บทที่100 ทำคุณไถ่โทษ
พอเห็นพวกโจวเหม่ยหยูนต่างเข้ามาคำนับ ขอขมา โจวฉวนกั๋วถึงได้ลุกขึ้น พูดกับหลินเจิ้นสงด้วยสีหน้าโศกศัลย์“เจิ้นสง คำนับก็คำนับแล้ว ขอขมาก็ขอขมาแล้ว อภัยให้พวกเราหรือยัง”
“พ่อเองก็ไม่รู้ว่าลูกสาวอกตัญญูคนนี้จะทำเรื่องน่าละอายแบบนี้ ถึงขนาดร่วมมือกับหลานชาย มาพังบริษัท ยังทำร้ายร่างกายเธออีก พ่อเองก็ไม่รู้เรื่อง ไม่งั้น ก็คงจะหยุดไว้”
โจวฉวนกั๋วพูดแสดงน้ำใจ เคลียร์เรื่องตระกูลโจวให้อย่างชัดเจน ถังเฉาเห็นสถานการณ์ได้แต่แค่น ยิ้มเป็นระยะ
พ่อเป็นแบบไหนลูกก็เป็นแบบนั้นแหละ มีลูกแบบโจวเหม่ยหยูนได้ คุณธรรมของโจวฉวนกั๋วก็ไม่น่าจะดีไปกว่านี้เท่าไหร่
หลังจากขอขมาเป็นที่เรียบร้อย โจวเหม่ยหยูนจึงกัดฟันกรอด ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
เธอเองก็คิดไม่ถึงว่าจะมีวันที่เธอจะได้ก้มหัวให้เขา เพื่อขอขมา
ใช่แล้ว เธอเป็นคนไหว้วานให้โจวเฉินเหยาไปพังบริษัทของหลินเจิ้นสงเอง แต่ว่า เธอคิดว่าเธอเองไม่ได้ทำอะไรผิด
“เจิ้นสง ตระกูลโจวของเราสำนึกผิดแล้ว ให้เพื่อนนายปล่อยพวกเราไปเถอะ”
โจวฉวนกั๋วคร่ำครวญขอร้อง จนแทบจะคุกเข่าให้หลินเจิ้นสง แล้วยังชี้ไปที่โจวเฉินเหยาพูดว่า“ดูนี่ พ่อตีไอ้หลานขาหักแล้ว นั่นมันหลานแท้ๆของพ่อนะ!”
ถังเฉามองนิ่งไปที่หลินเจิ้นสง เรื่องครั้งนี้ เขาเห็นท่าทีของบิดา ถ้าบิดาไม่ยอมความ แบบนี้ตระกูลโจวก็ไม่ต้องดำรงอยู่ต่อไปอีกแล้ว
หลินเจิ้นสงนิ่งงันไปครู่ มองดูโจวเหม่ยหยูน หลินฉ่ายเวยที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า จึงถอนหายใจ พูดว่า“ลุกขึ้นให้หมดเถอะ”
ถังเฉาสีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย เดิมทีอยากจะพูดอะไร แต่เหมือนคิดอะไรออกอีก จึงหยุดเอาไว้
ในเมื่อบิดาเลือกที่จะให้อภัย งั้นก็ตามนี้แล้วกัน
โจวฉวนกั๋วได้ยินดังนั้น จึงดีใจออกนอกหน้า กล่าวขอบคุณเป็นพัลวัน“ขอบคุณนะเจิ้นสง ขอบคุณนะเจิ้นสง เรื่องเพื่อนนาย —-ฝากด้วยแล้วกัน”
หลินเจิ้นสงพยักหน้าเล็กน้อย
โจวฉวนกั๋วรีบพาคนตระกูลโจวจากมา แล้วยังพาโจวเหม่ยหยูน หลินฉ่ายเวยออกมาด้วย
“พวกเราก็ไปเถอะ”
ถังเฉากับหลินเจิ้นสงจากมาพร้อมกัน
โจวเหม่ยหยูนนั่งหน้าง้ำอยู่บนรถ คำนับจนหน้าผากถลอกหมด มีรอยเลือดเล็กน้อย
หลินฉ่ายเวย โจวเหม่ยหลิงก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน หน้าตามอมแมมกันไปทั่ว
เดิมทีคิดว่าโจวฉวนกั๋วจะช่วยสนับสนุนพวกหล่อน คิดไม่ถึงว่าจะให้ขอขมาหลินเจิ้นสง
อย่างไรเสียตระกูลโจวก็เป็นตระกูลแนวหน้าในเมืองหมิงจู ต่อให้ทำอะไรผิดก็เถอะ จะให้ไปคุกเข่าขอขมาลูกเขยได้อย่างไร
“ทำไม ยังโกรธพ่อเหรอ”
โจวฉวนกั๋วนั่งอยู่ด้านหน้า มองลอดผ่านกระจก มองทะลุสีหน้าพวกโจวเหม่ยหยูน จึงถามออกมา เสียงเรียบ
โจวเหม่ยหยูนพกพาอารมณ์ตัดพ้อ กล่าวออกไปเต็มที่“มิกล้า”
เวลานี้เอง สีหน้าโจวฉวนกั๋วรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่ก็ได้แต่ตอบเสียงเย็น“อย่าโทษว่าพ่อไร้ซึ่งจิตใจเลย เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ และก็ไม่รู้ว่าหลินเจิ้นสงไปดวงดีมาตั้งแต่ชาติปางไหน ถึงได้รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ขนาดนั้น เมื่อกี้เป็นแค่การเปิดศึกผิวเผิน ได้รับการอภัยจากหลินเจิ้นสง ทำให้ตระกูลโจวรอดภัยมาหวุดหวิด หากไม่รู้จักอ่อนเข้าหาบ้าง จะได้อย่างไร”
“แต่ว่า—-แบบนั้นมันงี่เง่ามากเลยนะคะ!”
โจวเหม่ยหยูนสีหน้าประกายความเย็นชา“หนูครองบ้านนั้นมาทั้งชีวิต ยังไม่เคยคุกเข่าให้สวะนั่นเลย”
“ถ้าไม่มีตระกูลโจวแบบเราซะอย่าง คนอย่างหลินเจิ้นสงนับเป็นอะไรได้ คงหิวตายข้างถนนไปนานแล้ว!”
โจวเหม่ยหยูนเองก็พูดอย่างดุเดือด
โจวฉวนกั๋วโบกมือ พูดขึ้น“พวกแกสบายใจได้ เรื่องนี้พ่อต้องมีคำตอบให้พวกแกแน่นอน”
“ลูกเขยที่ไร้เงินไร้อำนาจ อยากจะมาแหยมสกุลโจวเหรอ เป็นไปไม่ได้ รอให้ผู้ใหญ่ท่านนั้นอภัยให้สกุลโจวของเราก่อน พ่อจะกู้หน้าให้พวกแกเอง”
ฟังดังนั้น โจวเหม่ยหยูนยิ้มแก้มปริขึ้น“ขอบคุณค่ะพ่อ!”
“แล้วยังมีเรื่องของเฉินเหยาอีก ต้องมีคำตอบ”
แววตาโจวเฉินกั๋วส่องประกายเยียบเย็น“เพื่อที่จะแสดงละครฉากนี้ ทำให้หลานชายพ่อต้องเสียขาไป ไม่คุ้มเลย—-สิ่งที่พ่อให้ความสำคัญคือ พ่อหนุ่มที่ชื่อว่าถังเฉานั่น……”
พอพูดออกไปแบบนี้ หลินฉ่ายเวยจึงอดกล่าวขึ้นไม่ได้“คุณปู่คะ สนใจสวะนั่นทำไมเล่า มันก็เป็นแค่กาฝากไปวันๆ ไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ”
“อีกอย่าง คุณพ่อหนูใจอ่อน ขนาดคุณปู่ยังไม่ได้ชดเชยอะไรให้สักบาท คุณพ่อยังยกโทษให้เลย เรื่องของบริษัท ยังมีอีกกองพะเนินที่คุณพ่อต้องจัดการ”
หลินฉ่ายเวย ยิ้มแล้วยิ้มอีก พูดขึ้น“บริษัทโดนพังซะขนาดนั้น คนงานก็ไปหมด อีกอย่างนัดส่งสินค้ากับบริษัทลี่จิงก็ใกล้เข้ามาทุกที ไม่มีคนงานกับอุปกรณ์ คุณพ่อจะส่งสินค้าอย่างไรคะ ถึงเวลานั้น ก็ต้องก้มหัวขอร้องสกุลโจวอยู่ดี”
โจวฉวนกั๋วได้ฟัง พยักหน้า พูดขึ้น“พูดได้มีเหตุผล สุดท้าย ก็ต้องบากหน้ามาขอตระกูลโจวของเราอยู่ดี พวกเราก็จะได้ถือโอกาสนี้ร่วมมือกับลี่จิงไปโดยปริยาย”
“ขอบคุณค่ะพ่อ!”
“ขอบคุณค่ะคุณปู่!”
โจวเหม่ยหยูน กับหลินฉ่ายเวยยินดีปรีดา แววตาร้อนระอุ
แววตาโจวฉวนกั๋วประกายเยียบเย็น“หลินเจิ้นสง ฉันจะทำให้แกเข้าใจ ไม่มีตระกูลโจว แกก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี!”
ในรถมีเสียงหัวเราะดังก้อง
อีกฟากหนึ่ง ถังเฉากับหลินเจิ้นสงไปที่บริษัทโอ้ชิน ตลอดทาง หลินเจิ้นสงยังคงขมุ่นคิ้วตลอด
ถังเฉารู้ว่าหลินเจิ้นสงกำลังกลุ้มใจเรื่องอะไร จึงพูดออกมา“พ่อครับ ไม่ต้องกังวลไป เดี๋ยวเรื่องที่โรงงานกับเรื่องคนงานก็แก้ไขได้เอง”
“แก้ไขอย่างไรรึ”
หลินเจิ้นสงกลับส่ายหน้า พูดขึ้นอย่างปวดหัว“วันส่งของให้บริษัทลี่จิงเหลืออีกแค่ครึ่งเดือนเท่านั้น ช่วงเวลาสั้นๆ จะไปหาอุปกรณ์ที่ไหนเล่า แล้วไหนจะคนงานอีก ต่อให้หาได้ เวลาแค่สิบวัน ก็ผลิตไม่ได้ตามจำนวนออเดอร์อยู่ดี”
ถังเฉายิ้มให้ พูดขึ้น“เวลาครึ่งเดือน เพียงพออยู่ครับ”
หลินเจิ้นสง ชะงักงันถามขึ้น“เสี่ยวเฉา มีวิธีอะไรเหรอ”
ถังเฉาหัวเราะฮ่าๆ พูดขึ้น“พ่อครับ อีกไม่กี่วัน พ่อมอบหมายทุกอย่างให้ผมเลยครับ ภายในเวลาครึ่งเดิน ผมจะช่วยจัดการให้พ่อมีของส่งลี่จิงเอง ได้กำไรก้อนโตแน่นอน”
พูดจบก็หัวเราะฮ่าๆ เดินจากไป
เขาโทรหาทั้งเฟิ่งหวงและหลัวปู้ กำชับสองเรื่อง เฟิ่งหวงกับหลัวปู้จึงตอบรับด้วยความเต็มใจ
ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนลตัน
ทรัพย์สินตระกูลโจวที่ถูกยื่นจดจำนอง ก่อนที่จะได้รับการอภัย พวกเขาเอามาไว้ที่นี่ ไว้ในห้องพัก เพรสซิเดนท์ ลูกหลานตระกูลโจวต่างก็มารวมกันอยู่ที่นี่
ทุกคนต่างก็กำลังรอคอยกันอย่างร้อนใจ ด้วยสีหน้ากระวนกระวาย
หลังจากกลับไปแล้ว โจวฉวนกั๋วจึงโทรศัพท์ให้หลินเจิ้นสง แล้วถามถึงทิศทางของผู้ใหญ่ท่านนั้น ปรากฏว่า หลินเจิ้นสงเองก็เหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร
แต่ว่า สิ่งที่มั่นใจได้คือ ผู้ใหญ่ท่านนั้นอภัยให้ตระกูลโจวแล้ว ตอนนี้ พวกเขากำลังรอข่าวคราวอยู่
กริ๊งงงง—-
ในเวลานี้เอง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
โจวฉวนกั๋วรีบรับสายโทรศัพท์
ได้ยินเพียงเสียงตื่นเต้นดังมา“ท่านประมุขครับ เมื่อกี้มีข่าว ทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลโจว รวมถึงบริษัท ได้รับการปลดล๊อคแล้วครับ”
“อีกอย่าง ธนาคารก็เก็บจดหมายทนายคืน ห้าพันล้าน ไม่ต้องคืนแล้วครับ!”
“จริงเหรอ”
โจวฉวนกั๋วได้ฟัง ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
“จริงแท้แน่นอนครับ!”
“ฮ่าๆๆ!”
โจวฉวนกั๋วหัวเราะเสียงดัง เอนลงบนโซฟาอย่างผ่อนคลาย
“คุณพ่อคะ เป็นไงบ้างคะ วิกฤตคลี่คลายแล้วใช่ไหมคะ”
โจวเหม่ยหยูน โจวเหม่ยหลิง หลินฉ่ายเวยต่างก็ตื่นเต้นในคำถาม
“แก้ไขแล้วแน่นอน”
โจวฉวนกั๋วอารมณ์เบิกบาน หน้าแดงก่ำ“ดูท่าตระกูลโจวของเรา ยังคงพอมีอิทธิพลอยู่บ้างในเมือง หมิงจู ผู้ใหญ่ท่านนั้นรีบเก็บมือกลับทันที”
“ตระกูลโจวรอดแล้ว เกิดวิกฤตไม่ตาย จะต้องเกิดวาสนาใหญ่!”
“คุณปู่สุดยอดไปเลย เพียงแค่คุณปู่ออกหน้า ก็แก้ไขได้แล้ว!”
“คุณปู่คะ ก้าวต่อไปทำอย่างไรต่อดีคะ”
“……”
ลูกหลานตระกูลโจวต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นต่างก็ทยอยกันเดินเข้ามา
“สถานการณ์ยังไม่นิ่ง อย่าเพิ่งรีบดีใจเกินไป”
โดยพลัน สีหน้าของโจวฉวนกั๋วก็เข้มงวดขึ้นมา มองไปที่โจวเหม่ยหยูน พูดขึ้น“เหม่ยหยูน แล้วก็ ฉ่ายเวย เหม่ยหลิง เดี๋ยวพ่อจะทำคุณไถ่โทษ”
“ตอนนี้หลินเจิ้นสงคงกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว เวลาสั้นๆแบบนี้หาซื้ออุปกรณ์ไม่ได้หรอก หาคนงานไม่ได้ด้วย แล้วเงื่อนไขเข้มงวดแบบนี้ มีแต่ตระกูลโจวที่มีพร้อม พรุ่งนี้พวกแกไปที่บริษัทโอ้ชิน ดูว่าหลินเจิ้นสงจะยอมมอบออเดอร์ที่ร่วมมือกับลี่จิงให้ตระกูลโจวหรือเปล่า แน่นอน ไม่เอาเปรียบพวกเขาแน่ อืม……ให้เขาห้าแสน”
“ครับ”
พอพวกโจวเหม่ยหยูนได้ฟัง ก็ดีใจ แค่นยิ้มขึ้นมาทันที
คุณพ่อใช้เงินแค่ห้าแสน ก็แย่งธุรกิจของลี่จิงมาได้แล้ว……