เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก – ตอนที่ 172 คุณช่วยเลิกยุ่งกับฉันสักทีได้มั้ย

หลังจากใส่อารมณ์กับกู้จิ้งเจ๋อไปเต็มที่ อารมณ์หลินเช่อก็เริ่มคลี่คลายลงทีละน้อย แล้วทันใดนั้น เธอก็เริ่มนึกสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง สิ่งที่เธอเป็นอยู่นี้ออกจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อ…
 
 
เธอทั้งโกรธทั้งขุ่นข้องหมองใจ จนถึงขนาดพูดจาไม่ดีใส่เพียงเพราะเขาไปอยู่เป็นเพื่อนผู้หญิงคนอื่น นี่เป็นเพราะว่าเธอเริ่มชอบกู้จิ้งเจ๋อแล้วงั้นเหรอ
 
 
แต่มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงกัน…
 
 
เธอกับเขาตกลงกันแล้วนี่นาว่านี่เป็นการแต่งงานโดยปราศจากความรัก ทั้งคู่จะหย่ากันเมื่อถึงเวลาอันสมควร ถ้าเธอยังดันทุรังไปรักเขาทั้งที่ตกลงกันไว้แล้วแบบนี้ก็มีแต่จะทรมานตัวเองเท่านั้น
 
 
โชคดีที่เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ อวี๋หมินหมิ่นก็เข้ามาบอกว่าได้เวลาลงไปแล้ว หลินเช่อจึงรีบลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวลงไปซักซ้อม หญิงสาวสลัดหัวเพื่อหยุดตัวเองให้เลิกคิดเรื่องเหลวไหลแบบนั้นซะที
 
 
เมื่อมาถึงบริเวณจัดงาน กู้จิ้งอวี่ก็ดึงหลินเช่อเข้าไปหาทันทีที่เธอก้าวเข้ามาในงาน
 
 
“หลินเช่อ โอ้ ทำไมช่วงนี้เธอถึงได้ผอมนักล่ะเนี่ย ไม่ได้เจอฉันนานเลยคิดถึงงั้นรึไง”
 
 
“นี่ถามจริงเถอะนะ…ใครจะไปคิดถึงคุณกัน” หลินเช่อมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าประหลาดใจ
 
 
“นี่เธอจะไม่นึกชอบฉันบ้างเลยสักนิดรึไงนะ ดูที่ฉันอุตส่าห์ทำสิ เพราะรู้ว่าเธอยุ่งมาก ฉันก็เลยเจียดเวลาเป็นฝ่ายมาหาเธอเองเลยนะ”
 
 
“นั่นเป็นเพราะว่าคุณเบื่อมากจนต้องโทรตามฉันให้มาอยู่เป็นเพื่อนคุณตอนถ่ายทำรายการนี้ต่างหากละคะ” หลินเช่อเปิดโปงความตั้งใจของอีกฝ่ายโดยไม่รั้งรอ
 
 
“ใช่เลยแหละ ดูเหมือนว่าเธอจะยังเข้าใจฉันดีทีเดียวนะเนี่ย ถ้างั้นฉันจะยอมยกโทษให้ก็ได้”
 
 
เมื่อทั้งสองเข้าไปในงาน พวกเขาก็เริ่มพูดคุยสนทนากันอย่างเต็มที่ บรรดาทีมงานจึงได้รู้ว่า ความสัมพันธ์ที่ดีของทั้งคู่ในช่วงเริ่มต้นนั้นบัดนี้ได้พัฒนางอกงามขึ้นไปอีกหลายเท่าแล้ว
 
 
ปกติแล้วกู้จิ้งอวี่ไม่แยแสใครสักนิด แต่เขากลับทำตัวตรงกันข้ามเมื่ออยู่กับหลินเช่อ
 
 
ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกันอยู่นั้น ใครบางคนก็โผล่พรวดพราดขึ้นมาทางด้านหลังและเข้ามาแทรกตรงกลางระหว่างคนทั้งสอง
 
 
“หลินเช่อ!” คนร้องทักเหวี่ยงแขนขึ้นมาโอบรอบคอหลินเช่อด้วยความประหลาดใจระคนยินดี “ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะเนี่ย”
 
 
ฉินหวานหว่านนั่นเอง
 
 
หลินเช่อร้องขึ้น “อ้าว เธอก็มาด้วยเหรอ นี่ฉันมาซ้อมน่ะ”
 
 
“ฉันก็เหมือนกัน” ฉินหวานหว่านบอก “ฉันมากับกู้จิ้งอวี่น่ะ” เธอหันหน้าไปทางชายหนุ่ม แต่กู้จิ้งอวี่กลับไม่ได้มีท่าทีสนใจแต่อย่างใด หนำซ้ำยังยกน้ำขึ้นดื่มโดยไม่อินังขังขอบ
 
 
แต่ฉินหวานหว่านก็ไม่ได้ใส่ใจ ดูเหมือนว่าเธอจะเคยชินกับอุปนิสัยแบบนี้ของเขาเสียแล้ว
 
 
แล้วหลินเช่อก็นึกขึ้นได้ว่าทั้งสองเคยร่วมงานกันมาก่อนแล้วในงานถ่ายทำซีรีส์โทรทัศน์เรื่องหนึ่ง
 
 
การซักซ้อมเริ่มขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว ทั้งคู่จึงพูดคุยกันอีกเล็กน้อยก่อนจะแยกย้ายกัน
 
 
หลินเช่อนั่งอยู่ทางด้านหลัง มองดูฉินหวานหว่านกำลังซักซ้อมการแสดงกับกู้จิ้งอวี่ ทั้งสองคนต้องร้องเพลงประกอบซีรีส์ที่แสดงด้วยกัน
 
 
บริเวณด้านหลังนั้นมีนักแสดงรุ่นเล็กสองสามคนกำลังซุบซิบกันว่าฉินหวานหว่านน่าจะกลายเป็นดาราดังในไม่ช้านี้แน่ๆ
 
 
“ใครที่ได้จับคู่กับกู้จิ้งอวี่ก็ดังทุกคนนั่นแหละ แล้วฉินหวานหว่านก็เข้ากับคนเก่งจะตายไป ไม่ช้าก็เร็วเธอต้องดังระเบิดแน่ ฉันเดาได้”
 
 
ทว่าระหว่างที่ทั้งคู่ให้สัมภาษณ์คู่กันอยู่นั้น แม้ทั้งกู้จิ้งอวี่และฉินหวานหว่านจะมีท่าทีเป็นมิตรกันเป็นอันดี แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับตรงกันข้ามจนทำให้ผู้สื่อข่าวมองออกและยิงคำถามใส่ฝ่ายหญิงว่า “คุณกับกู้จิ้งอวี่ยังทำงานด้วยกันได้ดีอยู่หรือเปล่าครับ”
 
 
ฉินหวานหว่านยิ้มแล้วตอบว่า “ฉันกับกู้จิ้งอวี่เข้ากันได้เป็นอย่างดีทีเดียวค่ะ ฉันได้เรียนรู้จากเขาหลายอย่างเลยละ”
 
 
“คุณไม่คิดว่ากู้จิ้งอวี่เป็นคนเข้ากับคนยากหรอกหรือครับ เขาขึ้นชื่อเรื่องนั้นนะ”
 
 
ฉินหวานหว่านว่า “ก็ไม่เชิงนะคะ พี่จิ้งอวี่ก็ทำตัวแบบนี้กับทุกคนอยู่แล้ว ฉันเข้าใจดีว่าเขาต้องใช้เวลาค่อนข้างมากกว่าจะสนิทสนมกับใครได้ เพราะฉะนั้นฉันก็เลยไม่ได้คิดว่าเขาเป็นคนเข้ากับคนอื่นยากตรงไหน”
 
 
แต่แล้วบรรดานักข่าวก็ได้เห็นสิ่งที่ทำให้ฉินหวานหว่านรู้สึกเหมือนถูกตบเข้าที่หน้าฉาดใหญ่
 
 
เพราะพวกเขาจับภาพตอนที่กู้จิ้งอวี่รีบปลีกตัวออกไปเดินหาหลินเช่อได้พอดี แม้ว่าทั้งกู้จิ้งอวี่และหลินเช่อจะไม่ได้อยู่ในโชว์เดียวกัน แต่เขากลับไปพูดคุยกับเธออย่างกระตือรือร้น รวมถึงกินป๊อปคอร์นจากถังใบเดียวกันกับเธอด้วยซ้ำ
 
 
ระหว่างการสัมภาษณ์ ฉินหวานหว่านไม่อาจแสดงสีหน้าที่ไม่ดีไม่งามออกมาให้เห็นได้ แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังทำให้เธอรู้สึกอับอายอยู่ดีนั่นเอง
 
 
เมื่อการซักซ้อมเสร็จสิ้นลง กู้จิ้งอวี่ก็รีบกลับโรงแรมไปก่อน จนเมื่อหลินเช่อเตรียมตัวจะกลับบ้างนั่นแหละ ฉินหวานหว่านจึงเข้ามาหาและถามว่า “ดูเหมือนว่าเธอกับกู้จิ้งอวี่จะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอย่างมากเลยนะ”
 
 
หลินเช่อตอบ “งั้นเหรอ ฉันว่าก็คงไม่มีอะไรหรอกมั้งจ๊ะ คงเป็นเพราะนานๆ ทีเราจะเจอกันทีน่ะ”
 
 
ฉินหวานหว่านพูดต่อ “เธอคงไม่เคยเห็นละสิว่าเขาทำตัวยังไงกับทีมงานที่กองถ่ายน่ะ เขาเป็นคนที่รับมือยากที่สุดเลย!”
 
 
หลินเช่อเพียงแต่บอกว่า “เธอต้องรู้จักเขาให้มากกว่านี้อีกหน่อยน่ะ เธอถึงจะรู้ว่าเขาแค่เข้าหายากในตอนแรกๆ เท่านั้นแหละ”
 
 
ฉินหวานหว่านได้แต่ยักไหล่และยิ้ม เมื่อได้ยินอวี๋หมินหมิ่นร้องเรียก หลินเช่อก็โบกมือให้และแยกตัวออกไป ขณะเดินไปหาผู้จัดการ หลินเช่อก็คิดในใจว่าเธอเองก็ไม่เคยรู้เหมือนกันว่ากู้จิ้งอวี่ทำตัวห่างเหินกับคนอื่นมากแค่ไหน แล้วทำไมใครต่อใครถึงต้องทำท่าเหลือเชื่อด้วยเวลาที่เขาพูดทักทายเธอเพียงไม่กี่ประโยค
 
 
ระหว่างทางกลับไปยังโรงแรม แสงไฟนีออนสาดส่องตลอดเส้นถนน หลินเช่อมองออกไปนอกหน้าต่าง เธอนั่งเงียบอยู่อย่างนั้นตลอดทางจนกระทั่งลงจากรถ
 
 
แต่ทันทีที่เท้าแตะพื้น โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น
 
 
หลินเช่อหันไปดูแล้วก็ได้เห็นว่า กู้จิ้งเจ๋อโทรมาอีกแล้ว
 
 
ใจหนึ่งเธอไม่ค่อยอยากจะรับสายเท่าไหร่ แต่ในขณะเดียวกันเธอก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าตัวเองกำลังทำตัวไร้เหตุผล
 
 
ก็เห็นๆ อยู่ว่าเธอไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะไปหึงหวงหรือโกรธเขา แต่ถึงรู้ทั้งรู้ เธอก็ยังอดโกรธไม่ได้อยู่ดีนั่นเอง
 
 
เธอรับสายแล้วพูดว่า “มีอะไรอีกเหรอคะ”
 
 
[นี่เธอกลับถึงโรงแรมหรือยังน่ะ]
 
 
“ถึงแล้วค่ะ…”
 
 
[ไม่มีอะไรหรอก รอฉันอยู่ที่โรงแรมนะ]
 
 
“หา” เมื่อได้ยินคำพูดของกู้จิ้งเจ๋อ เธอก็งงไปหมด “คุณ…คุณมาที่เมือง S เหรอคะ อย่ามานะ ฉันยุ่งจะตาย คืนนี้ฉันต้องอยู่ที่กองถ่ายทั้งคืน ฉัน…”
 
 
[แต่ฉันอยู่ที่นี่แล้ว] เสียงทุ้มลึกของเขาไม่ได้ดังมาจากโทรศัพท์ แต่ดังมาจากข้างหลังเธอนี่เอง
 
 
หลินเช่อแทบทำโทรศัพท์ร่วง
 
 
เธอหันมาและก็ได้เห็นชายหนุ่มยืนอยู่ข้างหลังเธอ เขากำลังสาวเท้ายาวๆ เข้ามาหา ช้าๆ แต่ทว่ามั่นคง ดูราวกับเสือดาวหิมะกำลังออกล่าเหยื่อในรัตติกาล
 
 
ท่าทางเขาดูอ่อนเพลียจากการเดินทาง สายตาที่มองดูเธอ ดูราวกับท้องฟ้ายามราตรีที่มืดมิด “หลินเช่อ นี่เธอเป็นอะไรน่ะ นี่เธอไม่อยากให้ฉันมาที่นี่ขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงขนาดบอกว่าจะต้องอยู่ค้างที่กองถ่าย แล้วทำไมตอนนี้เธอถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ” ก็เธอไม่คิดนี่นาว่าเขาจะหมายความตามที่พูดจริงๆ ว่าจะมาที่นี่
 
 
หญิงสาวทำอะไรไม่ถูก เธอมองหน้าเขาด้วยความตระหนกเล็กน้อยแล้วถามว่า “คุณมาทำไมคะ”
 
 
กู้จิ้งเจ๋อเดินเข้ามาใกล้เธอ คว้ามือเธอไว้และยกขึ้นสำรวจดูจนทั่ว “เกิดอะไรขึ้นกับเธอ รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า ฉันพาหมอมาด้วย เดี๋ยวจะให้เขาตรวจดู”
 
 
หัวใจของหญิงสาวกระตุก แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังพยายามจะดึงมือออก “กู้จิ้งเจ๋อ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะคะ ฉันไม่อยากเจอหน้าคุณ ทำไมคุณถึงตามฉันมาที่นี่ ฉันไม่ได้ไม่สบาย ฉัน…เออ สบายดี แค่ยุ่งแล้วก็ไม่มีเวลาจะมาวุ่นวายกับคุณเท่านั้นเอง”
 
 
ตอนนี้เธอไม่อยากเจอหน้าเขาขึ้นมาจริงๆ แล้ว เธอกลัวว่าถ้าขืนยังพูดกับเขาต่อ ตัวเธอเองจะเผลอพล่ามอะไรออกไปโดยไม่ทันคิดจนหลุดระบายความไม่พอใจที่อัดอั้นไว้ออกไปจนหมด
 
 
เห็นๆ อยู่ว่าเธอไม่มีสิทธิ์ที่อะไรจะไปหึงหวงเขา แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังควบคุมตัวเองไม่ได้อยู่ดีนั่นเอง
 
 
กู้จิ้งเจ๋อไม่ยอมปล่อย ยังคงจับมือเธอไว้แน่นอย่างนั้น “นี่เธอเป็นอะไรกันแน่น่ะ หลินเช่อ บอกมาซิว่าไม่สบายตรงไหน ปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ดีเลยนะ”
 
 
หลินเช่อเงยหน้ามองเขา และเผลอกัดริมฝีปากตัวเองโดยไม่รู้ตัว “ฉันก็แค่อยากจะถามคุณว่านับจากนี้คุณจะช่วยเลิกยุ่งกับฉัน เลิกเป็นห่วงเป็นใยฉันสักทีจะได้มั้ย”
 
 
กู้จิ้งเจ๋อชะงักไปในทันที
 
 
ใช่สิ เขาควรจะหยุดเป็นห่วงเธอซะทีแล้วก็ปล่อยเธอเอาไว้ตามลำพัง
 
 
แต่เขาทำไม่ได้นี่สิ

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

หลินเช่อ สาวน้อยนักแสดงปลายแถวตัดสินใจวางยาลักหลับดาราชายชื่อดังอย่าง กู้จิ้งอวี่ เพื่อหาทางไต่เต้าขึ้นไปในวงการบันเทิง แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เมื่อเหยื่อผู้โชคร้ายของเธอดันกลายมาเป็น กู้จิ้งเจ๋อ พี่ชายของเขาแทน! ทว่าหลังผ่านค่ำคืนอันเร่าร้อนไป การแยกทางกันแต่โดยดีกลับไม่ใช่บทสรุปของคนทั้งคู่ เพราะกู้จิ้งเจ๋อมีโรคประจำตัวสุดประหลาดอย่างหนึ่ง นั่นคือเขาไม่สามารถแตะต้องผู้หญิงคนไหนได้ หากสัมผัสตัวเพศตรงข้ามเมื่อไหร่ เขาจะคลื่นไส้และมีผื่นขึ้นทันที ดังนั้นเมื่อพบว่าเขาและหลินเช่อสามารถนอนร่วมเตียงกันได้โดยไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น ครอบครัวของกู้จิ้งเจ๋อจึงใช้อำนาจบีบบังคับให้ทั้งคู่แต่งงานกัน! เมื่อระฆังวิวาห์ลั่นแบบสายฟ้าฟาด หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อจึงต้องสวมบทบาทคู่สามีภรรยาและเก็บข้าวของย้ายมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันในที่สุด

Options

not work with dark mode
Reset