายหนุ่ม แทงเข้าไปลึกมาก
“อ้วก……”
ดวงตาของพวกคุณชาย เบิกกว้างทันที อ้วกแห้งๆออกมา
ดวงตาของเฟิ่งหวงเย็นชา ด้วยแรงฝ่ามือ ได้ยินเพียงเสียงฉึก มีอะไรถูกตัดขาด
ฟู่—-
เลือดจำนวนมากพุ่งออกมาจากปากของคุณชายคนนั้น ล้มลงกับพื้น มือทั้งสองข้างกุมปากไว้ สีหน้าของเขาเจ็บปวดอย่างมาก
ทุกคนรู้ว่าเขาอยากจะตะโกนร้องดังๆ แต่ก็ไม่มีเสียงใดๆ
เมื่อมองไปที่เฟิ่งหวง เห็นของที่อยู่ในมือทิ้งลงกับพื้น
ทุกคนถึงรู้ว่าที่ขาดเมื่อกี้คืออะไร
มันคือลิ้น