บทที่172 ความจริงใจของตระกูลเจิ้ง
ก่อนหน้านี้ไม่กี่วินาที บอร์ดี้การ์ดตระกูลเจิ้งมีท่าทีขึงขังดุดัน พริบตาเดียวทั้งหมดนอนตายกองอยู่กับพื้น หลงเหลือเพียงคนมีฝีมือคนหนึ่งที่ตระกูลเจิ้งว่าจ้างมาด้วยเงินจำนวนมาก สายตาเห็นภาพที่สร้างความประหลาดใจ ตกตะลึงจนพูดไม่ออก
สภาพศพที่กองเกลื่อนกลาด เจิ้งหลินเบิกตาโพลงจนไม่กล้าเชื่อในสายตาตนเอง ไม่กล้าแม้แต่กะพริบตา สีหน้าเขาซีดเผือดในเวลาอันรวดเร็ว
เจิ้งเทียนเฉิงเองก็ตกใจจนหัวใจตกไปที่ตาตุ่ม นั่งไปกองกับพื้น ตัวสั่นเทา ทุกคนล้วนเป็นบอร์ดี้การ์ดติดอาวุธที่เขาใช้เงินไปมากมายฝึกฝนขึ้นมา
คิดไม่ถึงว่าทั้งหมดจะตายในชั่วพริบตา!
ผลที่ออกมาเช่นนี้ ถังเฉาได้คาดการณ์ล่วงหน้าไว้ทั้งหมดแล้ว แต่ว่า เขายังคงมองจ้าวเย็นหรานด้วยความประหลาดใจ
เห็นได้ชัดว่า คนที่ลงมือก็ควรเป็นเย่เทียนหลง คาดไม่ถึงกลับกลายเป็นจ้าวเย็นหราน
คล้ายกับว่าจะสัมผัสได้ถึงสายตาของถังเฉา จ้าวเย็นหรานหันไปมองเขาแย้มยิ้มอย่างมีเสน่ห์ กะพริบตาปริบ ๆ ราวกับพูดว่าคุณติดค้างฉันแล้วนะ
“เป็นไปไม่ได้ เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้……”
คนในตระกูลเจิ้งค่อย ๆ ประคองเจิ้งเทียนเฉิงลุกขึ้น ร่างกายที่แก่ชรายังคงสั่นเทาจนควบคุมไม่ได้ มองจ้าวเย็นหรานด้วยความตื่นตกใจ พูดพึมพำออกมา: “จากข้อมูลที่ฉันรู้ ผู้นำตระกูลจ้าวมีบุตรชายเพียงคนเดียว ไม่มีบุตรสาว……เธอเป็นใครกันแน่!”
ใบหน้ารูปไข่ดั่งจิ้งจอกสาวของจ้าวเย็นหรานเผยไอสังหารออกมา พูดอย่างดุดันว่า: “คุณพูดถูกต้องแล้ว ประธานจ้าวไม่เหมาะสมจะเป็นพ่อของฉันจริง ๆ!”
คำพูดประโยคนี้ ฟังดูแล้วแฝงไว้ด้วยความเกลียดชังอย่างรุนแรง เย่เทียนหลงถอนหายใจเบา ๆ
ดวงตาของถังเฉา หรี่ลงเล็กน้อยเช่นกัน
เรื่องราวของประธานจ้าว เขารู้มากกว่าคนอื่น นอกจากจะมีบุตรชายนอกสมรสจำนวนมากแล้ว เขายังมีบุตรสาวแท้ ๆ อีกหนึ่งคน
เพียงแต่ว่า บุตรสาวแท้ ๆคนนี้ไม่รู้จักพ่อของเขา อยู่ในตระกูลจ้างมาตลอด ส่งผลให้คนตระกูลอื่นไม่ล่วงว่าจ้าวเย็นหรานมีตัวตนอยู่
“คุณหนู ตาแก่นี้กล้าดูถูกท่าน จะให้ผม……”
ในขณะนั้นเอง คนหัวล้านคนหนึ่งพาพวกอีก40-50คนเดินเข้ามาใน คฤหาสน์ตระกูลเจิ้งด้วยท่าทีขึงขัง ยืนอยู่ด้านหน้าจ้าวเย็นหรานด้วยท่าทีเคารพนบนอบ
จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา เพียงพอที่จะยืนยันถึงสถานะของเธอ แม้ว่าเจิ้งเทียนเฉิงจะไม่เชื่อ ยังไงก็ต้องเชื่อ
จ้าวเย็นหรานโบกมือเล็กน้อย: “ไม่ต้อง พวกคุณฆ่าพวกบอร์ดี้การ์ดเหล่านั้นก็พอแล้ว”
เธอเป็นคนเฉลียวฉลาด เรื่องที่สมควรทำก็ทำ เรื่องที่ไม่สมควรทำก็ไม่ดึงดันที่จะทำ
ความแค้นระหว่างตระกูลเจิ้งกับถังเฉา ถ้าหากเขาเป็นคนสังหารเจิ้งเทียนเฉิง กลับกลายเป็นว่าความแค้นระหว่างตระกูลจ้าวกับตระกูลเจิ้ง
“จางเฟิง ยังไม่รีบลงมืออีกเหรอ?!”
ทันใดนั้น เจิ้งเทียนเฉิงแผดเสียงร้องดุดัน
เขาเดือดดาลสุดขีด ดวงตาทั้งสองแดงก่ำ มองไปที่ยอดฝีมือคนนั้น
“อืม?”
ใบหน้าถังเฉาสงบนิ่ง ต้องการจะให้เฟิ่งหวงลงมือ
พรวด!
มีคนหนึ่งได้ก้าวไปก่อนหนึ่งก้าว ชิงลงมือไปก่อนที่ เฟิ่งหวงจะขยับตัว
“คนตัวเล็ก ๆ เช่นนี้ไฉนต้องลำบากให้คุณถังต้องลำบากลงมือด้วยตนเอง ผมจัดการเอง!”
เย่เทียนหลงยิ้มดุดัน แสดงร่างเงา พุ่งตรงไปหายอดฝีมือที่ จางเฟิง
จางเฟิงตกตะลึง มองไปที่เย่เทียนหลงด้วยความประหลาดใจ รู้สึกว่าเขาเหมือนกับเสือดุร้ายตัวหนึ่งที่ลงจากเขา ระเบิดพลังในชั่วพริบตาเดียว ชิงความได้เปรียบได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ทันทีที่พุ่งมาถึงหน้าจางเฟิง เย่เทียนหลงรวบรวมพลังจนกล้ามเนื้อเส้นเอ็นทั่วทั้งร่างส่งเสียงดัง สองมือประกบเข้าหากัน ในชั่วพริบตาโจมตีเข้าใส่ไปหลายหมัด
ผลัวะ ผลัวะ ผลัวะ……
เสียงปะทุของหมัดส่งผ่านอากาศดังก้องเข้าไปในหู เงาหมัดพุ่งเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง ในจังหวะที่ออกหมัดนั้นยังมีเสียงฟ้าร้องดังขึ้นพร้อมกันอีกด้วย
ถังเฉาและเฟิ่งหวงสบตากัน ในดวงตาเผยให้เห็นถึงความประหลาดใจ
กระบวนท่าที่เย่เทียนหลงใช้ในตอนนี้ แน่นอนว่าต้องเป็นหมัดฟ้าแลบที่ถังเฉาคิดค้นขึ้นมา
เขายังไม่ใช่แค่รู้ตื้นเขิน ไม่ว่าจะเป็นพลัง หรือท่วงท่า ล้วนมีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาไปจากเดิมมากทีเดียว
ตุบ—-
หลังจากที่จางเฟิงโดนหมัด ถอยหลังไปหนึ่งก้าว จากนั้นก็ไม่สามารถตอบโต้กลับได้ ถอยหลังอย่างต่อเนื่อง
จนกระทั่งหมัดสุดท้ายของเย่เทียนหลงซัดเข้าใส่กลางหน้าอกของ จางเฟิง เขาถึงหยุดมือถอยหลังกลับ
ในวินาทีนั้นเอง เสียงแผดร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น
“อ้า—-”
เขาถูกชกจนเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่างกาย แต่ว่าความเจ็บปวดไม่เพียงแต่ทำให้อ่อนแอลง กลับทำให้ร่างกายบาดเจ็บมากขึ้น
โดนหมัดฟ้าแลบ ห้ามขยับร่างกาย ขยับเพียงนิดเดียว ส่งผลให้พลังในร่างกายระเบิดออกมา ความเจ็บปวดเพิ่มทวีคูณ
ถังเฉาพยักหน้าอย่างชมเชย พิสูจน์ได้ว่าเย่เทียนหลงคนนี้ไม่ทำให้ผิดหวัง เขาแนะนำไปเพียงแค่นิดเดียว เรียนรู้และฝึกฝนอย่างหนัก
ด้านเจิ้งเทียนเฉิง กลับอึ้งจนตาค้างไปสมประดี
นี้คือยอดฝีมือที่เขาใช้เงินจำนวนมากเชิญมา เย่เทียนหลงกลับจัดการด้วยกระบวนท่าเดียว!
จากเหตุการณ์ความเป็นความตายที่อยู่ตรงหน้า คนตระกูลเจิ้งทั้งหมดทุกคน สีหน้าซีดเผือด หวาดกลัวไปจนถึงจิตวิญญาณ
“ท่าน ท่านปู่……”
เจิ้งหลินลนลานจนพูดไม่เป็นประโยค นั่งลงกับพื้นตัวสั่นเทา
ถึงตอนนี้ มีเพียงคุณปู่คนเดียวเท่านั้น ถึงจะมีหนทางรอด
ใครจะไปรู้ เจิ้งเทียนเฉิงจ้องเย่เทียนหลงด้วยสายตาถมึงทึง น้ำเสียงทั้งตกใจทั้งโมโห: “เย่เทียนหลง ตระกูลเจิ้งของเราไม่มีความแค้นต่อกัน เหตุใดคุณถึงทำกับตระกูลเจิ้งเช่นนี้!”
เย่เทียนหลงยิ้มเย็นชา: “ผมกับคุณไม่มีความแค้นต่อกันก็จริง แต่ว่าคุณกับอาจรย์ของผมมีความแค้นต่อกัน……กล้าที่จะลงมือกับอาจารย์ของผม ผมว่าพวกคุณคงเบื่อชีวิตกันแล้ว!”
อาจารย์?!
ได้ยินคำพูดของเย่เทียนหลง ตระกูลเจิ้งทั้งหมดตัวแข็งทื่อ ใครกันที่เป็นอาจารย์ของเย่เทียนหลง?
ในขณะนั้นเองทุกสายตาก็หันไปจับจ้องที่ถังเฉา
มีเฟิ่งหวงคนเดียวเท่านั้นที่ยังมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ประหลาดใจแม้แต่นิดเดียว
ถังเฉาสวมเสื้อสูท ใบหน้าเผยรอยยิ้มเยือกเย็น มองไปที่ตระกูลเจิ้งทุกคน
ตึก! ตึก! ตึก!
เสียงฝีเท้าของเขาดังก้องไปทั่ว ตระกูลเจิ้งได้ยินเสียงนี้ กลับเหมือนกับเสียงแห่งความตาย พิพากษาให้ถูกประหาร
“อย่า…… อย่าเข้ามา!”
เจิ้งหลินส่งเสียงดัง สีหน้าหวาดกลัว ถอยหลังไม่หยุด จนไปสะดุดกับก้อนหินบนพื้น ล้มลงไปกองบนพื้น
แต่เขากลับไม่รู้สึกเจ็บ ยังคงใช้ก้นไถไปกับพื้น ถอยหลังต่อไปไม่หยุด
ถังเฉากวาดสายตามองไปที่เขา ดวงตาสีดำขลับ ราวกับจ้องมองไปที่หุบเหว
เจิ้งหลินตกใจกลัวจนวิญญาณหายไปจากร่าง แม้แต่เรี่ยวแรงที่จะขยับร่างกาย ก็หมดสิ้น
แต่ว่า ถังเฉาไม่ได้ให้ความสนใจสักนิด เขาเดินตรงไปด้านหน้าเจิ้งเทียนเฉิง ยิ้มมุมปาก: “ท่านผู้นำเจิ้ง ดังคำกล่าวไว้ว่ายิ่งอายุมากยิ่งเล่ห์เหลี่ยมจัด แต่คุณทำไมถึงยิ่งแก่ยิ่งเลอะเลือน? ผมเคยพูดไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ผมต้องลงมือ ตระกูลเจิ้งของพวกคุณก็จะพังทลายด้วยน้ำมือตนเอง!”
สองขาของเจิ้งเทียนเฉิงอ่อนปวกเปียก ล้มฟุบไปนั่งกับพื้น ตกใจกลัวลนลานจนวิญญาณออกจากร่างไปแล้ว
จนถึงเวลานี้ เขาเพิ่งจะเข้าใจว่าเหตุใดตระกูลเย่มาในงานโดยไม่ได้รับเชิญ เดิมทีไม่ใช่มาเพื่ออวยพรวันเกิด แต่มาเพื่อช่วยเหลือถังเฉา!
น่าเสียดาย รู้เมื่อสายไปแล้ว
เขาตัวสั่นเทาร้องขอให้อภัย: “คุณถัง เป็นผมเองที่มีตาแต่มองไม่เห็นเขาไท่ซาน ขอให้เห็นแก่ที่ตระกูลเจิ้งได้เคยช่วยเหลือตระกูลโจว ปล่อยพวกเราไปเถอะ!”
“หลานของคุณเจิ้งฮ่าว วางแผนบ้าระห่ำให้ร้ายพ่อผม จะตายสักกี่ครั้งก็ไม่สามารถชดเชยความผิดได้ คุณเสแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ผมเองก็ไม่มีความคิดที่จะลงมือกับตระกูลเจิ้ง”
ถังเฉาพูดเสียงเย็นชาอีกว่า: “แต่ว่าคุณบีบบังคับทุกวิถีทาง บีบให้ผมต้องลงมือกับตระกูลเจิ้ง คุณคิดดูสิ จะไปโทษใครได้อีก?”
“ใช่ ใช่ เป็นผมที่สมควรตายหมื่นครั้ง ขอให้คุณถังคิดเสียว่าพวกผมเป็นเหมือนก้อนขี้ ปล่อยไปเถอะ!”
เจิ้งเทียนเฉิงโขกศีรษะอย่างไม่คิดชีวิต แม้ว่าถังเฉาไม่ได้ลงมือ แต่ท่าทีเย่เทียนหลงที่มีต่อเขานั้น ให้รู้ว่าเขาเป็นผู้มีอิทธิพลที่ร้ายกาจที่สุดคนหนึ่ง
มีคนประเภทนี้เท่านั้น ถึงจะลงมือในวันเกิดของตนเองอย่างไร้ยางอาย มิหนำซ้ำยังพูดจาอย่างไร้มารยาทต่อหน้าผู้คนอีก!
ในขณะเดียวกัน มีรถคันหนึ่งจอดหน้าประตูตระกูลเจิ้ง และมีชายสวมเสื้อสูทรองเท้าหนังคนหนึ่งเดินออกมา
คนนั้นก็คือ รองประธานบริษัทหลงเถิง จูหาว
เขาไม่มีท่าทีแปลกใจต่อเรื่องที่เกิดขึ้นในตระกูลเจิ้ง รีบสับเท้าเดินไปหาถังเฉา รายงานด้วยความนอบน้อม
“คุณถัง นี้คือข้อมูลที่ท่านต้องการ”
ถังเฉาหยิบมาดูเต็มสองตา จากนั้นโยนไปให้เจิ้งเทียนเฉิงพูดว่า: “เอาไปดูให้ละเอียด”
มองเพียงแค่ครั้งเดียว สีหน้าเจิ้งเทียนเฉิงเปลี่ยนเป็นซีดเผือด
แต่ละรายการที่เขียนไว้ ล้วนเป็นเรื่องผิดกฎหมายที่บริษัทภายใต้การบริหารของตระกูลเจิ้งทั้งสิ้น ทุกรายการล้วนผิดกฎหมายร้ายแรง แต่ละรายการล้วนทำให้ต้องตกตะลึง
ดูถึงรายการสุดท้าย เจิ้งเทียนเฉิงตัวสั่นเทาเหงื่อท่วมตัว หมดเรี่ยวแรงถือกระดาษไว้ มองไปที่ใบหน้าของถังเฉา ตกใจกลัว
เรื่องต่างๆที่ตระกูลเจิ้งทำผ่านมานั้น เขาจัดการได้อย่างสะอาดสะอ้าน แต่ถังเฉายังคงตรวจสอบพบ คนเช่นนี้ ต้องเป็นบุคคลที่มีอำนาจระดับสูงเท่านั้น!
“ผู้นำตระกูลเจิ้ง ถ้าหากผมนำข้อมูลนี้ส่งให้กับกรมตำรวจ คุณลองเดาสิว่า พวกคุณจะมีจุดจบเช่นไร?” มุมปากถังเฉาเผยให้เห็นรอยยิ้มมีเลศนัย พูดช้า ๆ
สองมือสองเท้าเจิ้งเทียนเฉิง รีบรุดคลานไปที่เท้าของถังเฉา สองมือจับขากางเกงถังเฉาไว้แน่น พูดเสียงดังว่า: “คุณถัง ผมจะรีบไปจากเมืองหมิงจูในทันที บริษัทภายใต้การดูแลของตระกูลเจิ้งทั้งหมด ผมยินดีมอบให้คุณ เพื่อแลกกับความอยู่รอดของตระกูลเจิ้ง!”
“คุณปู่!”
“ผู้นำ ไม่ได้เด็ดขาด……”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ตระกูลเจิ้งทุกคนต่างก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ
“ทุกคนหุบปากเดี๋ยวนี้!”
เจิ้งเทียนเฉิงตวาดเสียงดัง มองตระกูลเจิ้งทุกคนด้วยสายตาโกรธเคือง: “คราวเคราะห์ตระกูลเจิ้งในวันนี้ เกิดขึ้นจากฉัน จะต้องมีคนรับผิดชอบ!”
“ไม่มีบริษัทแล้ว สามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้ แต่คนตายไปแล้ว ก็หมดสิ้นทุกอย่าง มีชีวิตอยู่ต่อไป ก็คือความหวังที่ยิ่งใหญ่!”
“……”
ขณะที่นายท่านเจิ้งแผดเสียงดังด้วยท่าทีโศกเศร้า ตระกูลเจิ้งได้เข้าสู่สถานการณ์ความเป็นความตาย
ถังเฉาหรี่ตาลงด้วยสายตาดุดัน ยิ้มเย็นชา: “ตระกูลเจิ้งทั้งหมดคงไม่พอ ต้องเพิ่มอีกหนึ่งเงื่อนไข”
เจิ้งเทียนเฉิงตกตะลึง สัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง แต่ยังพูดตอบว่า: “คุณถังเชิญพูด”
ทันใดนั้นถังเฉา หันไปมองที่เจิ้งหลินที่ยืนตะลึงงัน น้ำเสียงเย็นชาเหลือจะเปรียบ
“ฆ่าเขา เพื่อแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของตระกูลเจิ้ง!”