ความเงียบเหมือนตายนี้ต่อเนื่องไปเป็นเวลานาน ถึงได้โดนเสียงตะโกนของหานเทียนเจิ้งทำลาย
“เร็ว รีบไปตรวจสอบ!”
ด้วยความรวดเร็ว ผู้หญิงสองคนวิ่งเข้ามา ตรวจสอบบัตรผ่านประตูบนพื้นด้วยความคล่องแคล่ว จัดระเบียบทีละใบ ๆ จนเสร็จสิ้น
พวกเธอหนึ่งคนถือเครื่องสแกนอินฟราเรด อีกคนกรีดนับด้วยความรวดเร็วเหมือนเครื่องนับธนบัตร จากนั้นก็มาอยู่ตรงหน้าของหานเทียนเจิ้ง
“ท่านหานคะ ตรวจสอบทั้งหมดเรียบร้อยแล้วค่ะ ทั้งหมดล้วนเป็นบัตรผ่านประตูงานประมูลค่ะ”
ประโยคสั้น ๆ ง่าย ๆ กลับทำให้รูม่านตาของหานเทียนเจิ้งหดด้วยความรวดเร็ว จิตใจสั่นสะท้าน
ถ้าหากพูดว่าครั้งที่แล้วถังเฉาเพียงแค่แสดงปัญญาในการอ่านใจคนต่อหน้าหานเทียนเจิ้งแล้วละก็ ถ้าเช่นนั้นครั้งนี้ ก็คือพลังอำนาจที่แท้จริงแล้ว
สมัยนี้อะไร ๆ ก็ทำของปลอมได้ บัตรผ่านประตูก็เช่นกัน ดังนั้นจึงได้ใช้เครื่องสแกนอินฟราเรดมาตัดสินว่าเป็นของจริงหรือของปลอม แถมบัตรผ่านประตูพวกนี้ล้วนแต่เป็นของจริง เพียงพอที่จะพิสูจน์ฐานะของถังเฉาได้ว่าห่างไกลจากที่เขาจินตนาการไว้มาก
หานเทียนเจิ้งเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก รับบัตรผ่านประตูปึกนั้นมาอย่างเอาจริงเอาจัง ยื่นคืนให้กับถังเฉาด้วยมือทั้งคู่ เอ่ยเสียงต่ำว่า “คุณถังครับ ตรวจสอบทั้งหมดแล้ว เป็นบัตรผ่านประตูจริง ๆ ผมต้องขอโทษท่านที่พวกผมเสียมารยาทด้วย!”
พูดจบก็โค้งเก้าสิบองศา
ฉากนี้สะเทือนจิตใจคนในงาน โดยเฉพาะเซี่ยหรูหลงกับลู่โป๋หานสองคน ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน? จะต้องเกิดข้อผิดพลาดที่ไหนสักแห่งแน่ ๆ บัตรผ่านประตูมากมายขนาดนั้น ต้องเป็นของปลอมที่เขาหาคนมาปลอมแปลงแน่ ๆ!”
เซี่ยหรูหลงเอาความอายเปลี่ยนเป็นความโกรธ ตวาดลั่น
“ตอนที่พวกเราไม่ได้เอาบัตรผ่านประตูออกมานายก็พูดว่าพวกเราลักลอบเข้ามา ตอนนี้พวกเราเอาออกมาแล้วนายก็พูดอีกว่าเป็นของปลอม ตกลงนายขาดความมั่นใจแค่ไหนกันแน่ ถึงได้หลบหนีความจริงเช่นนี้?”
จ้าวเย็นหรานยืนอยู่ด้านหลังของถังเฉา พูดด้วยใบหน้าเสียดสี
ที่จริงแล้ว ในตอนที่พูดประโยคนี้ออกมา ก้นบึ้งของหัวใจเธอสั่นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ถึงแม้ในใจจะเข้าใจดี รู้ว่านี่เป็นสิ่งที่หลัวปู้ให้มา แต่ในชั่วพริบตาที่ถังเฉาโยนออกไป เธอยังรู้สึกว่าในใจตื่นเต้นหาใดเปรียบ
ผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์เหลือเกิน!
ดวงตาของจ้าวเย็นหรานเปล่งประกายระยิบระยับ ตัดสินใจแล้วว่าตนจะต้องเป็นผู้หญิงของเขาให้ได้ แม้ว่าจะต้องเป็นคนรักลับ ๆ…
คำพูดของเซี่ยหรูหลงเองก็ยั่วให้หานเทียนเจิ้งโกรธ เขากวาดตามองเซี่ยหรูหลงแวบหนึ่ง เอ่ยเสียงต่ำว่า “ทำไมเหรอ นายกำลังสงสัยฉัน?”
สีหน้าของเซี่ยหรูหลงเปลี่ยนแปลงไปอย่างใหญ่หลวง ส่ายหัวอย่างร้อนรน “มิกล้า! ผมเพียงแค่ไม่เชื่อว่าเขาจะสามารถเอาบัตรผ่านประตูมากมายขนาดนั้นออกมาได้…”
หานเทียนเจิ้งหัวเราะเสียงเย็นออกมา “วิธีการของคุณถัง นายจะเดาออกได้ที่ไหนกัน ยังไม่รีบขอโทษคุณถังอีก!”
คำพูดนี้ของเขาติดเสียงสั่น ๆ แต่ไม่ใช่การสรรเสริญเยินยออย่างสุดความสามารถ แต่เป็นการพบหน้ากันสองครั้ง วิธีการที่ถังเฉาแสดงออกมา แม้แต่คนแก่อย่างเขาที่ใช้ชีวิตมาเกินครึ่งแล้วล้วนรู้สึกหวาดกลัวสุดขีด
ไม่ต้องพูดถึงครั้งนี้ ลำพังแค่คราวที่แล้วที่เอาจวี้เฟิงกรุ๊ปไปได้อย่างชาญฉลาด ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดา ๆ จะทำได้
เขามีลางสังหรณ์บางอย่าง ถ้าหากเป็นศัตรูของคนคนนี้ละก็ จะตายอย่างไรไม่อาจรู้ได้เลย
ดวงตาของเซี่ยหรูหลงเบิกกว้างในชั่วพริบตา “ท่านหานครับ ท่านให้ผมขอโทษลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านภรรยาคนหนึ่ง?”
“นายไม่ยินยอม?”
สีหน้าของหานเทียนเจิ้งเปลี่ยนเป็นมืดครึ้มในชั่วขณะ ในดวงตาที่เข้มแข็งมีพลัง รังสีสังหารวาบผ่านไป
เขาเกือบจะได้เป็นศัตรูกับถังเฉามาสองครั้งติดต่อกันแล้ว จะต้องทำให้เขารู้สึกไม่พอใจมาก ๆ แน่ ถ้าหากยังไม่ทำอะไรอีก น่าจะไม่มีโอกาสกอบกู้คืนมาแล้ว
เซี่ยหรูหลงกัดฟันพูดว่า “ไม่ใช่ว่าผมไม่ยินยอม แต่ว่านี่มันเป็นไปไม่ได้!”
“เขาจะต้องใช้วิธีอะไรมาบดบังสายตาแน่ ถึงได้หลอกสายตาของท่านหานได้ โอกาสนี้ แม้แต่ภรรยาของเขายังไม่มีคุณสมบัติจะได้เข้าร่วม ลูกเขยแต่งเข้าบ้านคนหนึ่งอย่างเขามีคุณสมบัติอะไรจะได้เข้าร่วม?”
“บังอาจ!”
หานเทียนเจิ้งตวาดเสียงดัง ตบหน้าเขาไปแรง ๆ หนึ่งที “แม้แต่ผู้นำของตระกูลพวกนายก็ล้วนไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งของฉัน นายเป็นแค่ทายาทเล็ก ๆ คนหนึ่ง กล้ามาเถียงกับฉัน?”
พอคำพูดนี้ดังออกมา บรรยากาศในงานก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมในฉับพลัน
ทุกคนเงียบเป็นเป่าสาก ไม่กล้าหายใจแรง
เซี่ยหรูหลงอดที่จะมองลู่โป๋หานแวบหนึ่งไม่ได้ รอลู่โป๋หานพูดสนับสนุนเขา
นึกไม่ถึงว่าลู่โป๋หานที่ยังเชื่องช้าอยู่ก่อนหน้านี้จะไม่ออกเสียง สีหน้าเปลี่ยนเป็นเข้มงวดใหม่อีกครั้ง
ตระกูลเซี่ยกับตระกูลลู่คบค้ากันมาหลายรุ่น ดังนั้นพวกเขาสองคนจึงออกเดินทางด้วยกันบ่อย ๆ ความคิดที่ว่าถังเฉาเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าบ้าน เป็นเซี่ยหรูหลงที่ถ่ายทอดให้กับเขา
แต่ว่าตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ปกติ
นี่มันเป็นความสามารถของลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านภรรยาที่ไหนกัน? เห็นได้ชัดว่าเบื้องหลังใหญ่โต เป็นคุณชายจากตระกูลร่ำรวยมีอิทธิพลที่แผนสูงลึกล้ำสุดขีด!
หลังจากนั้นถังเฉาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกแม้แต่ประโยคเดียว เป็นแค่มองสภาพการณ์ที่อยู่ตรงหน้าอย่างเงียบสงบ
ดังนั้นสายตาของหานเจิ้งเทียนก็ยิ่งมืดครึ้มขึ้น “ถ้าหากนายไม่ขอโทษ ตอนนี้ก็ไสหัวไปจากที่นี่ซะ แล้วก็ตัดชื่อออกไปตั้งแต่นี้ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปห้ามมาเข้าร่วมงานประมูลอีก!”
ในที่สุดสีหน้าของเซี่ยหรูหลงก็เปลี่ยนเป็นซีดขาว สูดลมหายใจเข้าหนึ่งเฮือก
ถ้าหากตระกูลเซี่ยถูกตัดชื่อละก็ ถ้าอย่างนั้นผู้นำจะต้องไม่ปล่อยเขาเอาไว้แน่!
คิดมาถึงตรงนี้ใบหน้าของเขาก็ต่อสู้ดิ้นรนไม่มีที่สิ้นสุด
ลังเลใจอยู่นาน เขาก็มาอยู่ตรงหน้าของถังเฉา โค้งเก้าสิบองศาให้กับเขา “คุณถังครับ ผมผิดไปแล้ว หวังว่าคุณจะไม่เก็บไปใส่ใจนะครับ”
ถังเฉากลับหัวเราะเสียงเรียบออกมา มองเขาด้วยท่าทางชั่วร้าย “ขอโทษแค่ประโยคเดียวก็จบแล้วเหรอ?”
ได้ยินอย่างนั้น สีหน้าของเซี่ยหรูหลงก็เปลี่ยนเป็นไม่น่ามองยิ่งขึ้น ถังเฉาต้องการจะสอบสวนเรื่องนี้จนถึงที่สุดแล้ว
เป็นจริงดังนั้น ถังเฉาพูดจบ หานเทียนเจิ้งก็ทำสีหน้าจริงจังทันที เอ่ยอย่างเข้มงวดว่า “คุณถังครับ มีเงื่อนไขอะไร ท่านพูดออกมาได้อย่างเต็มที่ ถึงอย่างไรเรื่องนี้ผมก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบ”
“ไม่เกี่ยวกับคุณ”
ถังเฉาโบกไม้โบกมือ ทำให้หานเทียนเจิ้งคลายใจไปไม่น้อย
เห็นเพียงสายตาของเขาตกลงบนร่างของสื่อเหลยที่ไม่ได้พูดอะไรมาโดยตลอด หลังจากที่เขาล้วงเอาบัตรผ่านประตูออกมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่ประโยคเดียว
ทันใดนั้นทั้งร่างของสื่อเหลยก็สั่นอย่างรุนแรง มีความรู้สึกเหมือนถูกสัตว์ร้ายจ้องเอาไว้เขม็ง
ถังเฉาชี้มาที่เขา มองเซี่ยหรูหลง “คุณสนิทกับเขามากใช่ไหม?”
คำนี้พูดออกมาแล้ว ทุกคนก็ล้วนรู้ว่าเขาจะลงมือกับสื่อเหลยแล้ว
บนใบหน้าของจ้าวเย็นหรานปรากฏรอยยิ้มเยียบเย็นขึ้นมา คาดไม่ถึงว่าในใจจะมีความรู้สึกสบายอกสบายใจเหมือนความแค้นใหญ่ได้รับการล้างแค้น สีหน้าของสื่อเหลยเปลี่ยนเป็นขาวซีด มองเซี่ยหรูหลงด้วยสีหน้าตึงเครียด
ในใจของเขาภาวนาไม่หยุด หวังว่าเซี่ยหรูหลงจะปล่อยเขาไป
แต่ทว่า ในใจของเซี่ยหรูหลงสงบไปไม่น้อย มองสื่อเหลยอย่างเยียบเย็น ส่ายศีรษะอย่างตรงไปตรงมา “ไม่สนิท ผมชอบเขาเพียงเพื่อต่อไปจะสนับสนุนให้เขาเป็นผู้นำของตระกูลจ้าว หลังจากนั้นจะได้ควบคุมเขาง่าย ๆ ก็เท่านั้น ถึงอย่างไรอำนาจใต้ดินที่มากมายมหาศาลนี้ก็ดึงดูดใจเป็นอย่างมาก
“ถ้าหากนายไม่ยินดีที่จะเป็นเขาขึ้นตำแหน่ง ผมทอดทิ้งเขาได้ทันที”
“ยังมีตระกูลลู่ของผมด้วย ก็เป็นเช่นนี้”
ในตอนนี้ ลู่โป๋หานก็เอ่ยปากขึ้นในจังหวะที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง กล่าวว่า “สำหรับผมแล้วเขาแค่มีประโยชน์ให้ใช้ ก็แค่เท่านี้”
ชั่วพริบตา สีหน้าของสื่อเหลยก็เปลี่ยนเป็นขาวซีด ทั้งร่างสั่นสะท้านไม่หยุด
ตุบ!
พักหนึ่งเขาก็คุกเข่าอยู่ตรงหน้าของเซี่ยหรูหลงกับลู่โป๋หาน เอ่ยขอร้องว่า “คุณชายลู่ คุณชายเซี่ย ขอร้องพวกคุณล่ะ อย่าทิ้งผมเลย!”
“รอผมได้เป็นผู้นำตระกูลจ้าวแล้วจะเชื่อฟังแต่พวกคุณ!”
“ไสหัวไป!”
เซี่ยหรูหลงถีบเขาคว่ำในครั้งเดียว สีหน้าเย็นยะเยือก “ผมบอกคุณอย่างชัดเจนมาก ๆ ก็ได้ คนแบบคุณน่ะ ไม่มีทางเป็นผู้นำได้ตลอดไป!”
ดูมาถึงตรงนี้ ในที่สุดถังเฉาก็ลุกขึ้น กวาดตามองเขาอย่างเยียบเย็นแวบหนึ่ง
“อย่าให้มีครั้งต่อไป”
ในพริบตานี้ ไม่ว่าจะเป็นเซี่ยหรูหลง หรือว่าลู่โป๋หานก็ล้วนแต่เหมือนตกอยู่ในอุโมงค์น้ำแข็ง