เวลาสามวัน แป๊บเดียวก็ผ่านไป
วันนี้ถังเฉาไม่ได้ไปที่อาคารกั๋วจี้ แต่กลับออกจากบ้านแต่เช้า
เขาใส่ชุดสูทสีขาวราคาแพง รูปร่างสูงโปร่ง สีหน้าเคร่งเครียด
ตอนนี้หลินชิงเสว่เดินเข้ามา “คุณไม่ได้แต่งเองซะหน่อย ใส่เต็มยศขนาดนี้ทำไม?”
ถังเฉาหัวเราะพลางว่า “นี่เป็นงานเลี้ยงที่ได้ออกกับคุณครั้งแรกเลยนะ ต้องใส่เต็มยศหน่อยสิ”
เขาชะงักนิดหน่อย ก่อนพูดต่อ “ถ้าคุณชอบ ผมจะจัดงานแต่งยิ่งใหญ่ให้คุณอีกครั้งได้นะ ยังไงซะตอนขอแต่งงานครั้งแรกบนเรือสำราญเพิร์ลวันก็ล้มเหลวไปแล้ว”
หลินชิงเสว่หน้าแดงเรื่อทันที มองค้อนเขาหนึ่งที “มีใครเขาพูดแบบคุณกัน? อะไรคือแต่งงานอีกครั้ง? งั้นฉันไม่กลายเป็น ‘หญิงม่ายแต่งงานใหม่’ สิ?”
“ผมชอบ”
ถังเฉามองหลินชิงเสว่ด้วยสายตาอ่อนโยน
หลินชิงเสว่ทานทนสายตาร้อนแรงนั่นไม่ไหว รีบหลบตาพลางแก้เก้อว่า “ฉันไปทำงานก่อนนะ เดี๋ยวเย็นๆฉันจะเลิกงานก่อนเวลา จะรีบไปเมืองเจียงเลย”
ถังเฉาพยักหน้ารับคำ
สิบนาทีผ่านไป เฟิ่งหวงรีบมาที่คฤหาสน์จื่อหยวน และมายังบ้านหลินพร้อมกับถังเฉา
บ้านหลินในตอนนี้ครึกครื้นมาก มีคนหลากหลายและมีรถหรูหลายคันจอดหน้าประตู
ภายในสวนบ้านหลินจัดปูพรมแดงยาว สองข้างทางเต็มไปด้วยประทัด
แค่จุดไฟนิดเดียว ก็ส่งเสียงดังสนั่นแสบแก้วหูทันที
ภายในสวนคึกคักมาก มีคนยืนเต็มไปหมด คนทั้งหมดมองซ้ายมองขวาอย่างตื่นตาตื่นใจ รอคอยการปรากฏตัวของหลินฉ่ายเวยซึ่งเป็นเจ้าสาว
ถังเฉากับเฟิ่งหวงเดินมาท่ามกลางผู้คน รอคอยอย่างสงบ
ระหว่างรอ จู่ๆถังเฉาก็หันไปมองเฟิ่งหวง “สั่งการลงไปหรือยัง?”
“คุณชาย พวกหลัวปู้ หูอีซาน เจิงเทียนเสียงมารอที่เมืองเจียงกันหมดแล้วครับ”
เฟิ่งหวงพยักหน้าอย่างเคารพ สายตาคมปลาบพุ่งขึ้น “วันนี้ บ้านเหวินต้องพินาศ!”
ดวงตาถังเฉาเองเปลี่ยนเป็นลุ่มลึก เขาเคยให้โอกาสเหวินเหวยเฉินกับบ้านเหวินแล้ว น่าเสียดายที่พวกเขาเลือกละทิ้งมันเอง
“เจ้าสาวออกมาแล้ว!”
ในตอนนี้เอง มีเสียงดังจากบ้านหลิน
หลินฉ่ายเวยในชุดเจ้าสาวสีแดงสดค่อยๆเยื้องกายเข้ามา มงกุฎเครื่องประดับผม ผมยาวพลิ้วไสว การแต่งหน้าอันบรรเจิด
แต่บนใบหน้าหลินฉ่ายเวยกลับไม่ปรากฏรอยยิ้มยินดีกับงานแต่งงานเลย
“ตามประเพณีแล้ว ขอเชิญลูกพี่ลูกน้องฝ่ายเจ้าสาวอุ้มเธอขึ้นรถครับ” พิธีกรบอกเสียงดัง
แขกเหรื่อพากันมองหน้าไปมา ใครเป็นลูกพี่ลูกน้องเจ้าสาวล่ะ?
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังพึมพำถกเถียงกัน ถังเฉาก้าวยาวเข้ามายืนหน้าหลินฉ่ายเวย
ดวงตาเลื่อนลอยของหลินฉ่ายเวยถึงมีแววยินดีปรากฏขึ้นเมื่อเห็นถังเฉา
โจวเหม่ยหยูนที่ยืนอยู่ข้างๆเบ้ปาก ถึงเธอจะไม่พอใจ แต่วันนี้เป็นวันแต่งงานของหลินฉ่ายเวย เธอก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก
“มาเถอะ”
ถังเฉายิ้มบาง และอุ้มหลินฉ่ายเวยอย่างเจ้าหญิงขึ้นมา
ใบหน้าหลินฉ่ายเวยถึงจะเริ่มมีรอยยิ้มปรากฏ สองมือโอบรอบคอถังเฉาแน่น เธอเงยหน้ามองใบหน้าคมราวใบมีดของถังเฉา
สามารถทำให้ถังเฉาอุ้มเธอแบบนี้ได้ หลินฉ่ายเวยรู้สึกพอใจมากแล้ว ต่อให้เป็นระยะสั้นๆแค่สิบกว่าก้าวเท่านั้นเอง
ไม่นาน ถังเฉาก็อุ้มหลินฉ่ายเวยขึ้นรถ จากนั้นก็มองตามรถที่แล่นออกไป
เวลานี้เอง โจวเหม่ยหยูนเดินเข้ามา มองเขาอย่างระแวง “ไอ้ตัวซวย ฉันเตือนแกไว้เลยนะ วันนี้เป็นวันดีของฉ่ายเวย ถ้าแกกล้าทำลายงานแต่ง ฉันไม่ปล่อยแกไปแน่”
วันนี้โจวเหม่ยหยูนแต่งตัวเป็นพิเศษ ไม่เพียงใส่ชุดกี่เพ้าสีดำ แถมยังทาลิปสติกสีสด แต่งหน้าสวยมาก
แต่คำพูดที่พูดออกมา รวมถึงสีหน้าที่แสดงออกมากลับดูเย็นชานัก
ถังเฉาเหล่เธอด้วยสายตาเย็นชา ไม่สนใจเลยสักนิด
“แกแกแก…กล้าเมินฉัน!”
โจวเหม่ยหยูนพูดด้วยสีหน้าโมโห นิ้วที่ชี้หน้าถังเฉาสั่นเทา
หลินเจิ้นสงดึงเธอออกไป หูเขาถึงสงบขึ้นมาบ้าง
ถังเฉาไปขึ้นรถโรสลอยซ์ของเฟิ่งหวง และขับออกไปด้วยความเร็วสูง ประมาณหนึ่งชม.ให้หลัง ก็ถึงเมืองเจียง
บ้านเหวินเป็นตระกูลดังอันดับต้นของแถวเจียงเจ้อ สถานที่จัดงานแต่งก็หรูหราหาใครเปรียบได้ งานพิธีแต่งงานราวกับพระราชวัง ทุกก้อนอิฐสีทอง ทุกการตกแต่งปติมากรรม ไม่มีจุดไหนไม่แสดงความหรูหรามีระดับ
ตอนนี้งานยังไม่เริ่ม สถานที่จัดงานมีโต๊ะแดงจัดวางไว้ ตอนนี้มีคนนั่งเต็มแล้ว
งานแต่งงานครั้งนี้เกี่ยวพันถึงสายสัมพันธ์ของสองเมืองอย่างเมืองเจียงและหมิงจู สำหรับการช่วยเหลือที่จะช่วยเสริมให้เศรษฐกิจของสองเมืองพัฒนาถึงขีดสุด มันมีความหมายยิ่งใหญ่มาก ดังนั้นไม่เพียงแค่ตระกูลดังเมืองเจียงได้รับเชิญ ยังมีบางตระกูลของหมิงจู ซึ่งไม่ขาดแคลนผู้ประสบความสำเร็จของทุกโลก
“คุณชาย อำนาจระดับสูงของเมืองเจียงมีไม่น้อยเลย โดยมีบ้านเหวิน บ้านหู บ้านลู่ บ้านเซี่ยเป็นหัวโจก”
เฟิ่งหวงอธิบายอำนาจของเมืองเจียงเป็นระลอก
ถังเฉาพยักหน้าเบาๆ เมืองเจียงเป็นเมืองเอกของแถวเจียงเจ้อ การพัฒนาไปได้แรงกว่าหมิงจูหน่อย ดังนั้นอำนาจของเมืองเจียงเลยหยั่งรากลึกกว่าของหมิงจูซะอีก
ในเวลาเดียวกัน แหล่งเศรษฐกิจหลักของเมืองเจียง เป้าหมายต่อไปของบริษัทลี่จิงกรุ๊ปก็คือก้าวขึ้นระดับเมืองเอก
นอกจากอำนาจบางอย่างของเมืองเจียงแล้ว ถังเฉายังเจอคนคุ้นเคยบางคนด้วย
ต่งอี้สิง ต่งวี่ซู่ของบ้านต่ง เสิ่นชิงหยุนแห่งบ้านเสิ่น ยังมีซ่งหมิงเวยแห่งบ้านซ่งด้วย
พวกเขาเองก็สังเกตเห็นถังเฉาเช่นกัน ทันใดนั้นปฏิกิริยาของแต่ละคนไม่เหมือนกันเลย
ซ่งหมิงเวยสีหน้ากังวล เสิ่นชิงหยุนกลับดูซุกซน ส่วนต่งอี้สิงลุกขึ้นยืนทันที เดินมาทางถังเฉาด้วยสีหน้ามาดร้าย
“ถังเฉา แกทำให้ปู่ฉันตาย ไม่หดหัวหลบซ่อนตัว กลับกล้ามาปรากฏตัวในสถานที่แบบนี้เนี่ยนะ?”
น้ำเสียงตะคอกเสียงดังทุ้มต่ำดึงดูดความสนใจจากทุกคน ไม่เพียงอำนาจของหมิงจูเท่านั้นที่โดนดึงดูด แม้แต่อำนาจอันดับต้นของเมืองเจียงก็ตกใจหันมามองด้วย
ถึงบ้านเหวินจะส่งการ์ดเชิญให้ถังเฉา แต่กลับไม่ได้จัดเขานั่งโต๊ะเดียวกับบ้านหลินและบ้านโจว แต่เป็นนั่งคนเดียวในโต๊ะ ดูน่าสงสารนัก
พอตอนนี้ได้ยินเสียงต่งอี้สิง พวกโจวเหม่ยหยูนกับโจวฉวนกั๋วก็มองมาเหมือนกัน ต่างพากันยิ้มมุมปากอย่างมาดร้ายหวังจะเห็นอะไรสนุกๆ
พวกเขายินดีที่จะเห็นถังเฉาโดนบ้านต่งเล่นงาน
โดนคนจำนวนมากขนาดนี้จ้องมอง ถังเฉายังคงสีหน้านิ่งเฉย แต่จู่ๆเขาก็ยิ้มซุกซนขึ้นมาว่า “ใครเป็นคนฆ่าต่งหนานหลิ่ง คุณไม่รู้หรอไง?”
พอพูดแบบนี้ออกไป ต่งอี้สิงใจหายวูบ หันไปมองหน้าต่งวี่ซู่ กลับพบว่าต่งวี่ซู่กำลังวุ่นวายกับสาวสวยสองคนข้างกาย
ดังนั้นความสงสัยในใจก็หายเป็นปลิดทิ้ง ดาราที่เอาแต่เมาหัวราน้ำคนหนึ่ง จะไปเปิดเผยความลับได้ยังไง?
วินาทีที่ต่งอี้สิงหันกลับมา สายตาต่งวี่ซู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นลุ่มลึก แฝงแววเย็นเยียบเอาไว้
“ในเมื่อแกกล้าออกมาแบบไม่กลัวตาย งั้นก็ดีเลย หักขาทั้งสองข้างทิ้ง และไปคุกเข่าขอขมาตรงหน้าหลุมศพคุณปู่ตลอดชีวิต!”
ต่งอี้สิงตะคอกเสียงดังอีก ทันใดนั้นก็มีบอดี้การ์ดล้อมรอบถังเฉาไว้ เขาไม่เชื่อหรอกว่า ถังเฉาจะกล้าลงมือในงานแต่งบ้านเหวิน!
ถังเฉินมองเฟิ่งหวงหนึ่งที เฟิ่งหวงเข้าใจ เดินไปที่โต๊ะบ้านต่งด้วยสีหน้าเย็นชา
กำลังจะลงมือก็ได้ยินเสียงหวีดขึ้น จากนั้นก็มีเสียงตัดลมดังขึ้น พุ่งมาที่ไหปลาร้าของเฟิ่งหวง
เฟิ่งหวงสีหน้าเปลี่ยน เบี่ยงตัวหลบ
ฟิ้วฟิ้ว—
จู่ๆประติมากรรมด้านหลังมีรูสีดำเพิ่มขึ้นมาหนึ่งรู พอมองดูดีๆ พบว่าเกิดขึ้นเพราะหิน
สีหน้าเฟิ่งหวงเปลี่ยนทันที มีเพียงผู้แข็งแกร่งระดับสูงเท่านั้น ที่จะมีพลังขนาดนี้!”
เธอหันกลับไปมองรอบๆอย่างรวดเร็ว พยายามจะหาตัวคนทำ
“ยอมทำลายวัดสิบแห่ง แต่ไม่ยอมทำลายงานแต่ง คุณหนูคนนี้มาลงมือในงานแต่งคนอื่นแบบนี้ ไม่ค่อยดีมั้ง?”
ตอนนี้ ด้านหลังกลับมีเสียงเนิบนาบดังขึ้น เห็นแค่ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาในชุดขาวมือถือพัด ย่างเท้าเข้ามา
สายตาเฟิ่งหวงดูคมปลาบ “แกคือคนที่ลอบกัดฉันข้างหลัง?”
ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ “ฉันอุตส่าห์หลบหลีกการนองเลือดในงานนะ ไหงมาถึงปากคุณ กลายเป็นคนลอบกัดซะงั้นล่ะ?”
เฟิ่งหวงไม่ฟังชายหนุ่มอธิบายอะไร พุ่งเข้าไปหาทันที
ถังเฉาจู่ๆก็ตะคอกเสียงดังขึ้นมา “เดี๋ยวก่อน!”
เฟิ่งหวงชะงักฝีเท้าทันที หันกลับมาอย่างไม่เต็มใจนัก
แต่พอเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของถังเฉา เธอก็ได้แต่กลับมายืนด้านหลังเขาอย่างว่าง่าย
พวกตระกูลดังเมืองเจียง เสิ่นชิงหยุน ซ่งหมิงเวย ต่งวี่ซู่ต่างจับจ้องฉากนี้กันเขม็ง อยากรู้ว่าถังเฉาจะโต้กลับยังไง
พวกเขาเห็นแค่ถังเฉาค่อยๆยืนขึ้น มองดูชายหนุ่มคนนี้ด้วยสายตาเคร่งขรึม “นายเป็นใคร?”
ชายหนุ่มชุดขาวยิ้มบางๆ สะบัดมือคลี่พัดออกมา และแจ้งชื่อตัวเอง
“เดินไม่เปลี่ยนชื่อ นั่งไม่เปลี่ยนแซ่ เสี้ยงหม่าแห่งบ้านเหยียนครับผม”