ฉับพลันนั้น ฉินกวนฉีสีหน้าบึ้งกระด้างขึ้นทันที สายตาที่จ้องมองถังเฉาเปลี่ยนเป็นคมเฉียบ
“ฟังเข้าใจแล้วมั้ย”
พูดจบ สีหน้าถังเฉาเต็มด้วยการยิ้มเยาะ มองหน้าฉินกวนฉีแล้วพูด
“นี่เป็นคำพูดของลูกพี่ลูกน้องผมจริงหรือ ?”
ฉินกวนฉีหรี่ตาพูดว่า: “หรือคุณอ้างลูกพี่ลูกน้องผมแล้วพูดกับผมเอง”
น้ำเสียงฉินกวนฉีแม้นดูยังคงราบเรียบ แต่ในสายตาคนรู้จะเห็นได้ว่า เขาไม่สามารถคงบุคลิกความเป็นสุภาพบุรุษก่อนหน้านี้ได้
ยิ่งกว่านั้นในตาแคบเรียวของฉินกวนฉี แวบผ่านวิญญาณฆ่าที่ซ่อนเร้นอยู่
ถังเฉาหัวเราะ ยกถ้วยน้ำชาจิบไปคำหนึ่ง: “คุณคิดแบบไหนก็คงแบบนั้นแหละ ไหน ๆ สำหรับผมแล้ว ที่สุดมันก็คงครือกัน”
ได้ยินดังนั้น สีหน้าของฉินกวนฉีกลับมีรอยยิ้มขึ้นมา เอ่ยชมว่า: “ไม่เป็นที่ต้องละอายเลยที่เป็นถึงลูกเขยตระกูลลิ้มในตระกูลหลวง หากแม้นไม่มีฝีมือบ้าง คงไม่สามารถเป็นได้”
ถังเฉาผงกหัว: “อันนี้ผมเห็นด้วยนะ ลูกเขยตระกูลลิ้มนี่ไม่ได้เป็นกันง่าย ๆ เลยจริง ๆ มีบางคนคิดอยากจะเป็นยังเป็นไม่ได้เลย”
“……”
และแล้ว ฉินกวนฉีก็ไม่ขอต่อความให้สาวยืดต่อไป
ถ้าหากเป็นเพียงคำด่าทอกันตรง ๆ สำหรับนิสัยฉินกวนฉีเองแล้ว เขาทำได้ระดับใครจะรักใครจะชังไม่สะท้าน
แต่ถ้าก้าวล่วงถึงเรื่องคาในใจของฉินกวนฉีแล้ว ย่อมได้ผลทำให้เขาเดือดโกรธได้
เป็นต้นว่าเรื่องอำนาจอิทธิพล
อีกกระทั่งเรื่องผู้หญิง
หลินชิงเสว่ ก็คือผู้หญิงคนนั้น
แต่ทว่า ฉินกวนฉีไม่ได้ขึ้งโกรธเป็นจริงปานนั้น
เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ยิ้มแล้วมองถังเฉา พูดว่า: “คุณถัง เกือบถึงโรงแรมที่พักของคุณแล้ว ช่วยบอกผมหน่อยเถอะว่าลูกพี่ลูกน้องผมพูดอะไรกับคุณ”
“นิสัยปล่อยตัวไม่ยึดติดแบบคุณถังนี่ผมชอบมากเลย ผมรู้สึกเราเข้ากันเป็นเพื่อนได้ง่ายนะ”
ฉินกวนฉีพร้อมกับยิ้มอย่างนิ่มนวลบนใบหน้า ยื่นมือข้างหนึ่งไปให้ถังเฉา
ถังเฉาถอนใจลึก ๆ อยู่ในใจ
มิน่าเล่าที่ฉินกวนฉีสามารถสยบทางฝ่ายฉินผู่หยางได้ จนขึ้นมาในฐานะผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลฉินสมัยหน้าได้
ตอนที่ฉินผู่หยางขายังไม่ด้วน ก็ยังไม่แน่ว่าจะเอาชนะฉินกวนฉีได้ ตอนนี้ของฉินผู่หยางที่ขาด้วน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
มองเงาไม้ที่ถอยหลังของสองข้างทาง ถังเฉาหัวเราะ: “คุณพูดถูก เวลามันกระชั้นละ แต่ผมก็มีบางเรื่องที่อยากจะขอความกระจ่างจากคุณ”
“หรือไม่งั้น คุณช่วยตอบคำถามผมก่อน”
ฉินกวนฉีขมวดคิ้ว ในดวงตาแวบผ่านความเย็นเยือกเข้ามา
“เรื่องไร้สาระที่ไม่มีความหมายก้อย่าถามนะ”
เขาเอ่ยพูด
ก็ด้วยความอยากรู้ว่าฉินผู่หยางพูดอะไรกับถังเฉา ฉินกวนฉีกลับเลือกที่จะอดกลั้น
แม้แต่ชายฉกรรจ์หุ่นเจดีย์ยักษ์ทีขับรถอยู่ตอนหน้ารถ ก็ยังหันหน้ามองฉินกวนฉีอย่างฉงนแวบหนึ่ง
อย่างเงียบเชียบนุ่มเนียน ชายฉกรรจ์หุ่นเจดีย็ยักษ์ลดความเร็วของรถ ดึงหน่วงเวลาช้าลง
ถังเฉาหัวเราะอย่างเบิกบาน: “รับประกันได้ว่าไม่ใช่เรื่องไร้สาระ แต่แม้นว่าจะเป็นเรื่องไร้สาระก็จะเป็นไรไป ? ก็คุณชายฉินบอกว่าชอบฟังเรื่องไร้สาระไม่ใช่หรือ ?”
ฉินกวนฉีไม่พูดอะไร ให้ชัดเจนได้ว่าเขาไม่ต้องการเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องจำพวกนี้
รอยยิ้มบนหน้าของถังเฉาค่อย ๆ ถูกเก็บขึ้นทีละน้อยทีละน้อย เพ่งมองฉินกวนฉีพูดว่า: “ไม่ทราบว่าคุณชายฉินได้เคยได้ยินชื่อ ‘ฉินเจียนเวย’ นี้หรือไม่ ?”
“……”
พอถังเฉาพูด ‘ฉินเจียนเวย’ ชื่อนี้ออกมา ทันทีนั้น ภายในดวงตาฉินกวนฉีโฉบผ่านแสงเย็นเยือกเข้ามาสายหนึ่ง
“คุณทำไมถึงรู้จักชื่อนี้ ?”
ฉินกวนฉีไม่ได้ตอบคำถามถังเฉา แต่กลับย้อนถามด้วยเสียงเย็นเฉียบ
ถังเฉายิ้มอย่างไร้ร่องรอยของความอบอุ่น: “ผมจะรู้จักชื่อนี้อย่างไรคุณก็อย่าไปสนเลย เพียงให้คุณรู้เรื่องหนึ่งว่า ผมกับคนบ้าเพลงนั่นสนิทกันมาก สนิทกันอย่างมาก ๆ”
“เรื่องที่คุณทำไว้กับคนบ้าเพลง ผมรู้เรื่องหมดแล้ว”
ตามจากคำพูดของถังเฉาเพิ่งจะจบ อุณหภูมิในรถดูเหมือนลดฮวบลงไปถึงจุดเยือกแข็ง
ในขณะนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของถังเฉาได้เหือดหายไปหมด เปลี่ยนมาแทนที่ด้วยความเยือกเย็นเห็นแล้วหนาว
ฉินกวนฉีก็จ้องเขม็งอยู่ที่ตัวถังเฉา
คำพูดนี้ส่งพลังสัญญาณที่ยิ่งใหญ่มาก
ถังเฉา เขากับคนบ้าดนตรีรู้จักกัน
แต่ทว่า ฉินกวนเฉาก็ยังคงไม่ยอมตอบรับ ยังคงมองที่ถังเฉา พูดว่า: “เป็นฉินผู่หยางบอกชื่อฉินเจียนเวยนี้ให้กับคุณหรือ ?”
ถังเฉาแค่นเสียงหัวเราะทีหนึ่ง: “ตั้งแต่ห้าปีที่แล้ว ผมก็รู้จักฉินเจียนเวยแล้ว ความสัมพันธ์ของผมกับหล่อน เกินเหนือความคาดหมายของคุณอีก”
ได้ยินที่พูด แววตาของฉินกวนฉีเหี้ยมลึกลงไปอีกไม่น้อย
ถังเฉามองฉินกวนฉี พูดต่อไปว่า: “ผมได้มองเห็นจากสายตาของหล่อน มองเห็นความเคียดแค้น หล่อนแค้นคุณ”
สีหน้าของฉินกวนฉีเปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่สามารถคงไว้ซึ่งความสง่าภูมิฐานก่อนหน้านี้ได้
“ปลดกระดิ่งคงต้องให้คนผูกกระดิ่งปลด ฉะนั้น คุณยังค้างเรื่องที่ต้องอธิบายให้กับหล่อนอยู่เรื่องหนึ่ง”
แคร๊ง!
เพียงพูดเพิ่งจบ แก้วชาในมือของถังเฉาถูกแรงกระทบแตก
ถ้วยแก้วแตกระจายในพริบตา กลายเป็นเศษแก้วแวววาวกลาดเกลื่อน
ถังเฉาเก็บเศษแก้วชิ้นที่ยาวที่สุดและดูคมที่สุดขึ้นมาหนึ่งชิ้น จี้เข้าไปที่บริเวณลูกกระเดือกฉินกวนฉี
“คำถามที่ผมจะถามก็แค่นี้ ถ้าหากคุณไม่พูด ผมก้จะเชือดคอหอยคุณ”
ถังเฉาพูดด้วยยิ้มที่ไม่มีความอุ่น น้ำเสียงราบเรียบ เหมือนพูดคุยเรื่องเล็ก ๆ ที่ไม่น่าสนใจ
“แกกล้ารึ!”
ชายฉกรรจ์หุ่นเจดีย์ยักษ์ที่กำลังขับรถเดือดแค้นขึ้น ตะคอกเสียงใส่
ในวินาทีนั้น เขาหักพวงมาลัยรถอย่างแรง
ครืดดด….!
ในทันใด รถทั้งคันส่ายไปมาอย่างรุนแรง วิ่งเป็นตัว ‘S’ บนท้องถนน
เขาอยู่ในตำแหน่งคนขับ ไม่สามารถทิ้งออกจากที่นั่งคนขับได้ จึงใช้ความพยายามด้วยวิธีนี้ที่จะทำให้ถังเฉาเสียการทรงตัว เพื่อเป้าหมายในการช่วยฉินกวนฉี
แต่ไม่ได้เป็นตามนั้น ไม่ว่าตัวรถจะส่ายไปมาอย่างไร ถังเฉาก็จะปรับสมดุลของตัวได้ทันทีในวินาทีแรก
เศษแก้วในมือก็จ่อติดบริเวณกระเดือกฉินกวนฉีอย่างเกาะติด เพียงถ้าล้ำเกินขึ้นหน้าไป ก็จะเชือดหลอดคอขาด
ชายฉกรรจ์หุ่นเจดีย์ยักษ์ตะคอกเสียงโกรธจัด: “แกปล่อยมือนะ ถ้าแกทำให้คุณชายข้าบาดเจ็บแม้เส้นขน ข้าไม่ปล่อยแกแน่”
ถังเฉาไม่ได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย ยิ่งกว่านั้น แค่มองก็ยังไม่หันมอง
“เดี๋ยวก็จะถึงโรงแรมแล้ว ผมว่าคุณรีบบอกมาดีกว่า”
ถังเฉาหัวเราะฮาฮาพูดว่า: “ฉินผู่หยางก็เป็นตัวอย่างอย่างดีให้คุณได้เห็นต่อเนื่องกันถึงสองครั้งแล้วนะ ว่าอย่ากระทบให้คนของผมโกรธ แต่แล้ว คุณทำไมไม่รู้ฟัง ?”
เผชิญหน้ากับการกดดันบังคับขนาดนี้ ฉินกวนฉีกลับหัวเราะออกมา
“จริง ๆแล้ว ไอ้ลูกพี่ลูกน้องไม่เอาไหนของผมนั่น มันได้ทำเป็นตัวอย่างให้ผมอย่างดีแล้ว แต่ว่า ตัวอย่างที่เขาทำ เรียกว่าเป็นตัวอย่างไม่ได้”
ฉินกวนฉีหัวเราะพลางพูดว่า: “พรสวรรค์อยู่ด้านซ้าย คนบ้าอยู่ด้านขวา ไอ้นี่มันคนบ้าอย่างหัวจรดท้ายเลยแท้ ๆ”
“แล้วคุณจะเลือกอยู่ตรงกลางระหว่างพรสวรรค์กับคนบ้าดีไหม ให้เป็น………คนตาย”
ถังเฉายิ้มจืด ๆ
เศษแก้วในมือได้ขยับคืบหน้าไปอีกนิด
และแล้ว คอของฉินกวนฉีเกิดเป็นแนวเส้นเล็ก ๆมีเลือดซึมซิบ ๆ
เลือดสด ๆ เริ่มไหลลงมาช้า ๆ
“คุณชาย!”
ชายฉกรรจ์หุ่นเจดีย๋ยักษ์ร้องเอะอะ สีหน้าตื่นตระกนก
แต่ทว่า ฉินกวนฉีกลับมีสติสีหน้าราบเรียบอย่างปกติ แถมยิ้มเรียบ ๆ
เขาเอามือปาดเลือดสด ๆ นั้น ใส่เข้าไปในปากตัวเองลิ้มชิมดู
“นี่มันรสชาติของเลือดเลยนะ…..”
ฉินกวนฉีเหมือนกับว่าสะท้อนใจ พูดบ่นเองพึมพำ
ถังเฉากำลังคิดจะลงมือ ทันใดนั้น ดูเหมือนมีปรากฏการเหนี่ยวนำบางอย่าง สีหน้าพลันเปลี่ยน
เขารีบปล่อยมือออกด้วยสัญชาตญาณ
ส้วบ!
ฉินกวนฉีลงมือปานสายฟ้าแลบ ฟาดไปหนึ่งฝ่ามือใส่ถังเฉา
บรึม!
พลังอากาศที่หนักหน่วงระเบิดขึ้น นั่นมันคือแรงภายใน