ชายที่ลงมาจากรถตู้ปิดบังใบหน้าเอาไว้ พวกเขาฝึกมาอย่างดี ตั้งแต่ลงรถจนจับตัวหลินชิงเสว่ ใช้เวลาไม่ถึงสองวินาที
หลินจ้าวหยูนที่ยืนอยู่ข้างๆ ยืนมองอย่างมึนงง เมื่อเธอตั้งสติได้ สีหน้าของเธอซีดเผือด เธอตะโกนออกมาว่า “พี่!”
คนที่อยู่รอบๆ ไม่เห็นว่ามีผู้หญิงโดนลักพาตัวกลางวันแสกๆ และพากันหันมามองหลินจ้าวหยูนด้วยแววตาประหลาด
เธอวิ่งตามรถตู้สีดำคันนั้นมาพักหนึ่ง จากนั้นจึงหยุดลงด้วยความเหนื่อยหอบ และยืนมองดูรถตู้คันนั้นไกลออกไป
สีหน้าของหลินจ้าวหยูนซีดเผือด ดวงตาแดงก่ำ เรื่องมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเธอไม่ทันตั้งตัว
เธอคิดไม่ถึงจริงๆ ที่นี่คือเยี่ยนจิงที่มีความปลอดภัยสูงสุด เป็นศูนย์กลางของประเทศ คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แถมคนที่โดนลักพาตัวไปยังเป็นพี่สาวของเธอด้วย
แต่ไม่นาน เธอก็ใจเย็นลง เธอรีบหยิบมือถือออกมาโทรหาถังเฉา
ในขณะเดียวกัน ภายในรถ Wrangler
ถังเฉากำลังนั่งรออย่างเบื่อหน่าย ส่วนลั่วเยนอวิ๋นกำลังอุ้มถังเสี่ยวลี้ไม่ยอมวาง พูดตรงๆ เลยว่ายัยเด็กคนนี้เหมือนหลานสาวตอนเด็กๆ ไม่มีผิด
ขณะนั้นเสียงมือถือของถังเฉาก็ดังขึ้น เสียงร้องไห้ของหลินจ้าวหยูนดังออกมา
“พี่เขย พี่โดนคนลักพาตัวไปแล้ว!”
“เป็นรถตู้ที่ไม่มีทะเบียนรถ ทุกคนปิดบังใบหน้า”
“เราจะทำยังไงดี!”
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินจ้าวหยูนพูด แววตาของถังเฉานิ่งไป ความอาฆาตอันเย็นยะเยือกแผ่ซ่านออกมา น่ากลัวจนคนที่กำลังทาลิปอยู่ข้างหน้าอย่าง ลั่วเยนอวิ๋น มือสั่น เธอทาลิปจนเต็มปาก มันดูตลกเป็นอย่างมาก
“เกิดอะไรขึ้น”
เธอหันหน้ากลับมามองถังเฉาด้วยสีหน้าจริงจัง
ถึงแม้ว่าเธอจะรู้จักถังเฉาได้ไม่นาน แต่เธอเคยสืบเรื่องเกี่ยวกับเขา ถึงจะไม่ได้อะไรกลับมา แต่เธอรู้ว่าถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่ ถังเฉาจะไม่แสดงท่าทีแบบนี้ออกมา
“ชิงเสว่โดนลักพาตัวไป”
สีหน้าของถังเฉาจริงจังเป็นอย่างมาก น้ำเสียงของเขาเย็นยะเยือก
ตัวของเขาสั่นไปหมด ความเกลียดชังก่อตัวขึ้นในใจของเขา
การที่มาเยี่ยนจิงในครั้งนี้ เขารู้ดีว่าจะต้องไม่ราบรื่นอย่างแน่นอน แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อพวกเขามาถึงที่นี่ หลินชิงเสว่ก็โดนลักพาตัว
“อะไรนะ!”
ลั่วเยนอวิ๋น เบิกตาโต จู่ๆ ในแววตาของเธอก็มีเลศนัย ความอาฆาตที่ไม่เข้ากับใบหน้าของเธอปรากฏขึ้นมา “กล้าดียังไงมาจี้ชิงตัวหลานสาวฉันในถิ่นของฉัน สงสัยจะไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว!”
เธอพูดจบก็หยิบมือถือออกมา ถังเฉารีบรั้งเอาไว้ “อย่าผลีผลาม ดูให้ชัดเจนก่อนว่าอีกฝ่ายเป็นใครและมีวัตถุประสงค์อะไร”
น้ำเสียงที่แน่วแน่ทำให้ ลั่วเยนอวิ๋น อึ้งไป เธอวางมือถือลงทันที
“นายสงสัยว่ามันจะไม่ใช่การลักพาตัวธรรมดาใช่ไหม” เธอถามขึ้น
ถังเฉาพยักหน้าอย่างจริงจัง “อำนาจในเยี่ยนจิงมีมากมาย มีคนที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์นับไม่ถ้วน คนที่ได้รับผลประโยชน์รายใหญ่ที่สุดคือใคร”
ลั่วเยนอวิ๋นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป
“ตระกูลหลวงในเยี่ยนตู!”
“ใช่ คนตั้งเยอะแยะทำไมเขาถึงไม่ลักพาตัวล่ะ จะมาลักพาตัวหลินชิงเสว่ทำไม”
“.…..”
คำพูดของถังเฉาทำให้ลั่วเยนอวิ๋นอึ้งไป ความคิดของเธอที่มีต่อถังเฉาเปลี่ยนไปมาก
จากข่าวที่เธอได้มา ถังเฉาเป็นเพียงคนที่ไม่ได้เรื่องที่แม้แต่ตระกูลเล็กๆ ในเมืองหมิงจูยังไม่ต้องการ นอกจากเคยเป็นทหาร ก็ไม่มีอะไรดีเลย
แต่ทว่าสิ่งที่ถังเฉาแสดงออกมาในการรับมือสถานการณ์ รวมถึงความสามารถในการวิเคราะห์ มันเหนือความคาดหมายของเธอมาก จนถึงขนาดที่เธอไม่สามารถเทียบเขาได้เลย
ถ้าคนที่ใจเย็นและแน่วแน่เมื่อเจอกับเรื่องลำบากคือคนไร้ประโยชน์ งั้นในโลกนี้ก็คงไม่มีอัจฉริยะแล้วล่ะ
“งั้นนายคิดว่าจะทำยังไงดี”
แววตาของ ลั่วเยนอวิ๋น จริงจัง ถ้าเป็นการลักพาตัวธรรมดา เธอสามารถใช้อำนาจของเธอในเยี่ยนจิงบุกเข้าไป
แต่เมื่อไปเกี่ยวโยงกับตระกูลหลวงในเยี่ยนตู เธอไม่สามารถทำอะไรได้
ถ้าไม่มีอะไรเธอไม่กลัวหรอก แต่นี่ยิ่งมีอำนาจก็ยิ่งมีสายตากว้างขวางไปทุกที่ และรอคอยเมื่อเธอทำผิด
เพราะทุกการกระทำของเธอหมายถึงตระกูล
โดยเฉพาะ ลั่วเยนอวิ๋น ที่เป็นน้องสาวของสาวงามอันดับหนึ่งในเยี่ยนจิงเมื่อสมัยก่อน คนคนเดียวแสดงถึงสองตระกูลหลวงในเยี่ยนตู ดังนั้นจึงจำเป็นต้องระวัง
แต่ทว่า ลั่วเยนอวิ๋น อยากให้ถังเฉาจัดการเรื่องนี้ เพราะเธออยากเห็นความสามารถของเขา
แต่ทว่าถังเฉาพูดออกมาอย่างไม่ลังเลว่า “เรื่องนี้ให้ผมจัดการเอง ผมจะพาชิงเสว่กลับมา คุณพาจ้าวหยูนกลับไปก่อน”
เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วเยนอวิ๋น จึงลังเลเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นแววตาที่แน่วแน่ของถังเฉา เธอจึงเชื่อใจเขา “ได้”
ไม่นานหลินจ้าวหยูนก็กลับมา เมื่อเธอขึ้นมาบนรถก็ร้องไห้ออกมาและพูดกับถังเฉาว่า “พี่เขย รีบไปช่วยพี่เร็วๆ”
ถังเฉาพยักหน้า “วางใจเถอะ!”
“พ่อ แล้วแม่ล่ะ”
ถังเสี่ยวลี้เงยหน้าขึ้นมามองถังเฉาด้วยความสงสัย
ถังเฉากอดลูกสาวเอาไว้ จากนั้นจึงพูดอย่างอ่อนโยนว่า “แม่ไปซื้อของอร่อยให้เสี่ยวลี้ทาน เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว”
“จริงเหรอ”
ถังเสี่ยวลี้ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
เห็นรอยยิ้มแห่งการรอคอยบนใบหน้าของลูกสาว ความอาฆาตในใจของถังเฉาก็เพิ่มขึ้นมาอีก
“งั้นเอาตามนี้”
ขณะที่ ลั่วเยนอวิ๋น กำลังจะสตาร์ทรถ ก็มีรถตู้เจ็ดแปดคันขับเข้ามา ชายฉกรรจ์ที่ตัวเต็มไปด้วยรอยสักกว่าสามสิบคนเดินลงมาพร้อมอาวุธ พวกเขาเข้ามาล้อมเอาไว้
หลินจ้าวหยูนหน้าเปลี่ยนสี เธอเอามือปิดตาถังเสี่ยวลี้เอาไว้
ลั่วเยนอวิ๋น รู้สึกโกรธอยู่ในใจ เธอลงจากรถและตวาดออกมา “พวกแกเป็นคนของใคร ถึงกล้ามาขวางรถของฉัน!”
ชายที่มีรอยแผลเป็นบนหน้าซึ่งเป็นหัวหน้าหัวเราะออกมา “รู้จักสิ นางสนมปีศาจในเยี่ยนจิงที่ใครเห็นก็กลัว เรายังรู้อีกว่าในรถยังมีคุณหนูน้อยของตระกูลหลินแห่งตระกูลหลวงในเยี่ยนตู”
ลั่วเยนอวิ๋น อึ้งไป ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะสืบประวัติของพวกเขามาเป็นอย่างดี แต่เธอก็ขมวดคิ้ว “ในเมื่อรู้ว่าพวกเราเป็นใคร ยังกล้ามาขวางอีกเหรอ!”
ชายที่มีรอยแผลเป็นบนหน้าหัวเราะขึ้นมาอีก จากนั้นจึงพูดว่า “พวกเราไม่กล้าอยู่แล้ว ดังนั้นเป้าหมายของพวกเราไม่ใช่พวกเธอ แต่เป็นเขาต่างหาก!”
พูดจบ เขาก็ชี้ไปที่ถังเฉาแล้วยิ้มออกมาอย่างร้ายกาจ “ให้ลูกสาวของมันกับมันอยู่ที่นี่ พานางสนมปีศาจกับคุณหนูน้อยแห่งตระกูลหลินไป!”
สีหน้าของ ลั่วเยนอวิ๋น เย็นชา จู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมาว่า “พวกแกกับพวกที่ลักพาตัวหลานสาวฉันไปคือพวกเดียวกันใช่ไหม”
รอยยิ้มของชายที่มีรอยแผลเป็นบนหน้าเริ่มหายไป “ลักพาตัวหลานสาวอะไร เป้าหมายของเราคือถังเฉากับลูกสาวของมันเท่านั้น!”
ลั่วเยนอวิ๋น ไม่ได้พูดอะไร เธอกัดฟันกรอดและหันไปหาถังเฉา
ตอนนี้เธอเชื่อแล้วว่าเรื่องมันต้องเกี่ยวข้องกับตระกูลหลวงในเยี่ยนตู
ขณะที่เธอกำลังจะห้ามถังเฉา เขากลับตอบตกลงออกมา
“ได้”
พูดจบเขาก็อุ้มถังเสี่ยวลี้ลงจากรถ
“ทำอะไรน่ะพี่เขย”
เมื่อเห็นถังเฉาลงจากรถ หลินจ้าวหยูนหน้าซีดทันที
เธอรู้ว่าถังเฉามีความสามารถด้านการต่อสู้ แต่อีกฝ่ายมีตั้งสามสิบกว่าคน แถมยังมีอาวุธอีกด้วย!
“ไป!”
ถังเฉาหันกลับมาแล้วเอ่ยขึ้น
คนที่อยู่บนรถอย่างหลินจ้าวหยูนและลั่วเยนอวิ๋นตกใจ เพราะพวกเธอเห็นความโกรธภายในดวงตาของถังเฉา
ถังเฉาโมโหขึ้นมาแล้ว
ลั่วเยนอวิ๋นตั้งสติได้ เธอกัดฟันแล้วพูดว่า “นายยื้อไว้ก่อน ฉันจะรีบไปตามคนมา”
พูดจบ เธอก็เหยียบคันเร่ง รถเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
“ไม่มีนางสนมปีศาจกับคุณหนูน้อยแห่งตระกูลหลิน ก็ไม่มีใครปกป้องแกได้อีก!”
ชายที่มีรอยแผลเป็นบนหน้าแสยะยิ้มออกมา เขาสะบัดมือและเรียกให้ลูกน้องมาล้อมถังเฉากับถังเสี่ยวลี้เอาไว้
“คุณพ่อ หนูกลัว”
ถังเสี่ยวลี้กอดขาของถังเฉาเอาไว้แน่น จากนั้นก็พูดออกมาเบาๆ
“ไม่เป็นไร มีพ่ออยู่ทั้งคน”
ถังเฉาลูบถังเสี่ยวลี้เบาๆ จู่ๆ เขาก็จ้องชายที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้า “พวกแกจะฆ่าฉันเหรอ”
“ยังนับว่ามีสตินี่”
ชายที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าแสยะยิ้มออกมา “บอสที่ต้องการฆ่านายบอกว่า ถ้านายหลบอยู่ในเมืองหมิงจูอย่างสงบ เขาจะไม่ทำอะไรนาย แต่นายไม่รู้ว่าอะไรดีอะไรชั่วและมาที่เยี่ยนจิง…”
เขาไม่ได้พูดประโยคต่อไป แต่ถังเฉาเข้าใจความหมายที่เขาต้องการจะสื่อ แต่สีหน้าของถังเฉาไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย
เขายิ้มออกมาอย่างเยือกเย็นแล้วมองไปรอบๆ “ที่นี่คงไม่มีใครมาใช่ไหม”
“นายยังหวังว่าจะมีใครมาช่วยอีกเหรอ”
ชายที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้ามีสีหน้าตกใจ “อย่าหวังเลย ฉันขัดขวางทางไว้หมดแล้ว ไม่มีใครมาช่วยนายได้หรอก อีกอย่างกล้องวงจรปิดก็ถูกปิดไว้หมดแล้ว”
“ถังเฉา จนถึงตอนที่แกตาย แกก็ไม่รู้หรอกว่าไปล่วงเกินใครเอาไว้!”
“รวมถึงลูกของแกด้วย เธอเพิ่งจะห้าขวบ แต่ต้องตายเพราะแก! ฮ่าๆๆๆ”
เมื่อพูดจบ ชายที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าก็หัวเราะออกมา
แต่ทว่าถังเฉากลับส่ายหน้า “แกเข้าใจผิดแล้วล่ะ ในเมื่อพวกแกเลือกที่ฝังศพของพวกแกดีแล้ว ฉันจะได้ไม่ต้องเปลืองแรง”
“อะไรนะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ชายที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าก็อึ้งไป เขามองถังเฉาอย่างสับสน
แต่ถังเฉาไม่สนใจพวกเขา และลูบหัวของถังเสี่ยวลี้เบาๆ
“เสี่ยวลี้ พ่อพาหนูไปคีบตุ๊กตาดีไหม”
ถังเสี่ยวลี้ยังดูกลัวอยู่เล็กน้อย แต่เธอก็พยักหน้าอย่างหวาดระแวง “ค่ะ”
“ไปกันเถอะ”
ถังเฉาจูงมือถังเสี่ยวลี้ สองพ่อลูกหันหลังเดินออกไป
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
ชายที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าโกรธมาก เขาแผดเสียงออกมา “ใกล้จะตายอยู่แล้วยังกล้าอวดดี พวกเราเข้าไปฆ่ามันให้ตาย แม้แต่เด็กก็ไม่ต้องเว้น!”
“ครับพี่เสือ!”
ทุกคนหยิบมีดตัดฟืนขึ้นมาเดินเข้าไปหาถังเฉา
แต่ทว่าถังเฉากลับจูงเสี่ยวลี้ไม่หันหลังกลับมาและเดินต่อไปเรื่อยๆ
ขณะนั้นก็มีเงาสีดำโผล่มาตรงหน้า
ผมสีดำ ดวงตาแดงก่ำ
เมื่อร่างของใครบางคนผ่านตัวของถังเฉาไป แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
“ฆ่าให้หมด อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว”
“ค่ะ รองหัวหน้า”
เฟิ่งหวงตอบรับเบาๆ
วินาทีต่อมาก็มีแสงของมีดมากมายสว่างขึ้น แรงอาฆาตที่เหมือนทะเลเลือดแผ่ซ่านออกมา!