เจ้ามังกรพรีเมี่ยม – ตอนที่ 827 สถานการณ์โดยรวมถูกกำหนดชัด

ข้าพเจ้าไม่ยินยอม

ในพื้นที่บริเวณงาน สี่คำที่ดังออกมาในทันทีนี้เอง

เสียงเพลงมาร์ชแต่งงานยังคงบรรเลงไป เสียงยิงพลุและดอกไม้ไฟยังดำเนินต่อ แต่ผู้คนทั้งบนเวทีและข้างล่างรอบเวทีทั้งหมด ต่างงงกันตาแตก

โตกันมาถึงขนาดนี้ พวกเขาก็เพิ่งจะได้ยินเป็นครั้งแรกที่มีคนพูดว่าไม่ยินยอมในพิธีแต่งงาน

ถังหลินบนเวทียืนเซ่อ เย่จงซือก็ตะลึง แม้ตัวเย่หรูอี้เองก็ยืนงง

‘ดิฉันยินยอม’ เป็นคำที่หล่อนเตรียมจะพูดต่อแล้ว คิดไม่ถึงว่ามีใครไม่รู้มาพูดแทน

ส้วบ สัวบ ส้วบ

บรรดาแขกเหรื่อในงานพอดึงเอาสติกลับมาได้ ต่างพากันมองซ้ายมองขวาเลิ่กลั่ก หาคนที่พูดสี่คำนี้ออกมา

สีหน้าแต่ละคนอยู่ในอาการแบบทองไม่รู้ร้อน ต่างหวังรอดูฉากสนุกตอนต่อไป

นี่เป็นงานแต่งงานธรรมดาทั่วไปเสียเมื่อไหร่ เป็นถึงงานของตระกูลเย่กับตระกูลถังสองตระกูลหลวงเลยเชียว

ค้นดูทั่วประวัติของตระกูลหลวงในเยี่ยนตู มีใครไหนเลยที่จะเหิมเกริม กล้ากระทั่งมาแย่งชิงเจ้าสาวสะใภ้ตระกูลถัง

ไม่เฉพาะคนทางฝั่งตระกูลเย่จะโกรธ ด้านฝ่ายตระกูลถัง ก็กวาดมองรอบ ๆ ด้วยความรู้สึกอึมครึม

“คุณปู่ครับ จะใช่คุณถังหรือเปล่า?”

ถังฮันเจี๋ยเกิดฉุกคิดอะไรขึ้นมาในฉับพลันนั้น ถามถังเหนียนหู่ด้วยสีหน้าจริงจัง

พวกเขาเหล่าตระกูลถัง หลังจากสวามิภักดิ์กับถังเฉาแล้ว ก็ไม่คิดจะให้มีงานแต่งงานครั้งนี้ แต่ด้วยเหตุผลหลายประการ สุดท้ายก็ไม่สามารถยกเลิกการแต่งงานครั้งนี้ไปได้

นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การแต่งงานเป็นไปตามกำหนด อีกทั้งยังมีข่าวการตายของถังเฉา

ความจริงแล้วถังฮันเจี๋ยไม่คิดเชื่อว่าถังเฉาตาย ถ้าถังเฉาไม่ตาย การบุกเข้ามาชิงตัวเจ้าสาว จึงเป็นเรื่องที่ต้องเป็นไป

แต่ทว่า ถังเหนียนหู่นิ่งใคร่ครวญพักหนึ่ง กลับส่ายหัว “ไม่ใช่คุณถัง”

“ไม่ใขคุณถัง?”

ถังฮันเจี๋ยมีสีหน้างุนงง

ไม่ใช่ถังเฉา แล้วนั่นจะเป็นใครได้นะ?

เฟิ่งหวงก็อยู่ในภวังค์ครุ่นคิด กวาดสายตาที่คมเฉียบ มองไปรอบด้าน

ในข้อเท็จจริง ขณะที่มีเสียงพูดว่า ‘ข้าพเจ้าไม่ยินยอม’ ดังออกมา ด้วยสัญชาตญาณ เฟิ่งหวงก็ก้มมองยังรองหัวหน้า

แต่ทว่า เสียงนั้นไม่ได้ออกไปจากถังเฉา

เขาไม่ใช่คนประเภทจะบุกชิงเจ้าสาวกันตรง ๆ แบบนั้น อย่างน้อยต้องมีการวางแผน และดำเนินการได้อย่างรอบคอบ

เย่หรูอี้กลับดูเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ สีหน้าเปลี่ยนแปลงไปอย่างลุ่มลึก

อีกด้านหนึ่ง เย่จงซือสีหน้าน่าเกลียดมาก

“ใคร?เหิมเกริมขนาดนี้ กล้ากระทั่งจะมาเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลเย่ของข้า”

ถึงเวลานี้ เขาก็ไม่สนใจแล้วว่าตัวเองกำลังทำหน้าที่พิธีกรในงานแต่งงาน มือที่ถือไมค์ กรอกเสียงเครียดดังลั่น

ถังหลินยิ่งโกรธจนเนื้อเต้น เส้นเอ็นบนหน้าผากปูดเขียว จะมีอะไรน่าละอายให้เลวร้ายเท่าการถูกแย่งตัวเจ้าสาวในงานแต่งงาน?

แต่ทว่า ในบริเวณเห็นแต่หัวคนขยับ ไม่เห็นมีใครออกเสียง ยิ่งกว่านั้นก็คือไม่มีใครก้าวยืนออกมารับ

พรึบ!

ในทันใดนั้นเอง ไฟสว่างในบริเวณงานดับพรึบลง

“เฮ้ย…….”

วูบเดียวนั้นพากันมองไม่เห็นแม้แต่ห้านิ้วตัวเอง พาเอาแขกเหรื่อทีมางานตื่นผวากันไปหมด

ยิ่งกว่านั้นยังเอะอะด้วยเสียงกรีดร้องของบรรดาแขกสตรีเพศ

ฟ้าว!

ปึง ปง ปัง!

ท่ามกลางความมืด ทุกคนต่างได้ยินเสียงแผดก้องเหมือนสายลม

ทุกคนต่างพากันแตกตื่น ทั่วทั้งบริเวณงาน ตกอยู่ในความวุ่นวายในฉับพลัน

“ทุกคนอย่าแตกตื่น มันมีคนไปตัดสายไฟของโรงแรม จะจัดการให้เรียบร้อยในทันทีนี้!”

เย่จงซือคอยพยายามประกาศขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ

เย่เซ่าเตี๋ยที่อยู่ข้าง ๆ อึ้งงงไปพักหนึ่ง ทันทีก็เหมือนได้เข้าใจในเหตุการณ์ หัวเราะออกอย่างไม่มีเสียง

“งานแต่งงานนี้ กลายเป็นมีเรื่องให้สนุกซะแล้ว……”

ทันใดนั้น เย่จงซือเหมือนฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้

“เจ้าสาว!ระวังเจ้าสาวไว้!”

พรึบ!

พอพูดขาดคำ แสงไฟในบริเวณงานสว่างคืนสภาพเดิม

ความมืดหมดไป ความสว่างเข้ามาแทน

เสียงอึงคะนึง เสียงกรีดร้องหายไปในพลัน

แต่ทว่า พอทุกคนได้มองขึ้นไปบนกลางเวที คนทั้งหมดเซ่อไปตาม ๆ กัน

เจ้าสาวหละ?

นอกจากพิธีกรเย่จงซือบนเวที กับเจ้าบ่าวถังหลิน เจ้าสาวเย่หรูอี้เหมือนติดปีกบินหายไป

บรูม!

ในทันทีนั้น คนทั้งบริเวณงานส่งเสียงกันฮือฮา

สีหน้าแสดงออกต่างกันไป บ้างตื่นตระหนก บ้างทำไม่รู้ร้อนรู้หนาว——สรุปได้ว่า มีฉากสนุกให้ดูกันแล้ว

ถังเฉาเองก็ตระหนกตื่นไปชั่วพัก เฟิ่งหวงที่ยืนข้างหลังก็งงเซ่อ

หล่อนก็ยังได้เคยเห็นงานแต่งงานที่เจ้าสาวหายตัวไป!

“มันเป็นใครกันแน่?”

เฟิ่งหวงพูดฟังเองพึมพำ

นิ่งขรึมไปพักใหญ่ ถังเฉาหัวเราะขึ้นเสียงเรียบ ๆ “นอกจากเขาแล้ว คนอื่นไม่มีทางจะทำได้เด็ดขาด”

“จัดการค้นหาออกมาให้ได้!”

เย่จงซือกับถังหลินต่างโกรธกันเป็นฟืนเป็นไฟ ตะคอกเสียงออกคำสั่ง “ปิดทางเข้าออกทั้งโรงแรม ถึงจะต้องขุดพลิกพื้นโรงแรม ก็ต้องหาเจ้าสาวกับไอ้มือที่สามออกมาให้ได้!”

ฮือ ฮู ฮา!

ในทันทีนั้น เหล่าบรรดาบอดี้การ์ดของตระกูลเย่ระดมกำลังออกมาหมด ปิดบล็อกทั่วทั้งโรงแรม

……

ในขณะเดียวกันนั้น ท่ามกลางความมืดตรงทางเดินระหว่างตึก

ชายหนึ่งหญิงหนึ่งกำลังวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต

เย่เทียนหลงกับเย่หรูอี้ กำลังวิ่งตามทางระหว่างตึกอย่างไม่คิดชีวิต

เย่หรูอี้ขยับขาก้าววิ่ง—-เกิดมาจนโตป่านนี้ ยังไม่เคยวิ่งได้เร็วขนาดนี้

เหมือนว่าข้างหลังฟ้ากำลังถล่มภูเขากำลังทะลายซือนามิถั่งโถมไล่มา ดั่งว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันสิ้นโลกปานนั้น

ฟ้าว ฟ้าว ฟ้าว!

สองข้างหู คงมีแต่เสียงหวีดหวิวของลมกระหน่ำ

เย่หรูอี้เคยคิดแต่ว่าเพียงใช้สมองของหล่อนก็สามารถโลดเล่นไปได้ทั่วจักรวาล คนทั้งปวงต้องสยบกลัวหล่อนอย่างจริงใจ

แต่มาถึงตอนนี้แล้วจึงได้พบว่า ตัวเองนั้นไม่มีใช่เลยสักอย่าง

โลกใบนี้ คงยังต้องให้ผู้ที่แข็งแกร่งเป็นที่ได้รับการยกย่อง—-ตัวหล่อนเองก็คงยังเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ก็นั่นแหละ นั่นดูเหมือนก็ไม่เห็นมีตรงไหนไม่ดีเลยนะ?

ตอนเริ่มแรก เย่หรูอี้ให้รู้สึกว่าตัวของตัวเองเบาโล่ง ได้ปล่อยวางสัมภาระต่าง ๆ ลง จนดูเหมือนผู้หญิงทั่ว ๆ ไป ทำในสิ่งที่ตัวเองคิดจะทำ

ตอนนั้นเองที่หล่อนรู้สึกเบิกบานใจ ใบหน้าเต็มด้วยความดีใจ

“คุณมาแล้วจริง ๆ ด้วย!”

เย่หรูอี้พูดด้วยความตื้นตัน

เย่เทียนหลงผงกหัว “ไม่มาไม่ได้ โอกาสมีเพียงครั้งนี้ครั้งเดียว ถ้าหากพลาด ก็คงหนีไม่ได้อีกแล้ว”

เขาพาพี่สาววิ่งลงบันไดชั้นแล้วชั้นเล่า

แต่ เย่หรูอี้จู่ ๆหยุดลงกะทันหัน

เย่เทียนหลงก็จึงต้องหยุดลงตาม มองหน้าหล่อนอย่างตระหนกตื่น

เย่หรูอี้ทรุดนั่งลงกับพื้น หอบหายใจแรง เห็นเลือดฝาดขับสีแดงเต็มสองข้างแก้มบนใบหน้า เนื่องจากการออกกำลังแรงหนัก

ผ้าคลุมขาวบริสุทธิ์หลุดหายไปแล้ว เส้นผมปลิวสยาย

พอได้หอบจนได้ที่ เงยหน้าขึ้นมา มองหน้ายิ้มให้เย่เทียนหลง “ขอบใจคุณมากนะที่มาช่วยฉัน แต่ว่าฉันลืมบอกเธอไป ทุกซอกมุมในโรงแรมนี้เต็มไปด้วยการ์ดเฝ้า พวกเราไม่มีทางหนีออกไปได้หรอก”

“อีกทั้งยังมียอดฝีมือจากศูนย์กลางสมาคมการต่อสู้ คุณมานี่ ฉันก็ดีใจมากที่สุดแล้ว…..แต่ฉันคงหนีไปกับคุณไม่ได้”

เย่หรูอี้ พูดกับเย่เทียนหลงด้วยดวงตาที่เริ่มแดง

“……”

เย่เทียนหลงขยับกระเดือก แต่พูดอะไรใม่ออก

เขาสังหรณ์ได้ว่า เขาคงทำงานที่เสียไปเปล่า ๆ เป็นแน่

เย่หรูอี้ยังคงยิ้มบนใบหน้า “ผู้หญิงมักจะพูดอะไรที่สวนกับใจ ฉันอยากให้เธอไป แต่พอเธอออกไป ฉันก็รู้สึกผิดหวัง แต่ตอนนี้เธอย้อนกลับมาช่วยฉันจริง ๆ ฉันก็ดีใจมากจริง ๆ ”

หัวเราะแล้วก็หัวเราะ น้ำตาก็เริ่มพรั่งพรูออกมา

ครืน ครืน!

เสียงลิฟท์เลื่อนลงมาจากข้างบนไม่หยุด กลุ่มบอดี้การ์ดตระกูลเย่ไล่ตามลงมาถึงแล้ว

บนทางเดินระหว่างโถง ก็เป็นเสียงจากกลุ่มยอดฝีมือของศูนย์กลางสมาคมการต่อสู้

เสียงเขย่าขวัญระงมดังรอบด้าน!

เย่เทียนหลงอึ้งนิ่งไปพักหนึ่ง ค่อย ๆ ถอนความขุ่นมัวในใจออกมา ส่ายหัวพูดว่า “พี่สาว พี่เป็นคนพูดเองนะ ผู้หญิงมักจะพูดในสิ่งที่กลับกัน ครั้งก่อนพี่ไม่อยากให้ผมจากไป ผมจะรู้ได้ยังไง แล้วมาคราวนี้ที่พี่จะให้ผมไปอีก?”

น้ำตาเย่หรูอี้ร่วงพรู “ครั้งนี้เป็นเรื่องจริง ๆ!ถ้าเธอไม่ไป คุณต้องถูกฆ่าตายแน่ ๆ!”

“ผมไม่กลัว”

เย่เทียนหลงหัวร่ออย่างสาแก่ใจ เดินมุ่งตรงเข้าหากลุ่มบอดี้การ์ด

“เทียนหลง!!”

เย่หรูอี้ร่ำไห้ล้มลงกับพื้น

……

ณ. ที่บริเวณงาน เวลาผ่านวินาทีไปเป็นนาที ยังไม่เห็นเจ้าสาวกลับมา

สีหน้าถังหลินบัดเดี๋ยวแดงบัดเดี๋ยวซีด เหมือนโดนใครระดมตบ

งานแต่งงานของตัวเอง เจ้าสาวโดนชิงเอาตัวไป ตัวเองยังไม่รู้เลยว่าเป็นใคร——ได้เจ้าสาวเฮงซวยแบบนี้ ทั้งโลกคงมีแต่เขาคนเดียวนี่ละมั้ง?

คนเราเวลาโกรธเครียดจัด ใบหน้าก็มักจะมีการเปลี่ยนแปลง ชักกระตุกต่อเนื่อง

เขาตั้งใจไว้อย่าเด็ดขาดว่า รอให้จับไอ้ตัวการมาได้ จะให้มันรู้สึกอยากตายมากกว่ามีชีวิตอยู่

แกร๊ก!

ขณะนั้นเอง ประตูบานใหญ่เปิดออก กลุ่มยอดฝีมือระดับหัวหน้าของศูนย์กลางสมาคมการต่อสู้กลับเข้ามา ข้างหลังคุมชายหญิงสองคนตามมา

ฝ่ายผู้ชายโดนซ้อนจนสะบักสะบอมเกือบขาดใจแล้ว

ผู้หญิงก็คือเย่หรูอี้ หล่อนร้องไห้จนตาบวมแดง น้ำตาไหลจนเหือดแห้งหมดแล้ว

“เป็นไอ้เด็กเวรนี่อีกละ!”

เห็นเป็นเย่เทียนหลง ถังหลินเต้นผาง ถลึงตาแทบถลน คว้าชักปืนจากบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เล็งไปที่กะโหลกหัว “แม่งนี่ กูจะฆ่ามึงนี่ละ!”

“เดี๋ยวก่อน!”

เย่จงซือคว้ารั้งเขาเอาไว้ สายตาเหี้ยมเกรียม มองไปที่เย่หรูอี้ “นี่คงไม่ใช่แผนของแกมั้ง?ให้น้องชายตัวเองมาชิงตัวเจ้าสาวกลางงาน”

โห!

พอพูดคำนี้ออกไป คนมางานทั้งหมดพากันตกตะลึง อดไม่ได้มองไปที่เย่เทียนหลง

สองคนนี้ที่แท้เป็นพี่น้องกัน

เย่หรูอี้ส่ายหน้า “ไม่ว่าคุณจะว่ายังไง ปล่อยเขาไป ฉันแต่งงาน นี่คือเงื่อนไข”

เย่จงซือนิ่งเฉย แล้วยิ้มเหี้ยมเกรียม “เสียใจ มันจะต้องตาย”

“ลากออกไป ฆ่าทิ้ง”

“เย่จงซือ!!”

เย่หรูอี้ตาแดงกร่ำ กรีดแผดเสียงแหลมลั่น

บริเวณงานที่เดิมทีเดียวจะเป็นงานพิธีแต่งงานที่ศักดิ์สิทธิ์ กลับเต็มไปด้วยความแค้นเหลือที่สุดจากเสียงกรีดร้องนี้

แขกเหรื่อส่วนใหญ่ในงานต่างตกตะลึงผวากับฉากเหตุการณ์ที่ปรากฏ แต่ก็ยังมีบางส่วนแอบเก็บสีหน้ายิ้มอย่างเย้ยเหยียด

คนเหล่านี้ คือผู้ที่รู้ตื้นลึกเรื่องงานแต่งงานนี้ดี

หลังพิธีแต่งงานนี้เสร็จไป เย่หรูอี้ก็คงเหมือนดาวตก คนนอกที่คิดจะเข้ามา ถึงยังไงก็เป็นคนนอก ไม่มีทางที่จะมาเทียบกับคุณชายโดยกำเนิดอย่างเย่จงซือได้

หัวหน้าตระกูลเย่คนต่อไป ถึงยังไงก็ต้องมาจากเย่จงซือและเย่เซ่าเตี๋ยสองคนนี้

เย่หรูอี้ เป็นแค่เพียงเครื่องสังเวย

เย่หรูอี้พยายามพุ่งตัวเข้าหาเย่เทียนหลง เย่จงซือฉายแววตาเยือก “เอาตัวเจ้าสาวขึ้นมานี่”

ฉับพลันนั้นก็มีการ์ดเข้ามาสามสี่คน ฉุดลากเย่หรูอี้ขึ้นไปบนเวที

“แกเข้ามานี่ซิ!”

ถังหลินยื่นมือจะเข้าไปโอบเย่หรูอี้ ด้วยสีหน้าโหดร้าย

ผู้หญิงคนนี้ เขาอดทนมานานแล้ว คืนนี้จะต้องสยบนางให้ราบคาบ

“เทียนหลง!”

เย่หรูอี้กรีดร้องอย่างโหยหวนกับน้ำตาที่ไหลหลั่ง

“ฆ่าทิ้ง!”

พร้อมกับเสียงถังหลินสั่งลูกน้อง

การ์ดของตระกูลถังไม่มีอะไรต้องลังเล เล็งเป้าไปที่หัวของเย่เทียนหลง

ปัง!

เสียงปืนดังก้องไปรอบบริเวณ แต่ภาพที่คิดว่าจะเป็นเลือดสาดกระเซ็นออกมากลับไม่มีให้เห็น

แม้กระทั่งหัวของเย่เทียนหลงก็ไม่เห็นแตก

กริ๊กแกร๊ก!

บริเวณงานแต่งงานที่เงียบสงัด เกิดเสียงของโลหะร่วงลงกระทบพื้นของปลอกกระสุน

ที่ปรากฏให้เห็นคือลูกกระสุนที่การ์ดคนนั้นยิงออกไป ยังมีควันลอยให้เห็น ตกอยู่ตรงข้างหน้าเย่เทียนหลง

ที่ร่วงลงพื้นพร้อม ๆ กัน เป็นไม้จิ้มฟันธรรมดา ๆ อันหนึ่ง

ส่วนหัวของไม้จิ้มฟันหักไปหมด เห็นรอยไหม้ดำเกรียม

บรึม!

ทันทีนั้นเอง บรรดาคนทั้งหมดต่างสะดุ้งสะท้านในใจ

เย่หรูอี้ยิ่งตื่นใจเบิ่งตาคู่งามจนกว้าง สะท้านใจสุดประมาณ

“ใคร?ใครทำวะ?”

ถังหลินเกรี้ยวกราดขึ้นมาสุด ๆ

บริเวณงานแว่วเสียงหัวเราะผู้ชายที่นุ่มนวลระรื่นหู

“ขอประทานโทษครับ ผู้ชายคนนี้พวกท่านฆ่าเขาไม่ได้”

เจ้ามังกรพรีเมี่ยม

เจ้ามังกรพรีเมี่ยม

เมื่อห้าปีก่อน ถูกว่าที่ภรรยาใส่ร้าย ในเวลาที่เกือบจะตาย มีผู้หญิงคนหนึ่งมาช่วยเขาอย่างสุดชีวิตห้าปีต่อมา อำนาจและทรัพย์สมบัติของโลกล้วนตกอยู่ในมือของเขา การกลับมาของม้าศึก แค่เพื่อที่จะตอบแทนบุญคุณในคืนนั้น แต่กลับพบว่า เธอได้คลอดลูกสาวคนหนึ่งสิ่งที่เป็นหนี้คุณไม่สามารถลบล้างให้หมดไปได้ ถ้าอย่างนั้นก็ปกป้องพวกคุณสองแม่ลูก……ทั้งชีวิตเลยแล้วกัน!

Options

not work with dark mode
Reset