จากนั้นเสียงที่ราบเรียบและยังแฝงไปด้วยความหยอกเย้าของถังเฉาก็สิ้นสุดลง เสียงหัวเราะในโทรศัพท์ก็ขาดหายไปอย่างฉับพลัน ชั่วพริบตาก็ไม่มีสัญญาณจากหูเข่อเฟิง
ปฏิกิริยาตอบโต้แรกของเขาก็คือ ถังเฉามีวิธีเอาตู้เซฟไปจากในมือเขา แถมยังสามารถเปิดตู้เซฟได้ด้วย เขาตกใจขึ้นมาทันที
แต่หลังจากนั้นเขาก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง “อย่าเสียแรงเปล่าเลย ตู้เซฟนี้ใช้วิทยาการการหลอมเหล็กที่ทันสมัยได้มาตรฐาน น้ำและไฟไม่อาจรุกล้ำ ตัวตู้แข็งแรงอย่างถึงที่สุด ระเบิดก็ไม่อาจทำลายได้ แกทุบมันไม่พังหรอก!”
เท่าที่เขาดู วิธีการของถังเฉาก็คือการใช้กำลังจากภายนอกทำลายและเปิดตู้เซฟออกมา
แต่ถังเฉากลับยกมุมปากขึ้น ยกยิ้มยั่วเย้าขึ้นมา “ใครบอก… ว่าผมจะระเบิดตู้เซฟออก ผมหมายความว่า… ผมจะเอาบัตรลงคะแนนในตู้เซฟของคุณไปโดยที่ไม่มีใครรู้เนื้อรู้ตัวเลยล่ะ”
“อะไรนะ?!”
คำพูดนี้ถูกพูดออกมา ไม่ใช่แค่หูเข่อเฟิงที่ตกตะลึง แต่หูอีซานกับเจิงเทียนเสียงเองก็มองไปที่ถังเฉาอย่างไม่อยากจะเชื่อ พูดไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว
ยังไม่ต้องพูดถึงวิธีการที่จะเอาตู้เซฟของหูเข่อเฟิงมาได้ ต่อให้เอามาได้แล้วก็ไม่มีรหัส แล้วจะเอาของที่อยู่ในตู้เซฟมาได้อย่างไร?
หรือว่า บนโลกนี้จะมีเทคนิคเทพ ๆ ในการเคลื่อนย้ายสิ่งของกลางอากาศอยู่จริง ๆ?
“เป็นไปไม่ได้! แกอย่ามาขู่ฉันนะ!”
พอเรียกสติกลับมาได้ หูเข่อเฟิงก็รีบคำรามออกมาทันที น้ำเสียงดุร้าย “ฉันขาดใบลงคะแนนแค่ใบเดียว ก็จะได้รับมติเอกฉันท์แล้ว พอถึงตอนนั้นแกจะไม่ใช่แค่สิ้นเนื้อประดาตัว แต่แม้แต่บริษัทของเมียแกก็จะกลายเป็นของฉัน ฮ่า ๆ ๆ…”
“อย่างนั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นพวกเราคอยดูกันดีกว่า…”
ถังเฉาหัวเราะเสียงเย็นแล้วก็วางสายโทรศัพท์ไป
พอรับโทรศัพท์คืนมา หูอีซานที่เมื่อสักครู่ยังสับสนกระวนกระวายใจอยู่ก็สงบนิ่งลง เขาเงียบอยู่นาน จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมามองถังเฉาฉับพลัน “คุณถังครับ ท่านมีวิธีที่จะพลิกแพ้ให้กลายเป็นชนะจริง ๆ เหรอครับ?”
“แน่นอน”
ถังเฉายิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน “ติดตามฉันมานานขนาดนี้ ยังไม่รู้จักฉันอีกเหรอ? ถ้าหากไม่มีทางชนะอย่างเด็ดขาด ฉันไม่มาคุยโวโอ้อวดหรอกนะ”
หูอีซานลังเลใจขึ้นมาฉับพลัน ลองคิดย้อนไป มีครั้งไหนบ้างที่คุณถังประสบกับสภาพการณ์ที่ไม่ดี สถานการณ์ที่จะต้องแพ้?
ทุก ๆ คนล้วนเฝ้ารอดูเรื่องตลกของเขา แต่ตอนสุดท้าย คนที่กลายเป็นเรื่องตลกกลับเป็นพวกเขาเสียเอง
ครั้งนี้ก็จะเป็นเหมือนกันใช่ไหม?
ถังเฉาลุกขึ้นยืน เขามาอยู่ตรงด้านหน้าของหน้าต่างที่ยาวจรดพื้น มองลงไปยังอาคารกั๋วจี้ “ภารกิจของพวกนายสำเร็จแล้ว ต่อไปก็รอจนถึงเดดไลน์ แล้วพวกนายก็ไปเมืองเจียงเฉิงพร้อมกันกับฉัน”
หูอีเทียนกับเจิงเทียนเสียงมองกันอย่างหวาดระแวงแวบหนึ่ง แต่ยังคงเลือกที่จะเชื่อถังเฉา
“ครับ คุณถัง!”
ภายใต้การจับตามองอย่างประหลาดใจของทั้งสองคน ถังเฉาควักโทรศัพท์ออกมา โทรออกไปหมายเลขหนึ่ง พูดอย่างราบเรียบออกมาหนึ่งประโยค “ลงมือได้เลย”
……
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วพริบตาก็มาถึงเดดไลน์ของการพนันครั้งนี้
ช่วงเช้า ถังเฉายังคงดื่มกาแฟอย่างผ่อนคลาย ทานอาหารกลางวันกับหลินชิงเสว่ ตอนนี้ถึงจะค่อย ๆ เดินนวยนาดขึ้นรถไปกับเจิงเทียนเสียงกับหูอีซาน บึ่งรถไปยังจวี้เฟิงกรุ๊ปในเมืองเจียงเฉิง
ระหว่างทาง เจิงเทียนเสียงและหูอีซานล้วนมีใบหน้าโศกเศร้า หูอีซานที่กำลังขับรถอยู่ถึงขั้นตึงเครียดเกินขอบเขต มือที่กุมพวงมาลัยรถอยู่ถึงกับมีเหงื่อออก
“ผ่อนคลายเถอะ พนันตานี้ฉันต้องเป็นคนชนะอย่างแน่นอน”
ถังเฉาที่นั่งอยู่ที่นั่งด้านหลังยิ้มจาง ๆ เอ่ยอย่างใจเย็น
หูอีซานฝืนใจยิ้มออกมา เช็ดเหงื่อเย็นบนใบหน้า
จะบอกว่าไม่กังวลก็คงจะโกหก ในยี่สิบวันมานี้ถังเฉาไม่ได้ทำอะไรเลย อย่างเดียวที่ทำก็คือให้คนออกไปเฝ้าดูอย่างไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งใด แต่กลับไม่ใช้วิธีการที่เป็นจริงเป็นจังใดใด…ตั้งแต่พวกเขาติดตามถังเฉามาเป็นเวลานานขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดข้อสงสัยกับคำสั่งของถังเฉา
แต่ว่าก่อนที่ระยะเวลาของการพนันจะสิ้นสุดลง ยังเหลือเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงแล้ว แต่มาถึงจุดนี้แล้ว พวกเขาก็ถือโอกาสเทหมดหน้าตัก ร่วมชะตากรรมกับถังเฉา
รถมาถึงด้านล่างของอาคารจวี้เฟิงกรุ๊ปด้วยความรวดเร็ว ยังคงเป็นเลขา ฯ สาวคนนั้นที่พาพวกของถังเฉาสามคนเข้าไปยังห้องทำงานของประธาน ฯ
ในตอนนี้เอง หูเข่อเฟิงนั่งยิ้มตาหยีอยู่บนเก้าอี้เลื่อน เมื่อเห็นพวกของถังเฉาสามคนเข้ามาแล้ว บนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มสว่างไสวออกมา
“ว้าว… นี่ไม่ใช่ ‘ท่านซีอีโอถังผู้ยิ่งใหญ่’ หรอกเหรอ ได้รับการสนับสนุนจากบรรดาสมาคมผู้ถือหุ้นหรือเปล่า?”
หูอีซานคิ้วกระตุก กำลังจะตำหนิด้วยความขุ่นเคือง กลับถูกถังเฉายกมือห้ามเอาไว้
บนใบหน้าของเขามีรอยยิ้มไม่สะทกสะท้าน เขาส่ายศีรษะอย่างสบาย ๆ “เปล่าครับ ไม่ได้รับบัตรลงคะแนนเลยสักใบ บัตรทั้งหมดอยู่ในมือของคุณหมดแล้ว”
“ที่แท้แกก็รู้จักยอมรับความจริงเหรอเนี่ย?”
หูเข่อเฟิงเห็นว่าในสายตาของถังเฉาเต็มไปด้วยแววเสียดสี “แบบนี้แกยังจะกล้ามา!”
เสียงของหูเข่อเฟิงสูงขึ้นแปดระดับในชั่วพริบตา ลุกขึ้นมาจากเก้าอี้เลื่อน จ้องถังเฉาเขม็ง
“ไม่มีบัตรแม้แต่ใบเดียว ยังจะกล้ามาพนันกับฉันอีก? ฉันแนะนำให้แกรีบไปเตรียมสัญญาโอนบริษัทของเมียแกตั้งแต่เนิ่น ๆ เถอะ!”
ถังเฉายังคงไม่โมโห รินชาร้อนให้ตัวเองหนึ่งแก้ว “อย่ารีบเลยครับ นี่มันยังไม่ถึงเวลาเลยไม่ใช่เหรอครับ? อีกอย่าง จากที่ผมรู้มา ตอนนี้คุณแค่รวบรวมบัตรลงคะแนนของผู้ถือหุ้นสิบเอ็ดคนมาได้ ยังมีอีกคนหนึ่ง ที่ยังเอามาไม่ได้ ไม่ใช่เหรอครับ?”
“เหอะ ๆ”
ได้ยินคำพูดของถังเฉาแล้ว รอยยิ้มเยือกเย็นบนใบหน้าของหูเข่อเฟิงก็ยิ่งเข้มข้นขึ้น “ดูเหมือนแกจะไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตานะ!”
เพียงชั่วพริบตา มือใหญ่ของเขาโบกไหว พูดด้วยความตั้งใจว่า “ฉันจะบอกแกให้นะ ผู้ถือหุ้นคนสุดท้าย ฉันนัดแนะกับเขาไว้นานแล้ว จะเอาบัตรมาเพิ่มให้ตอนห้าโมงตรง… นี่เป็นของขวัญที่ฉันตั้งใจจะมอบให้แก ให้แกกับเจ้าโง่หูอีซานนั่นได้เป็นประจักษ์พยานนาทีที่ยิ่งใหญ่ที่ฉันได้ขึ้นเป็นประธาน!”
ท่าทางกำเริบเสิบสาน ยั่วโมโหหูอีซานอย่างถึงที่สุด แต่เขาก็กำหมัดแน่น ๆ กล้าโมโหแต่ไม่กล้าเอ่ยออกมา
ถังเฉายังคงเป่าชาร้อนเบา ๆ “ดีนี่”
ติ๊งต่อง~ ~
ในตอนนี้เอง ประตูของห้องทำงานก็เปิดออก มีเสียงของเลขา ฯ สาวส่งออกมา “ผู้จัดการหูคะ ผู้ถือหุ้นคนสุดท้ายมาถึงแล้วค่ะ”
หูเข่อเฟิงรีบลุกขึ้นยืน “รีบเชิญเขาเข้ามา!”
ผู้ชายวัยกลางคนที่สวมชุดสูท แว่นตาดำเดินเข้ามาด้วยความรวดเร็ว นั่งลงตรงหน้าหูเข่อเฟิง
บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเยาะหยัน “เห็นแล้วหรือยัง เขาก็คือผู้ถือหุ้นคนสุดท้าย!”
ประโยคนี้พูดออกไปแล้วใบหน้าของหูอีซานกับเจิงเทียนเสียงก็ขาวซีดเหมือนกระดาษในพริบตา ในใจมีเพียงความคิดเดียวว่า จบสิ้นแล้ว…
ชายวัยกลางคนที่สวมสูทคนนั้นเอาบัตรลงคะแนนของตัวเองมอบให้กับหูเข่อเฟิง แต่กลับไม่ได้จากไป แต่กลับพูดขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า “ผู้จัดการหู บัตรลงคะแนนพวกนี้ ผมจะเอาไปส่งให้ท่านหานเอง ไม่มีปัญหาใช่ไหมครับ?”
หูเข่อเฟิงขมวดคิ้ว แต่ก็ยังตอบตกลง “ครับ”
จากนั้น เขาก็จ้องไปที่ถังเฉาด้วยใบหน้าดุร้ายปราดหนึ่ง เปิดตู้เซฟต่อหน้าทุกคน หยิบเอาบัตรลงคะแนนสิบเอ็ดใบออกมา
สีหน้าของหูอีซานกับเจิงเทียนเสียงน่าเกลียดอย่างถึงที่สุด ครั้งนี้ไม่มีความหวังแล้วจริง ๆ
ชายวัยกลางคนที่สวมชุดสูทถือบัตรลงคะแนนสิบเอ็ดใบไปเดินจากไป
ทำเรื่องพวกนี้เสร็จแล้ว หูเข่อเฟิงก็มาอยู่ด้านหน้าของถังเฉาในทันที สายตาเต็มไปด้วยความเย็นชา “ไงล่ะ ถังเฉา แกยังมีอะไรจะพูดอยู่อีกไหม?”
“ผมไม่มีอะไรจะพูดแล้วล่ะครับ รอท่านหานมาแล้วค่อยมาตัดสินว่าใครแพ้ใครชนะเถอะครับ”
ถังเฉายังคงดื่มชาร้อน ยิ้มตาหยีแล้วเอ่ยขึ้น
หูเข่อเฟิงตกตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าจนป่านนี้แล้วถังเฉายังนิ่งแบบนี้อยู่อีก ฉับพลันใบหน้าก็เยือกเย็นยิ่งขึ้น
“ดี ตอนแรกฉันยังคิดว่าถ้าแกยอมรับความพ่ายแพ้ ฉันยังจะไว้หน้าแกสักหน่อย แต่ในเมื่อแกไม่ต้องการ เช่นนั้นก็อย่ามาโทษฉัน รอท่านหานประกาศ ไม่ใช่แค่แกเท่านั้น ยังมีหลินชิงเสว่เมียของแกที่จะต้องสิ้นเนื้อประดาตัว เร่ร่อนอยู่ข้างถนน!”
ถังเฉายิ้มน้อย ๆ แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร
ท่านหานยันไม้ตะพดเดินเข้ามาด้วยความรวดเร็ว
หูเข่อเฟิงรีบเข้าไปต้อนรับด้วยความกระตือรือร้นทันที “ท่านหาน รีบประกาศผลการพนันเถอะครับ”
ท่านหานมองเขาแวบหนึ่งแล้วพยักหน้า เริ่มประกาศ
“การพนันในครั้งนี้…”
เห็นว่าผลลัพธ์กำลังจะประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ หูอีซานกับเจิงเทียนเสียงตื่นเต้นจนหัวใจเต้นตุบตับ ถึงขึ้นไม่กล้าจะฟังแล้ว
สายตาของท่านหานมองไปยังหูเข่อเฟิง ทันใดนั้นก็เคลื่อนไปมองบนร่างของถังเฉาที่ดื่มชาอยู่อย่างไม่สะทกสะท้าน
“ถังเฉาชนะ!”