“คุณยังจะคิดหนีหรือไม่?”
เย่เซ่าเตี๋ยมือกอดอก เอียงตามองเย่หรูอี้แล้วถาม
เย่หรูอี้ไม่พูดอะไร เพียงก้มตามองไปข้างล่าง
รถมางานแต่งงานเต็มไปหมด เงาคนแน่นขนัด พื้นพรมลาดเห็นแดงเต็ม
ฟ้าที่เริ่มมืดลง แสงไฟเหมือนดอกไม้บานประดับเต็มไปหมด ต่อมาภายในหนึ่งชั่วโมง ก็จะมีสีและเสียงดอกไม้ไฟดังระงม จนถึงเวลาค่ำ 6:18 นาฬิกา จึงจะหยุด
ถึงเวลานั้น หล่อนก็จะร่วมดื่มเหล้ามงคล เป็นเสร็จพิธีสมรส แต่งงานเป็นของถังหลินโดยสมบูรณ์
แต่ทว่า ในดวงตาของหล่อนไม่มีแววของการจะดิ้นรน ส่ายหน้า “ไม่ไปแล้ว แต่ง”
สี่คำสั้น ๆ แฝงซ่อนเรื่องที่เล่าไม่จบกับอารมณ์ที่แสดงไม่ออก
ทั้งเสียดาย ทั้งเจ็บแค้น แต่ต้องยอมสยบก้มหัวให้กับชะตาที่ลิขิตอย่างเสียไม่ได้
เย่เซ่าเตี๋ยทอดตามองดูหล่อนเงียบ ๆ แววตาเปลี่ยนให้รู้สึกเศร้าสลด
ด้วยเพราะว่า ตัวเย่หรูอี้เองตั้งแต่นี้ไป หล่อนคงได้เห็นลาง ๆ แล้วกับเส้นทางชะตาชีวิตของตัวเอง
ไม่ใช่ว่าหล่อนหยั่งรู้อนาคตได้ แต่เป็นเรื่องนานมาแล้วก่อนหน้านี้ หล่อนก็รู้แล้วว่าชะตาชีวิตหล่อนต้องเป็นไปยังไง
ถึงยังไงหล่อนก็เป็นผู้หญิง ก็ต้องแต่งงานออกไป
ที่เกิดในตระกูลใหญ่ มีอำนาจในการเลือกความรักได้ด้วยตัวเอง มันก็เลือนรางเหลือเกิน คนส่วนใหญ่ ไม่ก็กลายเป็นเครื่องสังเวยของการแก่งชิงอำนาจกัน ให้แต่งงานพ้นออกไป
บรรดาคุณอาคุณน้าทั้งหลาย ปัจจุบันจะอยู่สภาพอย่างไร หล่อนก็ไม่รู้ และก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องใส่ใจ
แต่ทว่า เย่หรูอี้ที่อยู่เบื้องหน้านี้ กลับกระตุ้นจิตใต้สำนึกของหล่อนให้รู้สึกขึ้นมานิดหนึ่ง
เย่หรูอี้เคยกระเสือกกระสนดิ้นรนมา เคยฮึดสู้ต่อต้านมา เพียงแต่ว่าพ่ายแพ้แล้วก็เท่านั้น
คนต่อไป ใช่หรือไม่ว่าจะถึงคิวของตัวเอง?
“ไปเตรียมตัวหน่อยเถอะ”
เย่เซ่าเตี๋ยรวบรวมสติของตัวเอง หันกลับตัวเดินออกไป
เดินไปใกล้ออกประตู พลันหล่อนได้เห็นเย่เทียนหลงที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ นั้น “คุณควรจะรีบไปให้พ้นนะ ในงานพิธีแต่งงานนี้ คุณไม่ควรจะมีส่วนร่วม”
“ฉันคงช่วยคุณได้แค่ครั้งเดียว ไม่มีทางช่วยคุณได้เป็นครั้งที่สอง”
เย่เซ่าเตี๋ยเดินจากไปแล้ว ในห้องก็เหลือเพียงเย่หรูอี้กับเย่เทียนหลงสองคน
“พี่สาว…..”
เย่เทียนหลงออกอาการร้อนรนมองหน้าเย่หรูอี้ จะพูดแต่ก็หยุด
เย่หรูอี้โบกมือในเชิงไล่ “แกไปเถอะ กลับไปหมิงจูเถอะ”
เย่เทียนหลงได้ยินดังนั้นยิ่งลนขึ้นมา “ยังมีเวลาอีกชั่วโมงนึง ผมพาพี่หนีไปได้——”
“เธอจะพาฉันหนีไปยังไง?”
เย่หรูอี้ยิ้มจืด ๆ พูดตัดบทว่า “ทั่วทั้งโรงแรมถูกเย่จงซือสั่งนักบู๊ที่มาจากศูนย์สมาคมนักบู๊ควบคุมไว้หมดแล้ว อาศัยฝีมือของแกนี่นะ ไม่ว่าใครก็จัดการเก็บแกได้แล้ว แกจะเอาอะไรมาช่วยฉัน?”
“……”
เงียบงัน
เงียบงันสุด ๆ
เย่เทียนหลงกำหมัดแน่น ไม่เคยมีการจำใจยอมเหมือนครั้งนี้
เย่หรูอี้กลับแสยะปากหัวเราะขึ้นมา “อย่าดื้อ เชื่อฟังนะ ไปเถอะ”
แววตาเย่เทียนหลงวูบผ่านความรู้สึกขัดเคือง ออกจากห้องไปอย่างฉุนเฉียว
แต่เขาไม่ได้คิดจะจากไปจริง แผนการบ้าระห่ำ ผุดขึ้นมาในสมอง
ให้ต้องสละชีวิตตัวเอง ก็ต้องให้พี่สาวหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้
เย่หรูอี้คงอยู่คนเดียวเงียบ ๆ ในห้อง นั่งอยู่เป็นนาน หล่อนจึงลุกขึ้นเนือย ๆ เริ่มทาปาก เสริมแต่งหน้า
อย่างรวดเร็ว รูปพรรณละเอียดลออ บนใบหน้าที่ไร้ชีวิตชีวาสะท้อนให้เห็นในกระจก
เย่หรูอี้นั่งมองตัวทื่อ ๆ ของตัวเองในกระจก
ตัวเองในกระจกก็มองหล่อนด้วยอย่างทื่อ ๆ
เย่หรูอี้หัวเราะ ตัวตนเองในกระจกก็หัวเราะ
“ทะเล้น”
สุดท้าย เย่หรูอี้ยิ้มออกบนใบหน้า สวมผ้าคลุมหัว ดูสมสวยอย่างเจ้าสาว เดินออกจากห้องไป
หัวเราะไปหัวเราะไป แล้วหล่อนก้ร้องไห้ออกมา
……
“ท่านรอง พิธีจะเริ่มแล้ว”
ขณะนั้น บริเวณงานพิธีที่ชั้นหนึ่ง
เฟิ่งหวงมองดูเวลา บอกกับถังเฉา
ถังเฉาผงกหัวรับรู้ เดินตามคนในงานเข้านั่งที่
ในขณะหลังจากที่เขาเข้าไปไม่นาน หญิงท่าทางเย็นเยือกใส่แว่นดำ ก็ได้เดินเข้าไปในงาน
……
สถานที่จัดงานพิธีแต่งงานอยู่บนชั้นที่สิบ เป็นลานกลางแจ้ง
ณ.ขณะนั้น ในบริเวณงานที่นั่งเต็มหมด ผู้คนพลุกพล่าน แต่ละคนต่างก็หวังอยากเห็นการปรากฏตัวมาของเจ้าสาว
ชวาป ชวาป!
ขณะนั้นเอง แสงแฟลชสองสายพุ่งใส่กลางเวที
ปรากฏเป็นหนุ่มสมาร์ทในชุดสากลคนหนึ่ง
เย่จงซือนั้นเอง
ยิ้มแย้มบนใบหน้า ส่งเสียงหัวเราะพูดว่า “ท่านทั้งหลาย เชื่อว่าทุกท่านคงรู้จักผม ผมก็คงไม่แนะนำตัวละ วันนี้ผมจะมาเป็นพิธีกรในงานมงคลสมรสนี้!”
ผับ ๆ ๆ ๆ!
เท่านั้นเอง เสียงปรบมือลั่นไปทั้งบริเวณ
ถังเฉากลับหน้าเย็นเยือก สายตากวาดมองช่องทางหนีทีไล่
เฟิ่งหวงที่อยู่ข้าง ๆ เตือนสติ “ท่านรองหัวหน้า ทุกจุดทางออก ล้วนมียอดฝีมือของศูนย์สมาคมนักบู๊เฝ้าอยู่”
“อือม์”
ถังเฉาผงกหัวรับรู้ สีหน้าไม่เปลี่ยน
เย่จงซือขึ้นบนเวทีพูดพล่ามไปมากมาย สุดท้ายประกาศว่า “บัดนี้ พิธีแต่งงานเริ่มขึ้นเป็นทางการได้ ขอเชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวขึ้นมาปรากฏตัว!”
บรูมม!
ทันทีก็เป็นเสียงเสนาะเพราะพริ้งของเพลงมาร์ชวิวาห์มงคล
“Wedding March” อันไพเราะก็ดังขึ้น
แสงประกายของดอกไม้ไฟดังเสียดขึ้นฟ้า ในความดำมืดของรัตติกาลเจิดจ้าเป็นสีแสงชื่อถังหลินกับเย่หรูอี้
พูดได้ว่า ในเรื่องความอลังการที่เห็น พิธีฉลองงานแต่งงานในครั้งนี้ทั้งกำลังทรัพย์กำลังงานที่ทุ่มลงไป ไม่ได้ด้อยไปกว่างานของถังเฉากับหลินชิงเสว่เลย
น่าเสียดาย ผลตอนท้ายกลับไม่สามารถเทียบกันได้เลย
แสงไฟส่องไปด้านข้าง ถังหลินในชุดสากล ประดับเข็มกลัดที่อก เดินมากับยิ้มเต็มหน้า
โบกมือให้กับแขกเหรื่อรอบด้าน
ในบริเวณทั้งหมดมีอยู่จุดหนึ่งที่ไม่มีเสียงคนปรบมือ นั่นคือกลุ่มตระกูลถัง
ถังฮันเจี๋ยกับถังเหนียนหู่นั่งอยู่ข้างล่างเวที มองความสดใสในสีสันของถังหลิน ทอดถอนใจเบา ๆ “เวรกรรมหนอ…..”
ติดตามมาด้วย เจ้าสาวเย่หรูอี้ปรากฏตัวอีกด้านหนึ่งของเวที ผ้าโปร่งคลุมหัวสีขาว มือสรวมถุงมือผ้าลูกไม้บางใส มองเรียบสงบเสงี่ยม คงยังเหมือนหญิงสูงศักดิ์ที่เดินออกมาจากภาพวาด
ถังเฉาเห็นเข้าในสายตา แววตาพลันถูกสะกดนิ่ง
ถึงจะอยู่ภายใต้หน้ากากมองไม่เห็นได้ แต่เฟิ่งหวงก็รู้สึกได้ถึงการกระเพื่อมในจิตใจของรองหัวหน้า
เฟิ่งหวงถอนหายใจเบา ๆ เป็นเรื่องว่ากันไม่ได้ ถึงยังไง เย่หรูอี้ก็มีส่วนเข้าไปครองพื้นที่ในหัวใจของเขาอยู่
ด้วยการประคองพาของเพื่อนเจ้าสาว เย่หรูอี้เดินมาถึงเบื้องหน้าถังหลิน ยืนเคียงคู่กันกับถังหลิน
ถังหลินในขณะนี้ตื่นเต้นเป็นเอามาก เขาได้ครอบครองเทพธิดาของเขาแล้วในที่สุด!
เย่จงซือมือถือคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ประกาศอ่าน “ไม่ว่าจะร่ำรวยหรือยากจน ไม่ว่าแข็งแรงหรือเจ็บไข้ เจ้ายังจะอยู่กับเขาไปตลอดกาลใช่หรือไม่?”
“ข้าพเจ้ายินยอม!”
ถังหลินไม่มีการคิด รีบตอบไปอย่างไม่ลังเล
เมื่อมาถึงฝ่ายเย่หรูอี้ เย่หรูอี้กลับมีอาการลังเล
สีหน้าของหล่อนสลับสับเปลี่ยนในความว้าวุ่น ขบริมฝีปากแน่น ดูให้รู้สึกลังเล ควรจะตอบยังไงดีในคำถามนี้
สำหรับหล่อน มันเป็นคำถามที่แสนยากจะให้คำตอบ
ตราบใดถ้าตอบไปว่าข้าพเจ้ายอมรับ ก็เท่ากับตกลงแต่งงานกับถังหลิน
แต่ทว่า ในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าหล่อนไม่แต่ง แล้วยังจะมีวิธีการอย่างไร?
ก่อนหน้านี้หล่อนก็ได้ตัดสินใจยอมแต่งแล้ว แต่มาถึงตอนนี้ หล่อนรู้สึกว่าจะกลับใจแล้ว
ด้วยสีหน้าดุเหี้ยม เย่จงซือพูดเสียงทุ้มเบา “รีบตอบตกลง!”
ถังหลินก็รู้สึกเสียหน้า ถลึงตาจ้องใส่เย่หรูอี้
เย่หรูอี้หมดหนทาง คงได้แต่ต้องตอบ
“ดิฉัน…..”
หล่อนเผยอริมฝีปาก พูดคำแรกออกไป
“ข้าพเจ้าไม่ยินยอม”