เมื่อเห็นฉากนี้ หลินฉ่ายเวยก็ปิดหน้าผากของเธอโดยพูดไม่ถูก ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสงสาร
นี่ต้องคิดไม่ตกขนาดไหนกัน?
หลิวเซียนและหวังเหวินหย่าต่างก็มองดูถังเฉาอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น และรอให้เขาปล่อยไก่
ก็แค่คนที่เคยเป็นทหาร จะมีประสบการณ์อะไร?
ซ่าๆๆ!
แต่ครูและนักเรียนในกลุ่มผู้ชมที่อยู่ด้านล่างเวทีไม่รู้ ภายใต้การชมเกินจริงของต่งเฟยการแสดงออกของพวกเขาก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น และพวกเขาก็หลงคิดว่าถังเฉาเป็นคนใหญ่คนโตที่มีชื่อเสียง
ผู้อำนวยการหวังหยางดูกังวลเล็กน้อย เขาอยู่ในเมืองหมิงจูมาโดยตลอด และแน่นอนว่าเขารู้จักเรื่องราวของถังเฉา
แต่ถังเฉายังคงยืนขึ้นด้วยรอยยิ้ม ยิ้มรับไมโครโฟน แล้วพูดว่า “ผมไม่ใช่คนศักดิ์สิทธิ์อย่างที่เขาพูด ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผมมีชีวิตที่เรียบง่าย ผมไปเป็นทหารและเพิ่งออกจากกองทัพในปีนี้ “
บูม!
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ครูและนักเรียนทุกคนในโรงเรียนก็ตกตะลึง
เสียงเชียร์และเสียงปรบมือที่ดังก็ลดลงมาพร้อมกัน
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เคารพอาชีพนี้ แต่ว่า เมื่อเทียบกับบุคคลก่อนหน้านี้ มันด้อยกว่าพวกเขามาก
หลิวเซียนและหวังเหวินหย่าหัวเราะจนปวดท้อง ไปเป็นทหารจริงๆด้วย!
ส่วนต่งเฟยจิบน้ำแร่จางๆตรงหน้าเขา พร้อมด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากของเขา
เป้าหมายของเขาสำเร็จแล้ว ถังเฉาได้หน้าแตกต่อหน้าครูและนักเรียนทุกคนในโรงเรียนแล้ว
เขาเหลือบมองหลินฉ่ายเวยหนึ่งที อยากเห็นปฏิกิริยาของเธอ
คิดไม่ถึงว่า เธอไม่รู้สึกเสียหน้าเลย ตรงกันข้าม เธอดูสงบ
หลินฉ่ายเวยรู้ดี ถังเฉายังมีเรื่องจะพูด
เห็นถังเฉายิ้ม “พวกคุณต้องรู้สึกผิดหวังมากใช่ไหม? สิบปีผ่านไป ผมไม่ได้สร้างชื่อให้ตัวเองในฐานะทหาร”
เมื่อถามกลับเช่นนี้ ทำให้หลิวเซียนและหวังเหวินหย่าผงะไปครู่หนึ่ง แม้แต่ต่งเฟยก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
หรือว่า เขาต้องการจะพูดอะไรอีก?
เห็นถังเฉาเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจู่ๆก็ถามขึ้นว่า “หลังจากสำเร็จการศึกษาแล้วไปทำงาน มีจุดประสงค์อะไร?”
“พูดในทางแคบ คือเพื่อตัวเองมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่พูดในทางกว้าง เพื่ออะไร?”
“เพื่อชาติเพื่อบ้านเกิด!”
ทันใดนั้น เสียงของถังเฉาก็ดังขึ้นพร้อมกับยกระดับเสียงขึ้นสูง กล่าวว่า “เยาวชนแข็งแกร่ง ประเทศก็แข็งแกร่ง และถ้าประเทศแข็งแกร่ง เยาวชนก็จะแข็งแกร่ง! สิ่งเหล่านี้ประกอบเสริมซึ่งกันและกัน”
“…”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ครูและนักเรียนของโรงเรียนต่างตกตะลึง
จะเล่าข้อคิดที่ตนเองได้ไม่ใช่เหรอ?ทำไมพูดถึงประเทศแล้ว?
“ผมคิดไปคิดมา การเป็นทหารมันเป็นทางออกหนึ่ง ซึ่งเป็นวิธีที่ตรงที่สุดในการช่วยประเทศ”
ถังเฉาหยุดและพูดต่อ “ดังนั้นผมก็เลยไปทำ ในระหว่างนั้น ผมยังได้คิดเกี่ยวกับวิธีการการพัฒนาเศรษฐกิจ การทำธุรกิจ มันก็เป็นทางเลือกที่ดีด้วยเช่นกัน มีหลายวิธี ล้วนขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเลือกทางไหน”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ทุกคนก็ตกตะลึง
นี่หมายความว่า นอกจากการเป็นทหารแล้ว เขายังทำธุรกิจด้วย?
“นอกจากนี้ยังมีวรรณกรรม บูโด ดนตรี และการแพทย์ ยังได้ครอบคลุมสิ่งเหล่านี้ด้วย ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ และการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด” ถังเฉากล่าว
คำพูดของเขาดังก้องไปทั่วทั้งสนาม และทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ตกใจจนพูดไม่ออก
เดิมทีคิดว่าถังเฉาเป็นเพียงทหาร คิดไม่ถึงว่า นอกจากการเป็นทหารแล้วเขายังได้ทำอย่างอื่นด้วย
หากสิ่งที่ถังเฉาพูดเป็นความจริง ต่งเฟยและคนอื่นๆก็ไม่มีอะไรเทียบได้กับเขาเลย
เรื่องอะไรก็ตาม ตราบเท่าที่มันขึ้นสู่จุดสูงสุดของประเทศ ก็สามารถปลุกความรักชาติในหัวใจของผู้คนได้
ดังนั้น จึงมีชีชือ
ในดวงตาของหลินฉ่ายเวยเป็นประกายด้วยสีแปลก และเธอไม่เคยรู้ว่าในช่วงห้าปีที่ผ่านมาถังเฉาทำอะไรไปบ้าง
ตอนนี้เธอพอจะเข้าใจแล้ว
สีหน้าของต่งเฟยไม่ค่อยดีนัก สีหน้าของครูและนักเรียนทุกคนในโรงเรียนเปลี่ยนไป มองถังเฉาด้วยสายตาที่เหมือนมองนักบุญด้วยความคารวะ
ความมืดมนวาบขึ้นในดวงตา ต่งเฟยหยิบไมโครโฟนขึ้นมาแล้วพูดกับถังเฉา “ถังเฉา แค่พูดแต่ไม่ทำอะไรเลยได้ไง?คุณจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าคุณได้ทำสิ่งเหล่านี้จริงๆ?”
หลินฉ่ายเวยยืนขึ้นและมาห้าม “ต่งเฟย คุณหมายถึงอะไร จุดประสงค์ของการเฉลิมฉลองในครั้งนี้
คือการสร้างภาพลักษณ์ที่มุ่งหน้าก้าวไกล ไม่ใช่เพื่อมาเปรียบเทียบแข่งกัน”
ถังเฉาโบกมือของเขา “ผมรู้ว่าเขาต้องการจะพูดอะไร ไม่มีนักบุญในโลกนี้ และไม่มีบุคคลที่มีคุณธรรมสูงส่ง ไม่มีใครจะไปจากครอบครัวไปสู่บ้านเมือง คนเช่นนี้ ถูกเรียกว่า‘คนโง่’”
หลิวเซียนและหวังเหวินหย่าก็ดูถูกเหยียดหยาม โดยคิดว่าถังเฉาจะต้องสร้างเรื่องขึ้นมาอย่างแน่นอน
ถ้าคนๆหนึ่งสามารถพัฒนาประเทศได้ขนาดนี้ ทุกคนก็คงเป็นฮีโร่กันหมดแล้ว
บุคคลเช่นนี้ ไม่ใช่จะไม่มีเลย ถูกเรียกว่า ‘จุดเปลี่ยนของยุค’ สักกี่ปีถึงจะมีหนึ่งคน?
ทุกคนไม่รู้
“อาศัยแต่ลมปากพูด ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าสิ่งที่พูดเป็นจริง ดังนั้น ต่อไปผมจะพิสูจน์ให้พวกคุณดู”
ถังเฉายิ้มจางๆ จากนั้นมองไปที่หวังหยาง”ผู้อำนวยการ ตอนนี้โรงเรียนมีแผนจะขยายใช่หรือไม่ แต่ประสบปัญหาขาดแคลนทุนทรัพย์และแผนนั้นได้หยุดชะงัก?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของหวังหยางดูลำบากใจ “ใช่ มิฉะนั้นผมก็คงไม่เชิญพวกคุณมาหรอก … “
ประโยคนี้พวกเขาได้พูดเป็นการส่วนตัว ครูและนักเรียนของโรงเรียนไม่ได้ยินประโยคนี้
สิ่งก่อสร้างโรงเรียนเชื่อมโยงกับอัตราการเลื่อนชั้น ถ้าอัตราการเลื่อนชั้นสูง กระทรวงศึกษาธิการก็จะประเมินว่าเป็นโรงเรียนมัธยมที่สำคัญ และเงินทุนจะทุ่มไปโรงเรียนที่ดีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นี่คือความลำบากของโรงเรียนของรัฐ
ถังเฉาพยักหน้าแล้วยิ้ม “ผู้อำนวยการ เมื่อก่อนเคยปฏิบัติต่อผมเป็นอย่างดี ได้ช่วยผมมากมาย คนเราต้องรู้จักสำนึกบุญคุณและรู้จักตอบแทนบุญคุณ “
“ผมวางแผนที่จะใช้เงินทุนเริ่มต้น 200 ล้านหยวน เพื่อเป็นเงินทุนสำหรับการก่อสร้างและปรับปรุงเอ้อจง”
ว้าว!
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ไม่ว่าจะเป็นหวังหยางหรือว่าต่งเฟย หลิวเซียน หวังเหวินหย่าหรือครูและนักเรียนของโรงเรียน ต่างก็ตกตะลึง
ทุกคนต่างก็สงสัยว่าพวกเขาฟังผิดใช่ไหม และครูหลายคนถึงกับลุกขึ้นจากที่นั่งของพวกเขา