เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก – ตอนที่ 167 นี่เขาตบหล่อนจริงๆ นะนั่น

โม่ฮุ่ยหลิงไม่ได้พบหน้าชายหนุ่มมาหลายวัน และตอนนี้เธอก็กำลังมองดูเขาด้วยสายตาเต็มเปี่ยมด้วยความรัก และส่งยิ้มที่เธอคิดว่าสวยที่สุดให้เขา  
 
 
แต่ชายหนุ่มกลับหันไปมองและถามว่า “เธอมาที่นี่ทำไมน่ะ”  
 
 
โม่ฮุ่ยหลิงบุ้ยปาก “ทำไมคะ คุณไม่ต้อนรับฉันที่นี่หรอกเหรอคะ”  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อปรายสายตาลงมอง “ก็แค่เธอมาที่นี่ปุบปับโดยไม่ได้บอกฉันล่วงหน้าเท่านั้น”  
 
 
“ทำไมคะ คุณคิดว่าฉันมาที่นี่เพราะจะมาหาคุณเหรอ ฉันมาหาหลินเช่อต่างหากละคะ” โม่ฮุ่ยหลิงพ่นลมพรืด แล้วเชิดศีรษะอย่างยโส “ชีวิตฉันไม่ได้หมุนรอบคุณสักหน่อยนะคะ ฉันมาเรื่องงานต่างหากล่ะ”  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อหรี่ตา  
 
 
“มาหาหลินเช่อรึ”  
 
 
“ก็ใช่น่ะสิคะ วันนี้ตอนถ่ายโฆษณาท่าทางเธอดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ฉันก็เลยอยากมาช่วยซ้อมแล้วก็ปรับความเข้าใจเกี่ยวกับงานนิดหน่อย เรามีเวลาน้อยน่ะค่ะ ก็เลยคิดว่าอยากจะถ่ายกันให้เสร็จภายในเทคเดียว” โม่ฮุ่ยหลิงว่า  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อพยักหน้า “แต่นี่เป็นงานถนัดของหลินเช่อ แล้วอันที่จริง นี่ก็เป็นเรื่องที่เธอไม่มีความรู้อะไรเลยนะ…”  
 
 
นับตั้งแต่เด็กมา โม่ฮุ่ยหลิงรู้น้อยมากในทุกเรื่อง ตำแหน่งงานในบริษัทของครอบครัวเธอก็เป็นเพียงตำแหน่งลอย หญิงสาวไม่ได้หน้าที่ใดอย่างจริงจัง ทำให้กู้จิ้งเจ๋อเชื่อว่าเธอไม่น่าจะมีความรู้ในเรื่องใดทั้งสิ้น  
 
 
โม่ฮุ่ยหลิงตอบ “ฉันก็แค่คิดว่าอยากจะให้งานนี้ออกมาดี เพราะถึงยังไงฉันก็เป็นคนแนะนำหลินเช่อให้ได้งานนี้ เธอจะได้ไม่ทำงานแย่ๆ ออกมาซึ่งจะทำให้ฉันพลอยหน้าแตกไปด้วยน่ะค่ะ”  
 
 
ถ้อยคำของหญิงสาวทำเอากู้จิ้งเจ๋อฟังแล้วชักระคายหู เขานิ่วหน้าและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจ จะให้คำแนะนำก็ได้ แต่ฉันคิดว่าหลินเช่อไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับการทำงานอยู่แล้วละ”  
 
 
เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ โม่ฮุ่ยหลิงจึงเดินเข้าไปหา เธอคลี่ยิ้มแล้วพูดว่า “นี่ก็ค่ำแล้ว คุณได้ทานอะไรก่อนกลับมาบ้านหรือยังละคะ”  
 
 
โดยปกติกู้จิ้งเจ๋อไม่ค่อยทานข้าวนอกบ้าน มันปลอดภัยกว่าหากจะกลับมากินที่บ้าน  
 
 
โม่ฮุ่ยหลิงรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี และเพราะอย่างนี้เธอจึงจงใจถามคำถามนี้ขึ้นมา  
 
 
“ยังไม่ได้กินหรอก ตอนนี้ในครัวคงกำลังเตรียมอาหารอยู่” ชายหนุ่มตอบ  
 
 
โม่ฮุ่ยหลิงร้องขึ้น “อ้อ งั้นเหรอคะ ฉันก็มัวแต่จดจ่อคุยเรื่องงานกับหลินเช่ออยู่จนถึงป่านนี้ ยังไม่ได้ทานอะไรเลยเหมือนกัน”  
 
 
ชายหนุ่มจึงเอ่ยขึ้นว่า “ก็ได้ งั้นกินพร้อมกันเลยก็ได้นะ”  
 
 
นี่คือสิ่งที่โม่ฮุ่ยหลิงต้องการ ใบหน้าเธอฉายชัดถึงความยินดีอย่างชัดเจนในทันที  
 
 
หลินเช่อที่อยู่ในห้องไม่รู้ว่าทั้งกู้จิ้งเจ๋อและโม่ฮุ่ยหลิงกำลังพูดคุยกันเรื่องอะไร  
 
 
แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหน มันก็ไม่เกี่ยวกับเธอทั้งนั้นนั่นแหละ  
 
 
หลินเช่อสูดลมหายใจเข้าลึก เธอไม่อาจเมินเฉยกับความรู้สึกอึดอัดบางอย่างที่คับแน่นอยู่ในอก เหมือนกับว่ามีอะไรหนักๆ กำลังกดทับเอาไว้ เป็นความรู้สึกที่ยากจะแบกรับยิ่งนัก  
 
 
จนกระทั่งสาวใช้มาตามให้ไปรับประทานอาหาร  
 
 
หลินเช่อจึงรีบปรับอารมณ์ให้เป็นปกติและเดินตามออกไป  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อและโม่ฮุ่ยหลิงต่างก็นั่งรอพร้อมหน้าอยู่แล้วที่โต๊ะอาหาร โม่ฮุ่ยหลิงกระซิบบางเบาๆ พลางยิ้มแย้มแจ่มใสขณะโน้มตัวเข้าไปหาชายหนุ่ม ท่าทีดูสนิทสนมยิ่งนัก  
 
 
หลินเช่อเดินที่เพิ่งเดินเข้ามาจึงต้องนั่งลงตรงข้ามกู้จิ้งเจ๋อแทน  
 
 
เมื่อเห็นหลินเช่อเดินเข้ามา ชายหนุ่มจึงเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “มาเถอะ รีบกินเร็วเข้า นี่ตั้งกี่โมงกี่ยามแล้ว ป่านนี้เธอยังไม่ได้กินข้าวอีก”  
 
 
หลินเช่อยิ้มและหันไปมองโม่ฮุ่ยหลิง  
 
 
สาวใช้เดินเข้ามาแจ้งว่า “นายท่าน คุณผู้หญิงคะ อาหารเตรียมเรียบร้อยแล้วค่ะ”  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อจึงบอก “งั้นก็กินกันเถอะ”  
 
 
จานอาหารถูกลำเลียงเข้ามา แต่เนื่องจากมีโม่ฮุ่ยหลิงมานั่งอยู่ด้วย หลินเช่อจึงรับประทานอย่างไม่สู้สบายใจนัก เนื่องจากเวลารับประทาน โม่ฮุ่ยหลิงจะรับประทานด้วยท่าทางแบบเดียวกับชายหนุ่มไม่มีผิด นั่นคือเคี้ยวอาหารช้าๆ และรับประทานอย่างไม่เร่งร้อน สบายอกสบายใจ  
 
 
ส่วนหลินเช่อนั้นตักอาหารคำใหญ่จนเต็มปาก และกินอย่างเอร็ดอร่อย  
 
 
ที่ผ่านมาหลินเช่อไม่เคยรู้สึกอะไร เพราะก็มีเพียงแค่เธอกับกู้จิ้งเจ๋อสองคนเท่านั้น แต่ตอนนี้เมื่อเธอได้เห็นความละม้ายคล้ายคลึงกันในการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มกับโม่ฮุ่ยหลิงแล้ว หลินเช่อก็อดคิดไม่ได้ว่า ไม่แปลกใจเลยที่กู้จิ้งเจ๋อมักจะกระทบกระเทียบเธออยู่เรื่อยทว่าเป็นคนไร้มารยาทเวลาที่เขาเห็นเธอรับประทานอาหาร  
 
 
อาจเป็นเพราะเธอเป็นเพียงคนเดียวรอบตัวเขาที่ไม่มีมารยาทในการกินกระมัง  
 
 
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ชายหนุ่มออกจะชอบมองเวลาที่เธอกินอาหารเต็มปาก เขาชอบที่จะได้เห็นเธอกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยในทุกๆ วัน มันทำให้เขารู้สึกว่าอาหารนั้นโอชะขึ้นกว่าเดิมจนทำให้เขาเองพลอยรับประทานมากขึ้นไปด้วย  
 
 
ชายหนุ่มหันมามองหลินเช่อ แม้ว่าสีหน้าของเธอจะว่างเปล่าขณะที่กำลังตักอาหารใส่ปาก แต่เธอก็ยังคงกินได้เร็วและน่าอร่อยเหมือนเดิม  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อเผลอยิ้มออกมา เขาใช้ตะเกียบคีบซี่โครงหมูให้เธอ “วันนี้เรามีซี่โครงหมูเปรี้ยวหวานของโปรดเธอด้วยนะ ทำไมถึงไม่กินเลยล่ะ”  
 
 
หลินเช่อเริ่มรู้สึกตัวและรีบพยักหน้า เธอคีบอาหารขึ้นรับประทาน  
 
 
เมื่อโม่ฮุ่ยหลิงเห็นกู้จิ้งเจ๋อกระตือรือร้นคีบอาหารวางลงในจานให้หลินเช่อ มือของเธอที่จับตะเกียบอยู่ก็เริ่มที่จะกำแน่นเข้าและแน่นเข้าทุกที  
 
 
เธอเฝ้าบอกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า ต้องอดทนไว้และอย่าได้พูดอะไรออกไป  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อเป็นคนที่ทำอะไรตามครรลอง เขารู้สึกว่าหลินเช่อคือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เขาจึงต้องแสดงบทบาทของสามีที่ดีให้สาวใช้ซึ่งเป็นคนนอกได้เห็นก็เท่านั้นเอง  
 
 
แต่เมื่อชายหนุ่มได้เห็นซอสเปรี้ยวหวานเลอะเปรอะเต็มจมูกของหลินเช่อไปหมด ชายหนุ่มก็ต้องยิ้มออกมา และหยิบผ้าเช็ดปากจากตระกร้าด้านข้าง ยกขึ้นเช็ดจมูกให้ราวกับเป็นเรื่องปกติธรรมดา  
 
 
คราวนี้ไฟในใจของโม่ฮุ่ยหลิงจึงยิ่งโหมลุกโชนอย่างหนัก  
 
 
เธอตวัดสายตามองหลินเช่อพลางขบฟันแน่น เธอตัดสินใจยกชามซุปขึ้นและเดินเข้าไปหาหลินเช่อพลางพูดว่า “หลินเช่อจ๊ะ วันนี้ทำงานเหนื่อยสินะ กินอีกหน่อยสิ แต่จะว่าไป เธอก็ไม่ควรจะกินของมันๆ ในมื้อเย็นแบบนี้นะจ๊ะ กินซุปนี่น่าจะดีกว่า”  
 
 
ขณะพูด เธอก็ยกชามซุปยื่นให้  
 
 
เมื่อหลินเช่อเห็นก็รีบบอกว่า “ไม่ต้องหรอกค่ะคุณหนูโม่ เดี๋ยวฉันกินเองได้”  
 
 
โม่ฮุ่ยหลิงยิ้มและขยับใกล้เข้าไปอีก “นี่เธอยังเรียกฉันว่าคุณหนูโม่อยู่อีกเหรอจ๊ะ อย่าพูดจาอะไรกันเป็นทางการแบบนั้นเลย ฉันเองก็สนิทกับกู้จิ้งเจ๋อ เธอก็เป็นภรรยาเขา เธอเรียกฉันว่าฮุ่ยหลิงเหมือนเขาก็ได้จ้ะ มาเถอะ กินซุปหน่อยนะ”  
 
 
หลินเช่อไม่อยากดื่มจริง เธอจึงลุกขึ้นและทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นเธอก็ได้เห็นโม่ฮุ่ยหลิงที่เดินตรงเข้ามาด้วยสายตาเย็นชาและประสงค์ร้ายเมื่อถือชามซุปตรงเข้ามาหา หลินเช่อรีบยกมือป้องโดยสัญชาตญาณทันที  
 
 
หลินเช่อรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเธอไม่ได้แตะต้องชามซุปนั่น แต่มันกลับหกกระเซ็นใส่แขนเธออย่างจัง  
 
 
ก่อนที่หลินเช่อจะทันได้ขยับตัว โม่ฮุ่ยหลิงก็ส่งเสียงร้องดังลั่นออกมา  
 
 
“นี่เธอทำอะไรน่ะหลินเช่อ ทำไมถึงได้ยกมือขึ้นมาขวางไว้แบบนี้ตอนที่ฉันกำลังยื่นชามซุปให้ ฉันไม่ได้ใส่ยาพิษซักหน่อยนะ”  
 
 
หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อผุดลุกขึ้นพร้อมกันทันที  
 
 
ชายหนุ่มเหลือบมองข้อมือหลินเช่อ และได้เห็นฝ่ามือของหญิงสาวเป็นรอยแดงด้วยถูกซุปร้อนๆ กระเซ็นมาลวกทั่วร่าง สายตาดุดันของเขาดูจะยิ่งถมึงทึงกว่าเก่าหลายเท่าเมื่อหันไปหาโม่ฮุ่ยหลิง และทันใดนั้นเอง ชายหนุ่มก็ยกมือขึ้นและฟาดลงไปที่ใบหน้าของอีกฝ่าย เสียงเพียะดังสนั่น เขาตบหน้าโม่ฮุ่ยหลิงเข้าอย่างจัง  
 
 
โม่ฮุ่ยหลิงตัวแข็งทื่อ  
 
 
นี่เป็นเรื่องเหลือเชื่อและเธอไม่อาจจะเชื่อได้  
 
 
หญิงสาวยกมือขึ้นกุมหน้าฝั่งที่ถูกตก และมองหน้ากู้จิ้งเจ๋อด้วยสายตาเจ็บแค้น  
 
 
นี่เขา…เขากล้าตบเธองั้นเหรอ  
 
 
โม่ฮุ่ยหลิงจ้องมองหน้าชายหนุ่ม แล้วน้ำตาก็เอ่อคลอขึ้นเต็มสองตา ไหลหลั่งพรั่งพรูลงอาบแก้ม  
 
 
หลินเช่อยืนนิ่ง เธอเองก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกด้วยเช่นกัน เธอยืนมองโม่ฮุ่ยหลิงและคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป  
 
 
“คุณตบฉัน…” ใบหน้าของโม่ฮุ่ยหลิงเริ่มเหยเกเมื่อมองชายหนุ่ม กัดริมฝีปากและเริ่มต่อว่าเขา “คุณตบฉันจริงๆ เพราะผู้หญิงคนนี้ คุณถึงตบฉัน!”  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อมองโม่ฮุ่ยหลิงด้วยสายตาอันบึ้งตึง  

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

หลินเช่อ สาวน้อยนักแสดงปลายแถวตัดสินใจวางยาลักหลับดาราชายชื่อดังอย่าง กู้จิ้งอวี่ เพื่อหาทางไต่เต้าขึ้นไปในวงการบันเทิง แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เมื่อเหยื่อผู้โชคร้ายของเธอดันกลายมาเป็น กู้จิ้งเจ๋อ พี่ชายของเขาแทน! ทว่าหลังผ่านค่ำคืนอันเร่าร้อนไป การแยกทางกันแต่โดยดีกลับไม่ใช่บทสรุปของคนทั้งคู่ เพราะกู้จิ้งเจ๋อมีโรคประจำตัวสุดประหลาดอย่างหนึ่ง นั่นคือเขาไม่สามารถแตะต้องผู้หญิงคนไหนได้ หากสัมผัสตัวเพศตรงข้ามเมื่อไหร่ เขาจะคลื่นไส้และมีผื่นขึ้นทันที ดังนั้นเมื่อพบว่าเขาและหลินเช่อสามารถนอนร่วมเตียงกันได้โดยไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น ครอบครัวของกู้จิ้งเจ๋อจึงใช้อำนาจบีบบังคับให้ทั้งคู่แต่งงานกัน! เมื่อระฆังวิวาห์ลั่นแบบสายฟ้าฟาด หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อจึงต้องสวมบทบาทคู่สามีภรรยาและเก็บข้าวของย้ายมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันในที่สุด

Options

not work with dark mode
Reset