บทที่99ตระกูลโจวศิโรราบ
ตบฉาดหนึ่งลงบนใบหน้า โจวเหม่ยหยูนหน้าบวมทันที
เธอมองโจวฉวนกั๋วอย่างตกตะลึง ไม่นาน แสดงสีหน้าเหม่อลอยออกมา“พ่อคะ ตบหนูทำไม”
โจวเหม่ยหลิง โจวซูหัวต่างก็มองด้วยอาการงุนงง คนที่ควรตบคือถังเฉาไม่ใช่เหรอ ทำไมมาตบโจว เหม่ยหยูนล่ะ
มีเพียงถังเฉาเท่านั้นที่จะเข้าใจต้นสายปลายเหตุทั้งหมด มองทุกอย่างด้วยอาการเย็นชา ในใจแค่น หัวเราะ ตระกูลโจว มาได้เร็วดีนี่
“ตบแกนั่นแหละ!”
โจวฉวนกั๋วมองโจวเหม่ยหยูนอย่างไม่สบอารมณ์ ด่าทอ“ดูแกสร้างความฉิบหายให้ตระกูลโจวยังไง เพราะแกคนเดียว ตระกูลโจวถึงได้ตกต่ำขนาดนี้!”
คำพูดนี้ พูดจนโจวเหม่ยหยูน หลินฉ่ายเวย โจวเหม่ยหลิงลูบหัวอย่างงงงวย
เมื่อวานเรื่องที่โจวฉวนกั๋วโดนตีขาหัก เธอเองก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เลยไม่รู้ว่าเรื่องอะไร
“คุณพ่อ พูดอะไรคะ”
โจวเหม่ยหยูนระงับอารมณ์โทสะพูดขึ้น“หนูพาฉ่ายเวยเหม่ยหลิงกลับบ้าน ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น แล้วจะมาโทษหนูได้ไง”
“คุณปู่ แบบนี้ไม่แยกผิดชอบชั่วดีเลยนะคะ”
เมื่อเห็นมารดาได้รับความอยุติธรรม หลินช่ายเวยจึงลุกขึ้นพูด “คุณปู่ก็เห็นแล้ว คุณแม่โดนรังแกฝ่ายเดียว คุณปู่ไม่ตบไอ้สวะนั่นก็ช่างเถอะ แต่ยังมาตบแม่หนูอีก และก็ไม่แน่ตระกูลโจวบริหารไม่ดี สร้างศัตรูเองก็ได้”
ถ้าไม่รู้ความจริง ต่อให้โจวฉวนกั๋วจะโกรธแค่ไหนก็ไม่มีวันลงมือกับโจวเหม่ยหยูน แต่พอรู้ความจริงแล้ว โจวฉวนกั๋วจะสะกดกลั้นโทสะนี้ไว้ได้อย่างไร
“ก็ได้ ในเมื่อแกไม่พอใจ ฉันจะทำให้แกเข้าใจ!”
โจวฉวนกั๋วแค่นเสียงหนัก จากนั้นหันไปหาโจวเสว่หลิน“หามไอ้หลานอกตัญญูเข้ามา!”
“ค่ะ”
แววตาโจวเสว่หลินเต็มไปด้วยความปวดใจ เธอร้องไห้จนตาบวม หันไปกวักมือเรียก
จากนั้น ชายฉกรรจ์สามสี่คนก็หามเปลขึ้นมา ในเปล มีชายหนุ่มนอนหายใจรวยริน โดยเฉพาะขาโดนตีจนผิดรูป
“พี่เฉินเหยา?!”
เมื่อเห็นชัดว่าวัยรุ่นบนเปลเป็นใคร แววตาหลินฉ่ายเวยจึงหดลงทันที อดไม่ได้เอามือกุมปาก อุทาน อย่างไร้เสียง
“เฉินเหยา เป็นอะไรน่ะ”
โจวเหม่ยหยูนตกใจจนหน้าซีดเผือด รีบพุ่งเข้าไปที่เปล อยากเข้าไปถามไถ่ แต่โดนโจวเสว่หลินผละ ออกอย่างดุดัน
“ไปเลยนะ ไปห่างๆลูกฉัน!”
โจวเสว่หลินมองโจวเหม่ยหยูนด้วยความเคียดแค้น“พวกเธอทำให้ลูกฉันเป็นแบบนี้ ต่อให้ตายเป็นผีฉันก็ไม่ให้อภัย!”
โจวเหม่ยหลิง โจวซูหัวตากระพริบเป็นประกาย ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง พวกหล่อนคิดไม่ถึงว่า เฉินเหยาที่ยังเริงร่าเมื่อวาน วันนี้กลับโดนตีขาหักแล้ว
เมื่อคืน เกิดอะไรขึ้นกันแน่
ถังเฉายืนอยู่ด้านหลังกลุ่มคน มองดูสภาพเฉินเหยา สีหน้ายิ้มจาง
สมแล้วที่เป็นโจวฉวนกั๋ว จัดการได้ดุเดือดเสียจริง เพื่อที่จะไถ่โทษ ขนาดหลานตัวเองแท้ๆ ยังฟาดซะขาหัก
“เห็นมั้ย ถ้าไม่ใช่เพราะพวกแกทำเราซวย ตระกูลโจวก็คงไม่ต้องมาเป็นแบบนี้ ฉันก็ไม่ต้องฟาดเฉินเหยาจนขาหัก!”
โจวฉวนกั๋วสูดลมหายใจลึก มองโจวเหม่ยหยูนอย่างโกรธขึ้ง พูดขึ้น
พอพูดออกไปแบบนี้ พวกโจวเหม่ยหยูนก็ตัวสั่นเทา ราวกับหัวใจถูกบีบ ขาของโจวเฉินเหยา โจวฉวนกั๋วเป็นคนฟาดจนหักเองเหรอ
“พวกแกทำให้ตระกูลโจวฉิบหายขนาดนี้ ยังมีหามาหาเรื่องข้างนอกอีก ดูสิว่าฉันจะเอาลูกสาวกตัญญูแบบแกถึงตายมั้ย!”
โจวฉวนกั๋วยิ่งพูดยิ่งโกรธ พุ่งเข้ามา จะตบโจวเหม่ยหยูน โจวเหม่ยหยูนตกใจจนร้องเสียงหลง
“คุณพ่อ หยุดนะคะ หนูเป็นลูกสาวคุณพ่อนะคะ—-”
โจวเหม่ยหลิง โจวซูหัวต่างไปกันท่าโจวฉวนกั๋วเอาไว้“คุณพ่อคะ ใจเย็น!”
“ลูกสาวเหรอ”
โจวฉวนกั๋วแค่นเสียง มองโจวเหม่ยหยูนเย็นชา บันดาลโทสะ“ลูกสาวที่ออกเรือนไปแล้วก็เหมือนน้ำที่สาดออกไป แกไม่ใช่คนตระกูลโจวแล้ว”
“ว่าไงนะ?!”
พอพูดคำนี้ออกไป โจวเหม่ยหยูนหน้าซีดเผือด
ที่บ้านมา เธอเป็นจอมบงการในบ้านตระกูลหลินเสมอ เป็นเพราะมีบารมีตระกูลโจว ตอนนี้โจวฉวนกั๋วพูดแบบนี้ ก็หมายความว่า เธอจะไม่มีที่พึ่งพิงหนุนหลังแล้วสิ
โจวฉวนกั๋วโกรธจนหน้าแดงก่ำ หายใจติดขัด แต่ว่า ถังเฉากลับสัมผัสไม่ได้ถึงความจริงใจเลย ก็เป็นแค่การยอมศิโรราบธรรมดา
สีหน้าโจวเหม่ยหยูนซีดขาว หลบอยู่หลังหลินเจิ้นสง เมื่อเห็นสถานการณ์ โจวฉวนกั๋วจึงรีบชะงักฝีเท้า หันหน้ากลับมา ชี้ไปที่โจวเฉินเหยาที่ขาหักพูดว่า“หลานทรพี ยังไม่คุกเข่า คำนับอีก!”
โครม—-
ท่ามกลางสายตาไม่น่าเชื่อของคนรอบตัว โจวเฉินเหยาลากขาที่หัก กัดฟันกรอดคุกเข่าลงตรงหน้าหลินเจิ้นสง คำนับหัวลงกับพื้น
“น้าเขยรอง ขอโทษครับ ผมไม่ควรพังบริษัทของน้าเขยสอง แล้วทำร้ายร่างกายอีก!”
“เจิ้นสง ลูกสาวอกตัญญูคนนี้สร้างความเดือดร้อนให้นายแล้วล่ะ!”
โจวฉวนกั๋วเองก็โค้งคำนับเก้าสิบองศา ก้มหัวลง พูดกับหลินเจิ้นสงว่า“ตอนนี้พ่อขอเป็นตัวแทนลูกสาวอกตัญญู พาหลานทรพี มาขอขมา หวังว่าผู้ใหญ่ใจกว้าง จะไม่ถือสาหาความนะ ให้เพื่อนของนายปล่อยตระกูลโจวเราไปเถอะ!”
“ขอร้องล่ะ ปล่อยตระกูลโจวไปเถอะ!”
คนตระกูลโจวด้านหลัง ต่างก็โค้งเก้าสิบองศาเช่นกัน แล้วพร้อมใจกันขอขมา
เวลานั้น เสียงสะท้อนก้องพร้อมเพรียง กระทบเข้าโสตประสาทหู
ฉากนี้ ทำให้โจวเหม่ยหยูนกับหลินฉ่ายเวย สะท้านไปถึงวิญญาณ
โจวเหม่ยหลิง โจวซูหัว หลินจ้องเหม่อลอย ไม่พูดเป็นนาน
หลินเจิ้นสงเองก็จ้องโจวฉวนกั๋วอย่างตกตะลึงเช่นกัน ไม่กล้าเชื่อว่าพ่อตาจะโค้งคำนับให้
ตอนแรก ที่เขาขอโจวเหม่ยหยูนแต่งงาน ใครๆก็ดูแคลนเขา โจวฉวนกั๋วพ่อตาของเขา ยิ่งปฏิบัติกับเขาราวบ่าวไพร่ แต่ตอนนี้กลับขอให้เขาปล่อยสกุลโจวไป
ฉับพลัน หลินเจิ้นสงราวนึกอะไรออก หันกลับไปมองถังเฉา
สีหน้าถังเฉานิ่งเรียบ จ้องมองตระกูลโจวอย่างขออภัย แต่ไม่พูดอะไร
ทันใดนั้น หลินเจิ้นสงกระพริบตา
คำพูดที่ถังเฉาพูดกับเขาเมื่อวานยังคงค้างคา ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นแค่คำปลอบใจ คิดไม่ถึงว่าถัง เฉาจะให้สกุลโจวชดใช้ด้วยเลือด!
“คุณพ่อคะ ทำอะไรกัน”
โจวเหม่ยหยูนยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งโกรธทั้งตกใจ
บิดาของหล่อพาสกุลโจวขอขมาสามีของหล่อน แล้วต่อไปบ้านนี้ใครเป็นใหญ่
ผัวะ!
โจวฉวนกั๋วตบฉาดลงบนหน้าโจวเหม่ยหยูน กล่าวเดือดดาล“หุบปากแกไป แกมีสิทธิอ้าปากพูดหรือไง ยังไม่รีบมาคำนับขอขมาด้วยกันอีก!”
“พวกแกด้วย มาพร้อมกัน”
โจวฉวนกั๋วชี้ไปที่โจวเหม่ยหลิง หลินฉ่ายเวย ออกคำสั่ง
ทันใดนั้น สีหน้าโจวเหม่ยหยูนบูดบึ้งทันที แต่ยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง
“คุกเข่า ขอขมา!”
โจวฉวนกั๋วเตะขาโจวเหม่ยหยูน เตะหล่อนไปกองตรงหน้าหลินเจิ้นสงกับถังเฉา
โดนเตะจนเจ็บ โจวเหม่ยหยูนน้ำตาเล็ด โกรธขึ้ง ใบหน้าบูดเบี้ยว
เธอจิกเล็บลงบนพื้นหิน จนเล็บแตกหัก ก็ไม่รู้สึก
เส้นเลือดในตาแดงก่ำ น่าหวาดกลัว
“ผมแนะให้คุณรีบขอขมาโดยด่วน ไม่งั้นตระกูลโจว คงจะฉิบหายในมือพวกคุณ”
เสียงของถังเฉาราวคำพิพากษาดังลอดมา โจวเหม่ยหยูน หลินฉ่ายเวยเงยหน้าขึ้น สิ่งที่เห็นคือ แวว ตาเย็นชา
แววตาเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้พวกโจวเหม่ยหยูนตกใจ โจวฉวนกั๋วเองก็ตกใจ
เขามีอายุมาถึงป่านนี้ ไม่เคยเห็นชายหนุ่มคนไหนไร้ความรู้สึกขนาดนี้มาก่อน
“น้องชายคนนี้ นายคือ……”
โจวฉวนกั๋วอายุหกสิบกว่าแล้ว แต่ยังต้องพูดจาให้ความเคารพถังเฉา
ความรู้สึกบอกเขา ชายหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดา
“ผมคือถังเฉา”
ถังเฉาสีหน้าเรียบเฉย“จากปากของพวกหล่อนคือ……’สวะ’!”
จังหวะที่สบตากับถังเฉา โจวฉวนกั๋วรู้สึกใจหนักอึ้ง เขาไม่กล้าคิดต่อ จึงเตะขาโจวเหม่ยหยูน หลินฉ่ายเวย โจวซูหัวอีกรอบ คำรามด้วยโทสะ“พวกแกยังไม่รีบคุกเข่า ขอขมา ถ้าตระกูลโจวฉิบหายไป ฉันจะฆ่าพวกแกเป็นคนแรก!”
โจวเหม่ยหยูนตกใจวิญญาณแทบหลุด เป็นครั้งแรกที่พวกเธอเห็นบิดาเป็นแบบนี้ จึงรีบคำนับหลินเจิ้นสง ขอขมา
“เจิ้นสง พวกเราผิดไปแล้ว ขอร้องล่ะ……”
“ไว้ชีวิตเราด้วย!”