เมื่อเห็นยอดฝีมือของตระกูลเหยียนมารวมตัวกันพร้อมหน้า แววตาของเหยียนชางเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม
“ทุกคน มุ่งหน้าไปสวนของตระกูลซ่ง ช่วยชีวิตลูกชายของฉัน!”
ปีนี้เหยียนชางอายุหกสิบเก้าปี มีลูกชายตอนอายุสี่สิบปี ก็ต้องสนใจเหยียนเสี้ยงหม่ามากๆเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
โดยเฉพาะเหยียนเสี้ยงหม่าไม่เพียงมีศิลปะการต่อสู้ที่โดดเด่น แล้วยังฉลาดอีกด้วย จึงยิ่งทำให้เหยียนชางยึดมั่นในการตัดสินที่จะมอบตระกูลเหยียนให้เขาเป็นผู้สืบทอดต่อไป
แต่วันนี้ กลับได้รับสายของลูกชาย ต้องรับรู้ว่าเขากำลังตกอยู่ในอันตราย แล้วจะไม่ให้เขาอาฆาตแค้นได้อย่างไรกัน
“คนที่ข่มขู่ลูกชายฉัน คือวัยรุ่นคนหนึ่งที่ชื่อว่าถังเฉา!”
เมื่อได้ยินแล้ว หนึ่งในผู้คนตัวสั่นขึ้นมาทันใด จากนั้นก็รีบห้ามปลามไว้
“ท่านประธาน ต้องไตร่ตรองให้ถีถ้วนนะครับ ถังเฉาคนนี้ คือผู้โหดเหี้ยมที่ต่อสู้กับสมาคมการต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวเมื่อหลายวันก่อน ฝีมือยากที่จะหยั่งรู้ได้นะครับ!”
คนผู้นี้ ก็คือประธานของสมาคมการต่อสู้ภายนอก เหยียนยง
จนถึงตอนนี้ ร่างกายของเขาต้องพันผ้าพันแผลไว้ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เขาก็ขบฟันอย่างโมโห
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะถังเฉา แต่เขาและถังเฉาไม่มีความแค้นโดยตรง ถ้าไม่ใช่เพราะเหยียนเสี้ยงหม่า เพียงแค่ช่วยเขาฆ่าคนสักคน ก็จะสามารถเลื่อนขั้นเป็นสายในได้แล้ว
สุดท้ายกลับเป็นถังเฉาที่ต่อสู้ตามลำพังกับสมาคมการต่อสู้ ทำให้สมาคมการต่อสู้ภายนอกกลายเป็นตัวตลก และเขาในฐานะประธาน ก็ต้องลงจากตำแหน่งไปอย่างเศร้าโศก จนกระทั่งวันนี้บาดแผลก็ยังไม่หายดี
ปัง!
แต่ทว่า ความหวังดีของเขา กลับนำพาความโกรธมาให้เหยียนชาง
“หุบปาก ในเมื่อไอ้ถังเฉานั่นเป็นผู้ร้ายที่ต่อสู้กับคนเป็นร้อยเพียงลำพัง งั้นตระกูลเหยียนของฉันก็ควรที่จะออกโรง แต่แกกลับบอกว่ามันเก่งกาจ ทำลายความน่าเกรงขามของตัวเอง!”
เหยียนชางในฐานะที่เป็นประธานสายใน ฝีมือต้องสุดยอดเป็นธรรมดา และฝึกฝนแรงภายใน ในตอนหกสิบปี
แค่หมัดเดียว เหยียนยงก็ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร
เมื่อจัดการเหยียนยงแล้ว เขาก็มองไปยังผู้แข็งแกร่งรอบๆ แล้วกล่าว “ช่วยชีวิตลูกชายฉัน รีรอไม่ได้ ใครขัดขวางอีก จะเป็นเหมือนก่อนหน้านี้!”
“ครับ ท่านประธาน!”
ผู้แข็งแกร่งทุกคนของตระกูลเหยียน ต่างพากันตอบรับ
จู่ๆเหยียนชางนึกอะไรบางอย่างออก จึงได้ถามว่า “หัวหน้าพิธีกรรมเถี่ยเมี่ยนอยู่ไหน?”
“ท่านประธาน หัวหน้าพิธีกรรมเถี่ยเมี่ยนกำลังมาครับ!”
เหยียนชางขมวดคิ้ว แล้วโบกมือ “ไม่รอเขาแล้ว ออกเดินทางไปตระกูลซ่งเดี๋ยวนี้!”
ในขณะเดียวกันนี้ ในสวนของตระกูลซ่ง
เมื่อโทรเสร็จ เหยียนเสี้ยงหม่าสงบลง แล้วพูดกับถังเฉา “แกปล่อยฉันไปจะดีกว่านะ พ่อของฉันและคนของตระกูลเหยียนทั้งหมดกำลังมา ไอ้สวะพวกนั้นเทียบกับพวกเขาไม่ได้หรอกนะ แกสู้ไม่ได้หรอก!”
ถังเฉากลับยิ้มอย่างสงบ “แกฟังไม่รู้เรื่องหรือไง คืนนี้ตระกูลเหยียนต้องตาย”
และแล้วเหยียนเสี้ยงหม่าก็เข้าใจขึ้นมา ว่าที่ถังเฉาให้เขาเรียกทุกคนของตระกูลเหยียนมา ไม่ใช่เพราะจะคุยเงื่อนไข แต่ จะกวาดล้างตระกูลถังให้เรียบไม่เหลือสักคน
“แกมันรนหาที่ตาย!”
เหยียนเสี้ยงหม่าหัวเราะทั้งที่ยังโมโหสุดขีด ที่ตระกูลเหยียนของเขาได้เป็นสี่ตระกูลใหญ่ ไม่ใช่เพราะทรัพย์ที่มากมาย และไม่ใช่เพราะความอดทน แต่เป็น ฝีมือ
ฝีมืออันน่ากลัว
หลินโป๋หลายและถังหลินที่อยู่อีกด้าน ก็ต้องตกใจกับการจัดการของถังเฉา
ล้างบางตระกูลใหญ่แม้ตระกูลของพวกเขาจะทำได้เช่นกัน แต่ก็ต้องทุ่มเทอยู่บ้าง แต่ถังเฉาคิดจะล้างบางทั้งตระกูลด้วยน้ำมือของตัวเอง?เพ้อเจ้อจริงๆ!
เหมือนกับรู้ความคิดขอทั้งสองอย่างไรอย่างนั้น จู่ๆถังเฉาก็หันกลับมา แล้วจ้องไปที่พวกเขา
ทันใดนั้น ทั้งสองก็เหมือนเผชิญหน้ากับศัตรู ไม่กล้าหายใจดัง
“เห็นแก่พวกแกสองคน ที่ในแผนการครั้งนี้เป็นแค่ผู้สมรู้ร่วมคิด ไม่ถึงขั้นต้องตาย ฉันจะไว้ชีวิตพวกแก”
“ถ้ายังมีครั้งต่อไป เหตุการณ์วันนี้ที่เกิดขึ้นกับตระกูลเหยียน จะเป็นวันพรุ่งนี้ของพวกแก!”
ถังเฉาเอามือไขว้หลัง กล่าวอย่างเลือดเย็น
เมื่อพูดจบ หลินโป๋หลายและถังหลินต่างเกรี้ยวกราด เหยียนเสี้ยงหม่าหัวเราะออกมา คิดว่าเขาต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่นอน
ไม่พูดเรื่องที่ถังเฉาจะล้างบางตระกูลเหยียนของเขาได้หรือไม่ แค่ตระกูลที่อยู่เบื้องหลังของหลินโป๋หลายและถังหลิน ก็ไม่ใช่ตระกูลที่เขาจะแตะต้องได้
นั่นคือตระกูลหลวงในเยี่ยนตู ตระกูลหลินและตระกูลถัง และ เบื้องหลังยังเกี่ยวพันกับตระกูลฉินอีกด้วย
ตระกูลเหล่านี้เป็นกำลังหนึ่งในสามของตระกูลหลวงในเยี่ยนตู
หลินชิงเสว่ก็ใจเต้นตุบๆ เพื่อเธอ ถังเฉาไม่หวาดหวั่นต่อตระกูลใหญ่ทั้งสอง
ในขณะที่เธอตะลึงนั้น เธอก็ซาบซึ้งไปด้วยเช่นกัน
เพียงแต่ ถ้าถึงวันนั้นจริงๆ คนที่ลำบากใจที่สุด ก็คือเธอ
“คุณชาย”
“เจ้านาย”
ขณะนี้ มีเสียงสองเสียงดังขึ้น
ทุกคนต่างหันกลับไปมอง เห็นผู้หญิงและสาวน้อยทั้งสองคนเดินเข้ามา
เห็นเพียงแว็บเดียว สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างหวาดกลัว
ผู้หญิงที่สวมเสื้อหนังกับเด็กสาว ตรงตามลักษณะที่ลูกน้องของเหยียนเสี้ยงหม่าบรรยายไว้ทั้งหมด
โดยเฉพาะเฟิ่งหวง ไม่เพียงแค่เต็มไปด้วยความอาฆาต ยังทำให้คนกลัวจนตัวสั่นได้อีก
พวกเธอคือผู้หญิงที่จัดการลูกน้องของตระกูลเหยียนทั้งหมด!
นึกไม่ถึงว่าจะเรียกถังเฉาว่าคุณชายและเจ้านาย?
เหยียนเสี้ยงหม่าและถังหลินคาดไม่ถึง หลินโป๋หลายเคยเห็นเฟิ่งหวง จึงไม่กล้าแม้แต่จะหายใจดัง
เมื่อได้สติกลับมา เหยียนเสี้ยงหม่าจึงหัวเราะภายใต้ความโกรธ “นี่เหรอไม้ตายของแก?”
“ยังไม่พอเหรอ?”
ถังเฉาตอบกลับอย่างเลือดเย็น
เหยียนเสี้ยงหม่ากำลังจะพูดอะไรออกมา จู่ๆ ที่ประตูมีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น
รถสามคันจอดอยู่อีกฝั่ง มีคนลงมาประมาณยี่สิบกว่าคน
แม้จำนวนไม่มาก แต่ทุกคนต่างชำชองทั้งนั้น
“พ่อ!”
“พี่ชาย!”
“คุณน้า!”
เหยียนเสี้ยงหม่าดีใจขึ้นทันใด ร้องเรียกเสียงดัง แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจให้ถังเฉา “คนของตระกูลเหยียนมาครบแล้ว วันตายของพวกแกมาถึงแล้วล่ะ!”
เหยียนชางกระฉับกระเฉง พาเหล่าพรรคพวกตระกูลเหยียนมาที่ถังเฉา
“แกใช่มั้ย ที่บีบบังคับลูกชายฉัน และให้ทุกคนของตระกูลเหยียนมาที่นี่”
เหยียนชางแววตาดุดัน “ตอนนี้ทุกคนของตระกูลเหยียนมาถึงแล้ว แกจะเอายังไง?”
นอกจากเหยียนชาง ถึงแม้ระดับสูงคนอื่นๆของตระกูลเหยียนไม่พูดอะไร แต่ความเงียบก็บ่งบอกถึงทุกอย่างแล้ว
ผู้แข็งแกร่งแบบนี้ หลินชิงเสว่ควรจะหวาดกลัวถึงจะใช่ แต่เธออยู่ด้านหลังของถังเฉา กลับไม่เกรงกลัวใดๆ
ราวกับไหล่ของเขา กันภัยอันตรายทุกอย่างให้เธอได้
ถังเฉาไปที่ทุกคนด้วยสายตาเลือดเย็ย จู่ๆก็ยิ้มขึ้นมา
“เหยียนยงอยู่ไหน?”
เสียงของเขาดังสนั่นหวั่นไหว สะเทือนเข้าไปในโสตประสาท
เหยียนชางชะงัก ไม่คาดคิดว่าถังเฉาจะพูดถึงเหยียนยง จู่ๆก็หัวเราะออกมา
“ฉันคิดว่าแกจะพูดถึงใคร ไม่คิดว่าจะพูดถึงไอ้สวะที่ขี้ขลาดนั่น มันขวางฉัน ถูกฉันจัดการไปแล้วล่ะ”
เมื่อได้ยินดังนี้ ถังเฉาก็ยิ้มอย่างสงบ “เสียดาย เป็นคนเดียวของตระกูลเหยียนที่รู้ดี ดันถูกแกจัดการแล้ว”
“แกว่าอะไรนะ?”
เหยียนชางเคร่งขรึมขึ้นมาทันใด จากนั้นก็ตะคอก “ไร้สาระ ปล่อยลูกชายฉัน แล้วจะเหลือศพแกไว้ให้”
ถังเฉากล่าวอย่างนิ่งสงบ “ฉันให้มันพูดในสายว่ายังไง ให้ทุกคนของตระกูลเหยียนมาทั้งหมด ตอนนี้ขาดเหยียนยงไปหนึ่ง พวกแกก็ไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดของถังเฉา เหยียนชางชะงักทันใด จากนั้นก็เกรี้ยวกราดขึ้นมา
“สามหาว จะล้างบางตระกูลฉัน แกคู่ควรแล้วงั้นเหรอ?”
ถังเฉาไม่ตอบอะไร เฟิ่งหวงจึงรู้ว่าอยากให้พวกเธอออกโรงแล้ว
ดังนั้น จึงมองไปที่หงโฝ
“พวกเสเพลพวกนี้ น่าจะไม่ต้องให้ฉันออกโรงนะ?”
หงโฝไม่เข้าไป เรื่องเล็กๆแบบนี้ให้เฟิ่งหวงจัดการ แต่ตอนนี้หงโฝมาแล้ว ก็ต้องมอบให้เด็กที่สุดเป็นคนจัดการ
“ไม่ต้องไม่ต้อง!”
หงโฝวิ่งมาที่ด้านหน้าของตระกูลเหยียนอย่างรีบร้อน แล้วกล่าวด้วยสีหน้าดีใจ “พวกแกอยู่นิ่งๆไว้นะ อย่าขัดขืน จะได้ไม่เจ็บ”
จู่ๆเหยียนเสี้ยงหม่าก็ตะโกนออกมา “พ่อ อย่าถูกรูปลักษณ์ภายนอกของเด็กสาวคนนี้หลอกนะ มันเล่นไสยศาสตร์!”
“หา!”
เพิ่งพูดจบ ก็มีเสียงร้องคร่ำครวญของตระกูลเหยียนดังขึ้นมา