มองไปไกล ๆ ไวโอเล็ตนั่งอยู่บนรถจี๊ปคันหนึ่งที่ขับเข้ามาอย่างเร่งรีบ
บนใบหน้าของเธอมีความกระวนกระวายใจอย่างเข้มข้น มองออกได้ว่าเธอร้อนใจมาก
ถ้าหากต้องใช้คำสี่ตัวอักษรมาบรรยายความรู้สึกของไวโอเล็ตในตอนนี้ละก็ นั่นก็ต้องเป็นคำว่าฉิบหายแล้วอย่างแน่นอน
ความเจ็บปวดในใจของไวโอเล็ตนี่นะ!
เดิมทีการดำเนินการจับตัวโอดะไอที่มั่นใจเป็นอย่างมาก กลับทำให้เธอเร่ร่อนอยู่ในต้าเซี่ย ทั้งยังถูกถังเฉาช่วยชีวิตเอาไว้ด้วย
ที่สำคัญที่สุดก็คือ เธอกับถังเฉายังสร้างความร่วมมือกันอย่างลับ ๆ ขึ้นมาแล้วด้วย
ความสัมพันธ์ที่ร่วมมือกันนี้ เป็นสิ่งที่องค์กรหว่างเหลี่ยงไม่รู้
ดังนั้นไวโอเล็ตไม่สามารถให้องค์กรลงมือกับถังเฉาได้อย่างเด็ดขาด แล้วก็ไม่อาจให้องค์กรดูออกได้ว่าเธอมีความร่วมมือกับศัตรูขององค์กรเป็นการส่วนตัว เธอที่ถูกหนีบอยู่ตรงกลางวางตัวลำบากเป็นอย่างมาก
ในตอนนี้ เผชิญหน้ากับพลังที่พุ่งออกมาอย่างน่ากลัว และหงเหลียนที่มีฐานะเท่าเทียมกับตน ไวโอเล็ตทำได้เพียงหวังภายในใจว่าหงเหลียนจะไว้หน้าเธอ
“เฮอะ ไวโอเล็ต ในที่สุดเธอก็มาแล้ว…”
หงเหลียนจ้องรถยนต์ของไวโอเล็ต ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย ที่มุมปากปรากฏรอยยิ้มเยือกเย็นขึ้นมา
เบรกแรง ๆ ทีหนึ่ง รถก็จอดอยู่ในที่ว่างตรงกลาง ไวโอเล็ตลงมาจากรถอย่างรีบร้อน เดินมาอยู่ตรงหน้าของหงเหลียนด้วยใบหน้ามืดครึ้ม พูดด้วยความขุ่นเคืองว่า “หงเหลียน เธอมาทำอะไร? ฉันจำไม่ยักได้ว่าเบื้องบนส่งเธอมาทำภารกิจอะไร”
ถึงแม้ว่าหงเหลียนกับไวโอเล็ตจะเป็นของหว่างเหลี่ยงเหมือนกัน แต่ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนดูเหมือนจะไม่ได้ดีอะไร
มองดูไวโอเล็ตที่มีพลังโหดร้ายน่ากลัว สายตาของหงเหลียนก็หนาวเย็นลงมา ผู้หญิงยุโรปสองคนที่มีท่าทีแตกต่างกันเริ่มคุมเชิงกัน
หงเหลียนหัวเราะเยาะออกมาครั้งหนึ่ง “ยังไม่รู้สึกถึงความอันตรายหรอกหรือ เธอไม่ได้รับข่าวสารจากเบื้องบน ก็เพราะว่าเธอถูกเบื้องบนเฉดหัวแล้วยังไงล่ะ”
ตอนที่พูดคำนี้ออกมา น้ำเสียงของเธอมีความยินดีบนโชคร้ายของคนอื่นอย่างเข้มข้น ในสายตามีความเย้ยหยันอย่างคลุมเครือ
ขวับ!
พอคำนี้ลั่นออกมา สีหน้าของไวโอเล็ตก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างมากในทันที “หมายความว่าอย่างไร?”
หงเหลียนหัวเราะคิก ๆ ขึ้นมาอย่างน่ารัก เสียงหัวเราะของเธอมีเสน่ห์เป็นอย่างยิ่ง “หมายความว่าตอนนี้เธอสามารถไปจากต้าเซี่ยได้แล้ว รับการลงโทษจากองค์กร ตอนนี้ฉันมารับภารกิจที่เธอทำไม่สำเร็จต่อจากเธอ!”
“เบื้องบนพูดแล้วว่า องค์กรไม่ต้องการศูนย์กลางที่ไร้ประโยชน์ เธอเป็นถึงผู้บริหารสูงสุดห้าดาวที่มีระดับสูงที่สุด ไม่เพียงแต่จับตัวเจียงไป๋เสว่มาไม่ได้ ทั้งยังปล่อยตัวเหยื่อที่องค์กรหมายหัวเอาไว้ไปอีก เธอควรได้รับโทษแบบไหน!”
พลังที่ออกมาจากตัวของหงเหลียนแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ยื่นมือออกมาชี้ไวโอเล็ต เสียงเพิ่มระดับสูงขึ้นแปดส่วน
ทั้งป่าที่รกร้างนี้ดังสะท้อนเสียงซักถามแหลม ๆ ของเธอ
แม้แต่ถังเฉาที่เตรียมต่อสู้มาดีแล้ว ก็ยังมองไวโอเล็ตอย่างประหลาดใจ
สภาพการณ์ในตอนนี้ดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นการต่อสู้ภายในของผู้บริหารสูงสุดห้าดาวสองคนของหว่างเหลี่ยง
จากในบทสนทนาของพวกเธอ ถังเฉาก็ฟังปัญหาหนึ่งออก
เดิมทีผู้บริหารที่รับผิดชอบเขตพื้นที่ต้าเซี่ยนี้ก็คือไวโอเล็ต แต่เนื่องจากไม่สำเร็จบ่อยครั้ง ทั้งยังทำเหยื่อที่องค์กรต้องการหายอีก นี่ทำให้ระดับสูงบางคนของหว่างเหลี่ยงสูญเสียความอดทนไปทีละน้อย ดังนั้นจึงส่งผู้บริหารสูงสุดห้าดาวคนอื่นมาปฏิบัติการแทน มาทดแทนตำแหน่งของไวโอเล็ต
หรือก็คือ ไวโอเล็ตใกล้จะถูกปลดออกจากตำแหน่งแล้ว
“…”
ไวโอเล็ตดูเหมือนจะถูกคำพูดของหงเหลียนทำให้ตกใจกลัวไปแล้ว ดวงตาทั้งคู่เบิกกว้าง มองเธออย่างเหม่อลอย พูดจาไม่ออกอยู่เป็นนาน
“ไม่… เป็นไปไม่ได้ เบื้องบนพูดอย่างนี้จริง ๆ หรือ?”
ไวโอเล็ตมองหงเหลียนอย่างไม่อยากจะเชื่อ เอ่ยขึ้น
“แน่นอน”
หงเหลียนพูดตามเหตุผลว่า “องค์กรไม่รับเลี้ยงคนไร้ประโยชน์ ให้เวลาเธอมามากพอแล้ว แต่เธอก็ไม่ทำธุระให้สำเร็จ องค์กรโกรธมาก เธอคิดดูดี ๆ เถอะว่าหลังจากกลับองค์กรไปจะไปอธิบายกับเบื้องบนอย่างไรดี ฮ่า ๆ ๆ…”
หงเหลียนหัวเราะขึ้นมาอย่างกำเริบเสิบสาน ดูเหมือนเห็นไวโอเล็ตเสียหน้าได้ เธอก็เบิกบานใจมาก
“…”
ไวโอเล็ตเงียบไปพักหนึ่ง สีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างแปรปรวน อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมาว่า “แต่ว่า นี่จำเป็นต้องมีขั้นตอน ระหว่างนี้จะเกิดปัจจัยอะไรที่ควบคุมไม่ได้บ้าง ใครจะรู้ได้ จะใช้ผลลัพธ์มาตัดสินความสามารถของฉันไม่ได้!”
“อีกอย่าง เธอมาอยู่ในตำแหน่งของฉัน ก็ไม่แน่ว่าจะทำได้โดดเด่นกว่าฉัน!”
สีหน้าของไวโอเล็ตมองหงเหลียนอย่างเดือดดาลอยู่บ้าง เอ่ยขึ้น
“อะไรนะ? ไม่แน่ว่าฉันอาจจะทำได้ไม่โดดเด่นเท่าเธอ? เธอล้อเล่นเหรอ?”
หงเหลียนส่งเสียงหัวเราะเยาะออกมาราวกับได้ยินเรื่องตลกอะไรขึ้นมาอย่างนั้น “อย่าลืมสิว่าตอนที่ฉันได้เป็นผู้บริหารสูงสุดห้าดาวนานกว่าเธอมากนะ ในสายตาของฉัน เธอเป็นคนรุ่นหลังคนหนึ่ง… ต่อให้อยู่ระดับเดียวกันกับฉันแล้วจะอย่างไร ถ้าพูดเรื่องความสามารถแล้ว เบื้องบนกลับเชื่อถือฉันมากกว่า!”
“…”
สีหน้าของไวโอเล็ตทั้งซีดทัังแดง กัดฟันจ้องหงเหลียนตาเขม็ง
“น่าเสียดายนะ ที่ตอนแรกโชคชะตาของเธอกับพี่สาวของเธอ เดิมควรจะถูกกำจัดไปตั้งนานแล้ว น่าเสียดายที่องค์กรเห็นความสำคัญของศักยภาพและพรสวรรค์ของเธอ เธอกลับเอาเรื่องนี้มาบีบบังคับขู่เข็ญให้พวกเราปล่อยพี่สาวของเธอไป ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะจบไม่สวยเป็นอย่างมากเลยนะ!”
สายตาของหงเหลียนมองไวโอเล็ตอย่างเหยียดหยามอย่างถึงที่สุด เอ่ยอย่างเยาะหยัน
“เธอพูดอะไรน่ะ!
เพิ่งจะสิ้นเสียง สายตาของไวโอเล็ตก็เปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมขึ้นมาทันที จ้องมองหงเหลียนเขม็ง
“เธอลองว่าร้ายพี่สาวฉันดูสิ?”
“ทำไมเหรอ จี้โดนจุดเธอเหรอ อับอายจนแค้นเลย?”
ไวโอเล็ตมีสีหน้าโหดเหี้ยม แต่ก็ไม่ได้ทำให้หงเหลียนหวาดกลัว กลับหัวเราะเสียงดังขึ้นมา เอ่ยขึ้นมาอย่างเหยียดหยามว่า “ไม่ยอมรับ เธอสามารถลงมือกับฉันได้นะ? ถ้าหากเธอมีความกล้าน่ะนะ ฮ่า ๆ ๆ…”
ไวโอเล็ตเพิ่งจะยกกำปั้นขึ้นมา สุดท้ายก็ทิ้งมันไป ใบหน้าเต็มไปด้วยความเดือดดาล
ถังเฉามองอยู่อย่างเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ โดยเฉพาะไวโอเล็ต เขาอดไม่ได้ที่จะมองหลายครั้ง
เดิมทีในสายตาของเขา ไวโอเล็ตเป็นคนคนหนึ่งที่เห็นชีวิตคนเหมือนผักเหมือนปลา เป็นผู้หญิงที่มีความคิดโหดเหี้ยมอยู่ลึกมาก ๆ แต่ในตอนนี้เขาได้เปลี่ยนทัศนคติไปแล้ว
เธอใช้ตัวเองตามหาพี่สาวของเธอ ซึ่งก็คือจักรพรรดินีของแก๊งโครงกระดูก ดูออกได้ไม่ยากว่าเธอคิดถึงโซเฟียมาก อีกทั้งการเข้าร่วมหว่างเหลี่ยงก็มีความสัมพันธ์ที่แยกไม่ออกกับโซเฟีย
ตอนนี้กลับถูกคนอื่นเยาะหยัน อย่าว่าแต่ไวโอเล็ตเลย แม้แต่ถังเฉาที่เป็นคนดูอยู่ข้าง ๆ ก็ยังทนมองต่อไปไม่ได้
เขาเดินหน้าขึ้นมาหนึ่งก้าว มาอยู่ตรงหน้าของไวโอเล็ต หรี่ตามองหงเหลียน “ที่จริงแล้วหล่อนก็มีประโยคหนึ่งที่พูดไม่ผิดนะ ก็คือมายืนอยู่ในตำแหน่งของคุณ ไม่แน่นอนว่าจะต้องทำได้โดดเด่นไปกว่าคุณ โอดะไออยู่ในมือของผม คุณมีปัญญามาแย่งเธอไปจากในมือของผมไหมล่ะ?”
ตอนที่พูดคำนี้ มุมปากของถังเฉาก็ยกขึ้นมา มีแววหยอกล้อขึ้น
สายตาของหงเหลียนเยียบเย็นขึ้นกะทันหัน “คุณหมายความว่าอย่างไร?”
“หมายความว่า…”
“เรื่องที่เธอทำไม่ได้ คุณก็ทำไม่ได้ ด้วยเหตุนี้คุณก็ไม่ได้สูงส่งไปกว่าเธอสักเท่าไหร่หรอก ผมไม่รู้ว่าคุณไปเอาความภาคภูมิใจในตัวเองนี้มาจากไหน!”
น้ำเสียงที่เยียบเย็นดังขึ้น ทั้งตัวของถังเฉาก็หายไปจากที่เดิม นาทีต่อมาก็ไปปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของหงเหลียนราวกับปีศาจร้าย
ขวับ!
ไม่ได้รอให้หงเหลียนเรียกสติขึ้นมาได้ มือข้างหนึ่งยื่นออกมาบีบคอของหงเหลียนเอาไว้อย่างคาดไม่ถึง
พอออกแรง เธอก็ถูกถังเฉายกขึ้นมาเหมือนกับลูกนกตัวหนึ่ง
โครม!
เสียงฟ้าร้องดังลั่น สายฟ้าแลบที่ส่องประกายแหวกท้องฟ้า ลากเงาของพวกเขาให้ยาวในชั่วพริบตา
ใบหน้าของถังเฉาในตอนนี้น่าสะพรึงกลัวมากขนาดนั้น
คว้าลำคอของหงเหลียน ยิ้มอย่างเยือกเย็นขึ้นมาฉับพลัน “เคยมีคนเตือนคุณไหมว่าเป็นถึงผู้บริหารสูงสุดห้าดาว คุณพูดมากเกินไปแล้ว?”