ทั่วทั้งตระกูลหลวงในเยี่ยนตูเงียบสงัดราวกับตาย ทุกคนที่เดิมทีเอาความสนใจไปอยู่บนร่างของถังเฉา เคลื่อนย้ายทั้งหมดมาอยู่ที่ชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ที่เดินมาทางนี้
ตึง! ตึง! ตึง!
จังหวะก้าวเท้าของเขาสงบนิ่ง รองเท้าหนังที่มันวาวคู่หนึ่งยึดพื้นเบา ๆ ส่งเสียงเป็นจังหวะที่เต็มไปด้วยความไพเราะเสนาะหู แต่ว่าหัวใจของทุกคนที่อยู่ที่นั่นเต้นถี่ เต้นตามจังหวะการก้าวเดินนี้
เห็นได้ชัดว่าที่นี่วุ่นวายยุ่งเหยิง เห็นได้ชัดว่าหลานชายของเขาถูกถังเฉาสั่งสอนจนกลายไปเป็นแบบนี้ แต่ว่า… เขากลับยังคงไม่โกรธ กวาดตามองทั้งสถานที่ด้วยสายตาสงบนิ่ง
มองดูชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่คนนี้ ดวงตาของหลินจ้าวหยูนก็สว่างวาบปรากฏแววยินดี
ลั่วเยนอวิ๋นกลับเบะปาก หันหน้าหนี
และรูม่านตาของหลินชิงเสว่ก็หดลงเล็กน้อยในทันที จากนั้นสีหน้าก็ซับซ้อนตามมา ความรู้สึกที่พูดออกมาได้ไม่ชัดเจนปรากฏอยู่บนใบหน้า
มีความคิดถึง มีความโกรธเคือง มีความเกลียดแค้น ทั้งยังมี… ความเคารพ
ท้ายที่สุดความรู้สึกร้อยแปดพันเก้าก็กลับมาสู่ความสงบทั้งหมด
ความสงบที่ตายด้าน
“ผู้นำ!”
พวกของหลินอิ่นรีบรุดมาอยู่ตรงด้านหน้าของชายวัยกลางคน ทักทายเสียงต่ำ
“ผู้นำ ช่วยผมด้วย…”
หลินโป๋หลายเองก็พยายามใช้แรงทั้งหมด เค้นคำสี่คำออกมาด้วยใบหน้าขาวซีด
ผู้นำ!
คำสองคำนี้สั่นสะเทือนจิตใจของถังเฉาอย่างล้ำลึก สายตาของเขาก็เยียบเย็นตามไป จ้องชายคนที่ยิ่งใหญ่ราวกับมหาสมุทร
คนที่สามารถทำให้หลินชิงเสว่เผยความรู้สึกแบบนี้ออกมาให้เห็นได้ ทั้งยังทำให้พวกของหลินอิ่นและหลินโป๋หลายร้องเรียกว่าผู้นำได้ มีเพียงคนคนนี้คนเดียวเท่านั้น!
หลินรั่วหวี!
ถังเฉาเองก็หรี่ตาลงพิจารณาชายวัยกลางคนที่สูงใหญ่คนนี้
อายุอานามของเขาประมาณสี่สิบห้าสิบปี แต่กาลเวลาไม่ได้ทิ้งร่องรอยไว้บนร่างกายของเขามากมายนัก เครื่องหน้าของเขา ผิวพรรณของเขาดูอบอุ่นนุ่มนวลเปล่งประกายราวกับหยก ในทางกลับกันก็มีกลิ่นอายความเป็นผู้ใหญ่ที่ล้ำลึกตามธรรมชาติ แค่มองก็รู้ว่าถูกกาลเวลาขัดเกลามา
สวมชุดสูทสีดำเรียบง่ายทั้งตัว แต่กลับดูยิ่งใหญ่เหมือนผู้สูงศักดิ์ในประเพณีนิยม บ่าหนากว้างราวกับสามารถแบกโลกไว้ได้ทั้งใบ สุขุมหนักแน่นเป็นผู้ใหญ่ เพียบพร้อมไปด้วยเสน่ห์ของผู้ชายเต็มวัย เพียงแค่สายตาเดียว แม้แต่ถังเฉาที่เป็นบุคคลที่มีระดับเช่นนี้ก็ยังได้รับความกดดันอย่างเบาบาง
“อืม”
สำหรับการทักทายของพวกของหลินอิ่นทุกคน หลินรั่วหวีเพียงแค่พยักหน้าอย่างเรียบเฉย
ท่าทางที่เรียบง่ายเช่นนี้ทำให้บรรยากาศของที่นี่เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมมีพิธีรีตองในทันที ทุกคนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
ทันใดนั้นสายตาของหลินรั่วหวีก็จ้องถังเฉากับหลินชิงเสว่ที่กอดเขาไว้แน่นอย่างคมกริบ ในดวงตามีความปรารถนาที่จะสังหารวาบผ่านอย่างไม่ปกปิดเลยสักนิด
หลินชิงเสว่ปล่อยถังเฉาทันที เดินหน้าขึ้นมาหนึ่งก้าวเล็ก ๆ อยากจะไปยืนอยู่ด้านหน้าของถังเฉา แต่กลับพบว่าถังเฉากลับเร็วกว่าเธอหนึ่งก้าว มายืนอยู่ด้านหน้าของเธอแล้ว สายตาจ้องมองเขากลับอย่างไม่หวาดกลัวเลยสักนิด
เฟิ่งหวงที่อยู่ด้านข้างก็กุมคมมีด ทั้งตัวขึงตึง จ้องหลินรั่วหวีอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ
“ออกไป”
ถังเฉาตวาดเสียงต่ำ
“แต่ว่า รองหัวหน้าคะ…”
“ออกไป!”
ถังเฉาตวาดอย่างเดือดดาล สายตาของเฟิ่งหวงขัดขืนอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงออกไปจากบ้านใหญ่ตระกูลหลิน
“ถ้าหากผมเป็นคุณก็จะไม่มีทางทำร้ายคนที่นี่”
หลินรั่วหวีมองถังเฉา พูดประโยคแรกหลังจากที่ทั้งสองได้พบกัน
พูดแล้วก็ทำให้คนอื่นอยากจะร้องไห้ ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์เป็นพ่อตากับลูกเขย กลับได้มาเจอกันด้วยวิธีการที่ไม่น่าเบิกบานใจเช่นนี้
ถังเฉาปล่อยมือทันที หลินโป๋หลายร่วงลงบนพื้นดังตุบ
ทั้งกระบวนการนี้ สายตาของเขาไม่ได้หายไปจากหลินรั่วหวีเลย
อย่างไรก็ตาม จิตใจของหลินรั่วหวีไม่ได้อยู่บนร่างของเขาโดยสิ้นเชิง แต่กลับมองหลินชิงเสว่ที่อยู่ด้านหลัง
สายตาเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนในชั่วพริบตา ความกดดันบนตัวถังเฉาก็หายไปอย่างรวดเร็ว
“ในที่สุดลูกก็ยอมกลับบ้านแล้ว”
น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน บนใบหน้าที่ตกตะกอนของกาลเวลา นึกไม่ถึงว่าจะปรากฏรอยยิ้มจากแห่งความรัก
หลินชิงเสว่รับสายตาที่แผดเผาเช่นนี้ไม่ได้ มองไปทางอื่นอย่างไม่เป็นธรรมชาติเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังคงมีใบหน้าเย็นชา เอ่ยว่า “หนูกลับบ้าน ไม่ได้หมายความว่าหนูจะยกโทษให้คุณ”
หลินรั่วหวีกลับไม่ถือสาถ้อยคำเย็นชาแบบนี้เลยสักนิด ตรงกันข้าม รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งเข้มข้นขึ้น
มองรอยยิ้มที่หลินรั่วหวีส่งออกมาจากใจ หัวใจของถังเฉาก็สั่นน้อย ๆ เจตนาร้ายที่มีต่อหลินรั่วหวีลดลงไปเยอะ
พ่อคนหนึ่งที่จริงใจกับลูกสาว ไม่มีทางเป็นคนเลวแน่ ๆ
“คุณแม่ขา!”
ในตอนนี้เอง ถังเสี่ยวลี้ดิ้นหลุดออกจากอ้อมกอดของหลินจ้าวหยูน วิ่งโขยกเขยกมาอยู่ตรงหน้าของหลินชิงเสว่ อ้าแขนเล็ก ๆ หมายจะกอด
หลินชิงเสว่รีบกอดถังเสี่ยวลี้ทันที และในเวลาเดียวกันนี้เอง สายตาก็มองหลินรั่วหวีอย่างระมัดระวังตัว
ถังเฉาเองก็เกร็งไปทั้งตัว เตรียมจะลงมือในทันที เขารู้ว่าทั้งตระกูลหลวงในเยี่ยนตูล้วนแต่มองลูกสาวของพวกเขาเป็นลูกนอกสมรส
แต่ทว่าสายตาที่หลินรั่วหวีมองไปทางถังเสี่ยวลี้นั้น ไม่มีความรังเกียจเหมือนที่สังคมภายนอกร่ำลือกันเลยสักนิด ตรงกันข้าม กลับมีรอยยิ้มที่ซับซ้อน
“นี่คือลูกของหนูเหรอ?” เขาถาม
หลินชิงเสว่ลังเลอยู่นาน สุดท้ายก็พยักหน้าหนัก ๆ “อื้ม!”
จากนั้นก็ตบศีรษะของถังเสี่ยวลี้เบา ๆ “เสี่ยวลี้ เรียกคุณตาสิลูก”
ถังเสี่ยวลี้เบิกดวงตากลมโตด้วยความประหลาดใจ และมองหลินรั่วหวี
กะพริบตา จากนั้นก็หันหน้ามาแล้วพูดว่า “เขาไม่ใช่คุณตาของหนูค่ะ หนูไม่เรียก!”
ถังเฉากับหลินชิงเสว่ล้วนตะลึงนิด ๆ อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามว่า “ทำไมเสี่ยวลี้ถึงรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คุณตาของหนูล่ะคะ?”
“เพราะว่า… เขาไม่ดีต่อคุณแม่เลยสักนิดเดียว อีกอย่าง… หนูไม่เคยเจอเขามาก่อน ถ้าเขาเป็นคุณตาของเสี่ยวลี้ละก็ ทำไมถึงไม่มาหาเสี่ยวลี้ล่ะ?”
พูดมาถึงข้างหลัง ในศีรษะน้อย ๆ ของถังเสี่ยวลี้ก็เต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ
คำพูดของถังเสี่ยวลี้ทำให้หลินชิงเสว่สั่นไปทั้งตัว กัดริมฝีปากแน่น ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังคิดอะไรอยู่
สายตาของหลินรั่วหวีก็เปลี่ยนเป็นเข้มงวด มีพริบตาหนึ่งที่มืดครึ้ม
ถังเฉาลอบถอนหายใจเบา ๆ ว่ากันว่าคำพูดของเด็กบริสุทธิ์ไร้พิษภัย แต่บ่อยครั้งที่หนึ่งประโยคของเด็กที่พูดออกมาอย่างไม่ระมัดระวัง แหย่โดนความในใจของพวกผู้ใหญ่ที่ไม่ยินดีจะหวนกลับไปคิดที่สุด
แต่ว่าความเงียบนี้คงอยู่ได้ไม่นาน บนใบหน้าของเขาก็ยิ้มแย้มออกมา “เป็นเด็กที่ฉลาดมาก เหมือนเธอมากจริง ๆ”
คำพูดนี้ทำให้หลินชิงเสว่สั่นเบา ๆ อีกครั้ง ‘เธอ’ ที่หลินรั่วหวีพูดถึง ไม่ต้องบอกก็รู้
พูดประโยคนี้จบเขาก็เดินก้าวยาว ๆ ไปทางปราสาท
ถังเฉาจับตามองแผ่นหลังของหลินรั่วหวี ร่างกายค่อย ๆ ผ่อนคลายลงทีละนิด ๆ
เขายังนึกว่าจะมีการปะทะที่ดุเดือดกับหลินรั่วหวีแหนะ แต่ตั้งแต่ต้นจนจบ เพียงแค่ให้เขาปล่อยหลินโป๋หลายไป ไม่ได้เอ่ยต่อต้านเขากับหลินชิงเสว่เลยสักประโยค
“ผู้นำ!”
ในตอนนี้หลินโป๋หลายก็ไล่ตามเขาไปด้วยความร้อนใจเต็มใบหน้า พูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองว่า “เจ้าหมอนี่ทำให้น้องสาวด่างพร้อย ทั้งยังพาลูกนอกสมรสของเขามาถึงเยี่ยนตูอย่างเปิดเผยอีก ยิ่งลงมือจนผมกลายเป็นแบบนี้ ทำไมถึงไม่ลงโทษเขาครับ?”
หลินรั่วหวีกวาดตามองเขาอย่างเฉยเมย ไม่ได้ให้ความสนใจ
ความร้อนใจบนใบหน้าของหลินโป๋หลายยิ่งหนักขึ้นทันที “ผู้นำ!”
“ยังขายหน้าไม่พออีกเหรอ?”
หลินรั่วหวีหันกลับมาทันที เอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งว่า “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้เรื่องที่พวกนายทำกับเธอนะ!”
ทันใดนั้นหลินโป๋หลายก็สั่นเทิ้มไปทั้งตัวทันที สายตาหวาดกลัวจนถึงขีดสุด
“ฉันหวังว่าพวกนายจะเข้าใจเรื่องเรื่องหนึ่ง คือไม่ว่าจะตอนไหน เธอก็เป็นลูกสาวของฉัน!”
ในดวงตาของหลินรั่วหวีมีพลังที่เยือกแข็ง พูดประโยคนี้จบก็หมุนตัวเข้าห้องไป
และเสื้อผ้าด้านหลังของพวกของหลินโป๋หลายกับหลินอิ่นก็ถูกเหงื่อเย็น ๆ อาบจนเปียกชื้น นึกไม่ถึงว่าท้ายที่สุดจะมีความรู้สึกเหมือนดีใจที่ได้มีชีวิตใหม่ ตอนนี้ไม่กล้าอยู่ต่อ แยกย้ายกันออกไปจากที่นี่
เพียงแต่ว่าก่อนจะจากไป สายตาก็มองถังเฉาอย่างเย็นยะเยือก
ถังเฉาไม่เก็บเอามาใส่ใจเลยสักนิด เพียงแค่รู้สึกหวาดกลัวว่าที่พ่อตาคนนี้มากยิ่งขึ้น
เขาไม่ได้แค่ทำลายแผ่นป้ายของตระกูลหลินเท่านั้น ทั้งยังแหกอกหลินโป๋หลาย เดิมนึกว่าหลินรั่วหวีจะต้องลงโทษเขาแน่ ๆ แต่สุดท้าย คนที่โดนตักเตือนกลับเป็นพวกเขา
เพราะเขารู้จักแบ่งแยกบุญคุณความแค้นเหรอ?
ถังเฉาไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น
เหตุผลที่พ่อตาทำเช่นนี้มีเพียงอย่างเดียว
นั่นก็คือทำเพื่อหลินชิงเสว่
ในใจของเขา ความสำคัญของหลินชิงเสว่นั้นเหนือกว่าทั้งตระกูลหลวง ถ้าหากไม่ยอมรับตน หนทางข้างหน้าของตนกับหลินชิงเสว่ต้องยากที่จะเดินแน่ ๆ
ในตอนนี้เอง ผู้เฒ่าผมขาวเคราขาวยันไม้ตะพดคนหนึ่งก็เดินมาอยู่ตรงหน้าของถังเฉาด้วยรอยยิ้ม ผายมือเป็นท่วงท่า ‘เชิญ’
“คุณถังครับ นายท่านให้มาเรียนเชิญครับ”