เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก – ตอนที่ 181 จะมาคอยก่อกวนกันอยู่แบบนี้ไม่ได้แล้วนะ

ไม่ช้าทั้งสองก็กลับมาที่ห้องนอน หลินเช่อมองหน้าชายหนุ่มและพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจว่า “เซียวเซียวนั่นดูจะยังเด็กมากเลยนะคะ ฉันไม่คิดว่ามันจะเหมาะที่จะแนะนำเธอให้พี่ชายของคุณเลยค่ะ พวกเขาน่าจะอายุห่างกันอย่างน้อยๆ สิบปีได้”
 
 
กู้จิ้งเจ๋อตอบว่า “มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่ามีคนแนะนำผู้หญิงให้พี่ชายฉันรู้จักกี่คนแล้ว แล้วเขาก็จะปฏิเสธทุกครั้งไปนั่นแหละ”
 
 
“จริงหรือคะ ฉันเห็นว่าเขาก็ออกจะดีกับเซียวเซียว”
 
 
“พี่ชายก็เป็นแบบนี้แหละ เวลาที่เขาชอบหรือไม่ชอบใคร เขาไม่แสดงออกให้เห็นหรอก”
 
 
หลินเช่อบุ้ยปาก “ถ้างั้นคนที่แต่งงานกับเขาก็คงลำบากแย่เลยสิคะ”
 
 
กู้จิ้งเจ๋อตอบ “ไม่ใช่ว่าทุกคนจะโชคดีอย่างเธอที่ได้แต่งงานกับสามีดีๆ อย่างฉันนี่”
 
 
“หือ นี่คุณจะชมตัวเองเกินไปหน่อยมั้ย!”
 
 
หลินเช่อรู้สึกว่าช่วงนี้กู้จิ้งเจ๋อออกจะชมตัวเองหนักข้อขึ้นทุกที
 
 
แต่การทำแบบนั้น ก็ทำให้เขาดูจะกลายเป็นคนธรรมดาที่ติดดินมากขึ้นกว่าเดิมด้วย
 
 
หลินเช่ออดคิดไม่ได้ว่า หลายครั้งที่เธอและเขาอยู่ด้วยกันตามลำพัง และรู้สึกว่าโลกนี้มีเพียงเธอกับเขาสองคนเท่านั้น ไม่มีทั้งโม่ฮุ่ยหลิงหรือใครอื่นอีก
 
 
แต่ถึงกระนั้น เมื่อเดินออกมานอกห้อง ความจริงก็วิ่งเข้าชนเธอเหมือนคลื่นสาดกระทบฝั่ง ทั้งเธอและเขาไม่ได้มีชีวิตแต่งงานอย่างคนปกติธรรมดาเลยสักนิด
 
 
เช้าวันต่อมา กู้จิ้งเจ๋อเดินเข้ามาในห้องและเห็นว่าหลินเช่อยังคงนอนหลับอยู่ เขาจึงปลุกเธอ “หลินเช่อ ได้เวลาตื่นแล้ว”
 
 
หลินเช่อพลิกตัวแล้วนอนต่อ
 
 
ชายหนุ่มส่ายหน้าก่อนจะเดินอ้อมเตียงไป “ถ้าเธอไม่ยอมตื่น ฉันจะดึงผ้าห่มออกละนะ”
 
 
“เอาไป เอาไปเลย ฉันไม่ได้ใส่เสื้อผ้านอน” เธอว่า
 
 
“ไม่ได้ใส่เสื้อผ้านอนเรอะ ดี ถ้างั้นฉันจะดึงผ้าห่มออกละนะ แล้วอย่ามาเสียใจล่ะ” กู้จิ้งเจ๋อขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก
 
 
“อา ฉันไม่เสียใจหรอกน่า ยังไงคุณก็เห็นฉันมาหมดทั้งตัวแล้ว”
 
 
กู้จิ้งเจ๋อมองดูคนนอนอยู่อย่างระอา ทำไมถึงได้หน้าด้านหน้าทนอย่างนี้นะ
 
 
“เอ้า เร็วเข้า ลุกสิ อย่าให้ฉันต้องใช้กำลังนะ”
 
 
“ฉันไม่ลุก ฉันไม่ลุก” หลินเช่อไม่ยอมฟัง
 
 
กู้จิ้งเจ๋อเดินเข้ามาประชิดข้าง
 
 
หญิงสาวพลิกตัวหนีอีก คราวนี้เธอหันหลังให้เขา เป็นการยืนยันหนักแน่นว่าจะไม่ยอมตื่นนอน
 
 
ชายหนุ่มโน้มตัวเข้าไปมองใบหน้าเรียวเล็กนั่น มือใหญ่เอื้อมไปบีบจมูก
 
 
หลินเช่อนิ่วหน้าแต่ยังไม่ยอมขยับ แล้วสีหน้าของเธอก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลงอย่างช้าๆ จนกระทั่งศีรษะตกห้อยไปอีกฝั่งหนึ่ง
 
 
นี่เธอหมดสติไปแล้วหรือไง ชายหนุ่มรีบปล่อยมือทันที
 
 
เหงื่อเย็นเฉียบผุดขึ้นบนแผ่นหลัง สติสตังชายหนุ่มแทบไม่เหลือ
 
 
เขารีบเอามือไปจ่อที่ปลายจมูกเพื่อดูว่าเธอยังหายใจอยู่หรือเปล่า ชายหนุ่มตัวแข็ง
 
 
นี่เธอไม่หายใจจริงๆ หรือนี่
 
 
“หลินเช่อ หลินเช่อ เธอเป็นอะไรหรือเปล่า” เขาเขย่าตัวเธอเบาๆ และคิดว่าจะทำการปั๊มหัวใจให้เธอ
 
 
เขาวางมือทั้งสองลงบนอกเธอแล้วจัดการปั๊มลงไปสองครั้ง ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ
 
 
“หลินเช่อ”
 
 
เสียงของเขาเริ่มแหบพร่า
 
 
แล้วทันใดนั้น หลินเช่อก็หัวเราะคิก ก่อนจะระเบิดหัวเราะเสียงดังออกมาพร้อมลืมตาขึ้น
 
 
กู้จิ้งเจ๋อมองดูหญิงสาวลุกขึ้นนั่งด้วยอาการช็อคสุดขีด
 
 
ดวงตาสดใสของเธอเต้นระริกเมื่อมองมา ก่อนจะพูดด้วยเสียงกลั้วหัวเราะว่า “คุณลืมไปแล้วหรือไงคะว่าฉันเป็นนักแสดงอาชีพน่ะ ฉันเคยเล่นเป็นศพได้เก่งมากเลยนะ ไม่ต้องขยับตัวได้ครั้งละนานๆ เลยละ”
 
 
“…”
 
 
ขณะที่หลินเช่อพูด คนตัวใหญ่กว่าก็กำลังโกรธจัด ชายหนุ่มหน้าตึงทีเดียวเมื่อถอยลงจากเตียง
 
 
หลินเช่อสังเกตเห็นสีหน้านั้นได้ นี่เขาโกรธเหรอ
 
 
เธอรีบกระโดดลงจากเตียง วิ่งตามเขาออกไปทันที “เกิดอะไรขึ้นคะ คุณโกรธเหรอ ฉันแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง คุณจะมาโกรธกันง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้นะ”
 
 
กู้จิ้งเจ๋อผลักเธอออกไป “อย่ามาโดนตัวฉันนะ”
 
 
“คือ ถึงฉันจะหยุดหายใจไปแล้ว แต่หัวใจฉันยังเต้นอยู่นะ ตอนที่คุณเอามือมาทาบคุณไม่รู้สึกหรือไงล่ะ”
 
 
ชายหนุ่มหรี่ตามอง ความมึนตึงในแววตานั้นดูจะยิ่งลึกล้ำมากขึ้นทุกที
 
 
ตอนนั้นเขากังวลมากเสียจนไม่ทันนึกถึงความสมเหตุสมผลใดๆ เลย นี่เขาไม่ทันสังเกตการเต้นของหัวใจได้ยังไงกันนะ
 
 
กู้จิ้งเจ๋อรู้แต่เพียงว่า ในช่วงเวลานั้นเขารู้สึกว่าไม่เป็นตัวของตัวเอง เขาคิดว่าเธอไม่หายใจและเกือบจะโทรขอความช่วยเหลือแล้ว
 
 
เพราะเหตุนี้เขาถึงยิ่งโกรธหนัก
 
 
เธอทำให้เขากลัว
 
 
“อา คุณจะมาจริงจังเรื่องนี้ไม่ได้นะคะ มันแค่เรื่องล้อกันเล่นเองน่ะ”
 
 
“พวกคนไม่มีหัวใจ!” เขาหมุนตัวและตะโกนออกมาอย่างขุ่นเคือง
 
 
“คุณนี่ไม่มีอารมณ์ขันเอาซะเลย”
 
 
“อย่ามาเล่นตลกแบบนี้อีกนะ” เขาหันกลับมามองเธอด้วยดวงตาที่แฝงแววล้ำลึกเสียจนหลินเช่อสะดุดใจ
 
 
เมื่อได้เห็นสีหน้าจริงจังของชยหนุ่ม เธอก็ทำได้เพียงแค่พยักหน้ารับคำอย่างเงียบๆ เท่านั้น
 
 
เขาหมุนตัวและเดินออกจากห้องไป
 
 
เธอมองตามพลางเปรยขึ้นว่า “ให้ตายสิ ล้อเล่นแค่นี้เอง ทำไมต้องโกรธขนาดนั้นด้วยนะ”
 
 
“เธอคิดว่าคนอื่นเขาไร้หัวในแบบเธอแล้วก็ล้อเล่นเรื่องงี่เง่าแบบนี้ทุกวันหรือยังไงกัน”
 
 
“ก็ถ้าคนอื่นเป็นแบบคุณกันหมด ชีวิตก็น่าเบื่อตายสิคะ”
 
 
“เพราะว่าคนทั่วไปเขามีเป้าหมายของเขา แล้วก็พยายามที่จะทำงานให้ดี พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ไม่ได้งี่เง่าไร้ความคิดเหมือนเธอ”
 
 
“เฮอะ นี่เขาเรียกว่า ‘เวิร์ค ฮาร์ด เพลย์ ฮาร์ด’ ต่างหากละคะ ต่อให้เราสองคนตาย คุณก็ต้องตายก่อนฉันแน่นอน คุณน่ะงานยุ่งตลอดๆ แล้วก็ไม่เคยมีเวลาพักผ่อนหรือเล่นสนุกบ้างเลยคุณจะต้องตายเพราะทำงานมากไปแน่ๆ”
 
 
“อย่างน้อยฉันก็ได้ทิ้งอะไรไว้ข้างหลัง”
 
 
สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกตกใจเมื่อได้ยินการทะเลาะทุ่มเถียงกันของคนทั้งคู่
 
 
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่คุรชายรองผู้เข้มงวดเคร่งขรึมได้กลายเป็นคนพูดจากับคนอื่นได้ยาวๆ แบบนี้
 
 
ทั้งสองโต้เถียงกันเหมือนคู่แต่งงานทั่วๆ ไป ก่อนเดินเข้าไปยังห้องรับประทานอาหาร สาวใช้จะเข้ามาแจ้งกู้จิ้งเจ๋อว่า “คุณชายรองคะ คุณชายใหญ่กำลังจะกลับแล้ว อยากจะไปส่งหรือเปล่าคะ”
 
 
หลินเช่อมองกู้จิ้งเจ๋อเดินออกไป เธอจึงลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟันและกลับมารับประทานอาหาร
 
 
สาวใช้เห็นหลินเช่อนั่งอยู่ลำพังคนเดียว จึงยิ้มและพูดกับเธอว่า “เราไม่เคยเห็นคุณชายรองมีชีวิตชีวาแบบนี้มานานแล้วนะคะ คุณผู้หญิง ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกคุณจะดีขึ้นมากเลยทีเดียว”
 
 
หลินเช่อถาม “จริงเหรอจ๊ะ ไม่มีทาง ฉันคิดว่าเขาก็เป็นคนแบบนี้มาตลอดนั่นแหละ”
 
 
“ไม่เลยค่ะ” สาวใช้ตอบ “ตั้งแต่คุณชายรองเข้ารับช่วงสืบทอดธุรกิจของครอบครัวตอนอายุสิบสี่ เขาก็ไม่เคยยิ้มแบบนี้อีกเลย”
 
 
“จริงหรือ ถ้างั้นตอนที่มีคุณหนูโม่อยู่ด้วยก็คงจะดีสำหรับเขาเหมือนกันสินะ”
 
 
“ไม่เลยค่ะ ความสัมพันธ์ระหว่างคุณชายรองกับคุณหนูโม่ออกจะดูเป็นทางการซะมากกว่า เขาไม่เคยดูมีชีวิตชีวาเหมือนตอนอยู่กับคุณแบบนี้เลยค่ะ”
 
 
“ใช่ค่ะ เราก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน คุณชายรองกับคุณน่ะเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก”
 
 
หลินเช่อได้ยินแล้วก็รู้สึกยินดียิ่ง
 
 
ลึกๆ ข้างใจ หลินเช่อคิดว่าการที่ใครต่อใครพากันพูดถึงสิ่งดีๆ ระหว่างเธอและกู้จิ้งเจ๋อแทนที่จะเป็นโม่ฮุ่ยหลิงนั้น เป็นเพราะว่าพวกเขาพูดต่อหน้าเธอ และเธอเองก็เป็นคุณผู้หญิงของพวกเขา แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังอดดีใจไม่ได้
 
 
เมื่อกู้จิ้งเจ๋อจัดการธุระของเขาเป็นที่เรียบร้อย เขาก็มารับหลินเช่อและเตรียมตัวที่จะเดินทางกลับ
 
 
หลินเช่อถามเขาว่า “นี่พี่ชายคุณขอให้คุณไปส่งเขาเหรอคะ จริงหรือนี่ พวกคุณสองคนอาศัยอยู่ในเมืองเดียวกัน แต่นานๆ จะได้เจอกันทีแบบนี้หรือคะ”
 
 
กู้จิ้งเจ๋อตอบ “ที่เขาขอร้องแบบนั้นก็เพราะเขาคิดว่าเขากับครอบครัวของเซียวเซียวคงจะไม่ได้ลงเอยกันน่ะสิ”
 
 
“โอ้ ทำไมล่ะคะ เพราะว่าเธออายุน้อยเกินไปงั้นเหรอ อันที่จริงฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน พวกเขาไม่ค่อยเหมาะสมกันเท่าไหร่”
 
 
“พี่ชายรู้สึกว่าเธอยังเด็กเกินไป ไม่เหมาะกับตำแหน่งสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งน่ะ”
 
 
“ก็คงงั้นแหละค่ะ…” หลินเช่อว่า “แต่ฉันคิดว่าถ้าพี่ชายใหญ่ได้เจอคนที่เขาชอบจริงๆ ละก็ เขาคงไม่สนเรื่องว่าเป็นผู้ใหญ่หรือไม่เป็นผู้ใหญ่หรอกค่ะ ฉันคิดว่าเป็นเพราะเธอไม่ใช่คนที่ใช่มากกว่า”
 
 
“อืม เธอนี่ไร้เดียงสาจริงนะ บางครั้งการแต่งงานมันก็ไม่เกี่ยวหรอกว่าเธอจะชอบคนคนนั้นหรือเปล่า”
 
 
หลินเช่อชะงัก เพราะเมื่อมาคิดดูดีๆ แล้ว เธอกับกู้จิ้งเจ๋อก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนเลยทีเดียว
 
 
แล้วรถก็หยุดลงระหว่างทางกลับบ้าน เพราะกู้จิ้งเจ๋อต้องการเข้าไปทำธุระบางอย่างในห้างสรรพสินค้า

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

หลินเช่อ สาวน้อยนักแสดงปลายแถวตัดสินใจวางยาลักหลับดาราชายชื่อดังอย่าง กู้จิ้งอวี่ เพื่อหาทางไต่เต้าขึ้นไปในวงการบันเทิง แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เมื่อเหยื่อผู้โชคร้ายของเธอดันกลายมาเป็น กู้จิ้งเจ๋อ พี่ชายของเขาแทน! ทว่าหลังผ่านค่ำคืนอันเร่าร้อนไป การแยกทางกันแต่โดยดีกลับไม่ใช่บทสรุปของคนทั้งคู่ เพราะกู้จิ้งเจ๋อมีโรคประจำตัวสุดประหลาดอย่างหนึ่ง นั่นคือเขาไม่สามารถแตะต้องผู้หญิงคนไหนได้ หากสัมผัสตัวเพศตรงข้ามเมื่อไหร่ เขาจะคลื่นไส้และมีผื่นขึ้นทันที ดังนั้นเมื่อพบว่าเขาและหลินเช่อสามารถนอนร่วมเตียงกันได้โดยไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น ครอบครัวของกู้จิ้งเจ๋อจึงใช้อำนาจบีบบังคับให้ทั้งคู่แต่งงานกัน! เมื่อระฆังวิวาห์ลั่นแบบสายฟ้าฟาด หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อจึงต้องสวมบทบาทคู่สามีภรรยาและเก็บข้าวของย้ายมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันในที่สุด

Options

not work with dark mode
Reset