รสชาติของเขายังคงอ้อยอิ่งหลงเหลืออยู่ในปาก แต่กลับไม่ได้ให้ความรู้สึกอันน่ารังเกียจเลยแม้แต่น้อย แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ความฉ่ำชื้นจากเขากลับกระตุ้นความรู้สึกรัญจวนใจและจุดร่างของเธอให้ร้อนผ่าวราวกับจะลุกเป็นไฟ หลินเช่ออยากกอดเขาเหลือเกิน
เมื่อเขาขยับถอยออกไป ริมฝีปากของเธอก็ดูวาววามชุ่มฉ่ำจากความเปียกชื้น เธอมองดูใบหน้าคมสันของเขาด้วยสายตาอันชื่นชมบูชา ราวกับมีสายน้ำชุ่มเย็นไหลบ่าออกมาจากฝ่ามือใหญ่ เธออยากกอดเขาไว้ให้แนบแน่น ฝังหน้าตัวเองลงกับอกกว้าง อยากจะจูบเขาอย่างดื่มด่ำล้ำลึก แต่เมื่อเห็นมุมปากของอีกฝ่ายกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม หลินเช่อก็รีบหันหนีและปล่อยมือจากเขา ก่อนจะวิ่งหนีเข้าห้องไป
กู้จิ้งเจ๋อหัวเราะขณะมองเธอวิ่งหนีไปด้วยความอาย แต่ในหัวใจของเขารู้สึกถึงความสำเร็จในสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป
หลินเช่อแอบซุกอยู่ใต้ผ้าห่ม ยังคงสลัดภาพรอยจูบอันชื้นฉ่ำของเขาออกจากหัวไม่ได้
มันจะเกินไปแล้วนะ!
ใครจะลืมจูบแบบนี้ได้ลงล่ะ
ขณะที่คิดถึงมัน เนื้อตัวเธอก็ร้อนผ่าวขึ้นมา หรือว่าเธอจะถูกโรครักรุมเร้าเข้าเสียแล้วนะ ถึงได้เอาแต่คิดปรารถนาในตัวผู้ชายคนนี้ไม่หยุด…
หลินเช่อฝังหน้าลงกับผ้าห่ม เธออายจนไม่กล้าค้นลึกเข้าไปในหัวใจตัวเอง
ระหว่างที่ทั้งสองใช้เวลาในการรักษาบาดแผลอยู่ในสหรัฐอเมริกานั้น ที่บ้านนั้น ข่าวการบาดเจ็บระหว่างการถ่ายทำของหลินเช่อก็แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อหญิงสาวตื่นขึ้นมาในเช้าวันหนึ่ง เธอก็พบว่าในเว่ยป๋อของเธอเต็มไปด้วยข้อความมากมายที่ถูกส่งเข้ามา แฟนๆ หลายคนถามว่าเธอได้รับบาดเจ็บจริงหรือเปล่า และเธอเป็นอย่างไรบ้าง
ทางทีมงานให้ข้อมูลว่า หลินเช่อเดินทางไปรักษาตัวที่ต่างประเทศทันทีที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถยนต์
ผลที่ตามมาก็คือ ผู้คนพากันสงสัยว่า การบาดเจ็บนั้นรุนแรงมากน้อยเพียงใด
มีกระทั่งข่าวลือออกมาว่าหลินเช่อนั้นเสียโฉมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเขาพูดกันว่า ใบหน้าทั้งหมดของหลินเช่อถูกกระแทกจนแหลกในที่เกิดเหตุ จนทำให้เธอต้องเสียเลือดอย่างมาก บรรดาแฟนๆ จึงกลัวกันนักหนาว่าดาราคนโปรดของพวกเขาจะเสียโฉมจริงดังข่าวว่า
ข่าวดังกล่าวทำให้ซีรีส์โทรทัศน์เรื่องนี้ติดท็อปลิสต์ในการค้นหาของผู้คน
และชื่อของหลินเช่อก็กลายเป็นข่าวพาดหัวเข้าอีกครั้งจนได้
หลินเช่อไล่ดูเว่ยป๋อของเธอ ด้วยฐานแฟนๆ ที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้หญิงสาวอดร้อนใจกับเรื่องนี้ไม่ได้ เธอรีบโทรหาอวี๋หมินหมิ่นทันที ซึ่งผู้จัดการของเธอก็บอกได้แต่เพียงว่า “ไม่เป็นไรหรอก เธอรักษาแผลที่โน่นให้เรียบร้อยก็แล้วกัน พักซักสองสามวันแล้วค่อยกลับมา”
หลินเช่อตอบ “ตกลงค่ะ อีกไม่กี่วันก็คงจะกลับได้แล้ว”
อวี๋หมินหมิ่นยังคงย้ำอีกว่า “เธอไม่จำเป็นต้องรีบกลับมาหรอกนะ เรายังหาตัวคนที่ก่อเหตุไม่ได้ แต่เราจะใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด”
หลินเช่อถามด้วยความแปลกใจ “อุบัติเหตุครั้งนี้มีคนจงใจทำให้เกิดงั้นหรือคะ”
“ก็ถ้าอย่างนั้น ทำไมอยู่ๆ เธอถึงได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ล่ะ มีใครบางคนตั้งใจทำให้รถเธอชน มันไม่ได้เกิดจากฝีมือการขับรถของเธอ มันเกิดจากฝีมือใครบางคน แต่เรายังไม่มีข้อพิสูจน์ในเรื่องนี้ แต่ถ้าจะมีใครต้องการลอบทำร้ายเธอละก็ เราจะแสร้งทำเป็นว่านี่เกิดจากความผิดพลาด แล้วก็ใช้โอกาสนี้ในการสร้างกระแสให้เธอซะเลย เราจะปล่อยให้เรื่องของเธอกลายเป็นข่าวพาดหัวซักสองสามวัน ซีรีส์ของเธอกำลังจะออกฉายแล้ว นี่เท่ากับได้พื้นที่ประชาสัมพันธ์มาฟรีๆ ไม่ดีกว่ารึ”
“ก็ได้ค่ะ…ว่าแต่เราทำแบบนี้ได้ใช่มั้ยคะ แล้วใครกันที่อยากจะทำร้ายฉันน่ะ” หลินเช่อนึกไม่ออกเลยจริงๆ ว่าจะมีใครเล็งเป้ามาที่เธอ
“อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้กันเลยนะ ถึงยังไงก็มีอีกหลายคนที่อยากเห็นเธอดิ่งเหวน่ะ เป็นเรื่องปกติในวงการนี้ เพราะฉะนั้น ระวังตัวไว้จะดีกว่า”
หลินเช่อวางสาย ส่วนอวี๋หมินหมิ่นก็หันไปทำงานของเธอต่อ
อีกสองสามวันต่อมา ข่าวของหลินเช่อยังคงตกเป็นข่าวพาดหัว เพราะทีมงานและผู้จัดการส่วนตัวของเธอต่างก็ให้ข่าวเพียงว่า เธอยังคงอยู่ในระหว่างการรักษาตัว และไม่มีใครรู้ว่าอาการบาดเจ็บนั้นรุนแรงมากแค่ไหน ผลที่ตามมาก็คือ หลายคนต่างก็พากันสงสัยไม่หยุดว่าตกลงแล้วเรื่องที่ว่าหลินเช่อเสียโฉมนั้น เป็นความจริงมากน้อยแค่ไหน แล้วทำไมเธอถึงหายตัวไปรักษาแผลเป็นนานสองนานโดยไม่มาอัปเดตข่าวคราวใดๆ ให้ใครรู้เลย
อีกไม่กี่วันต่อมา ผู้จัดการส่วนตัวก็เปิดเผยข้อมูลว่า รอยแผลนั้นต้องเย็บเจ็ดเข็มและหลินเช่อยังคงพักรักษาตัวอยู่ในอเมริกาภายใต้การดูแลของแพทย์มือดีที่สุด ต้องขอบคุณอย่างยิ่งที่หลินเช่อนั้นโชคดีและไม่ได้รับอันตรายอื่นใดอีก นอกจากนี้การบาดเจ็บที่ใบหน้านั้น เกิดขึ้นเฉพาะบริเวณหน้าผาก แต่ถึงกระนั้น ทางผู้จัดการก็คงจะต้องเรียกร้องค่าทำขวัญจากทีมงาน
ซึ่งทางทีมงานก็ไม่ได้ปฏิเสธข้อเรียกร้องนี้และรีบเข้ามาเจรจาค่าเสียหายในทันที
และเพียงไม่นาน เหตุการณ์ปั่นป่วนวุ่นวายนี้ก็จบลงท่ามกลางความยินดีของหลายคน และความผิดหวังของบางคน
และคนที่เสียใจนั้น ก็คือคนที่ก่อเหตุครั้งนี้ขึ้นนั่นเอง
ที่บ้านตระกูลหลิน
หลินลี่อ่านข่าวที่ระบุว่าหลินเช่อปลอดภัยดี และได้รับบาดเจ็บแค่ที่หน้าผากเท่านั้น ต้องเย็บเพียงไม่กี่เข็มและไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อรูปโฉมของเธอ เพียงเท่านี้ คนอ่านก็ระเบิดโทสะ ปาโทรศัพท์ทิ้งทันที
หันไฉ่อิงรีบถามว่า “เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้น มีข่าวอะไรรึ”
“ข่าวบอกว่านังนั่นแค่บาดเจ็บที่หน้าผากเท่านั้น เชอะ” หลินลี่หัวฟัดหัวเหวี่ยงเมื่อกระแทกตัวลงนั่งบนเตียง
หันไฉ่อิงร้องถามอย่างประหลาดใจว่า “ก็ไหนพวกเขาพูดกันว่ามันเสียโฉมไปแล้วเมื่อไม่กี่วันก่อนไม่ใช่รึ”
เมื่อตอนที่ได้ยินข่าวนี้ หลินลี่แสนจะสมใจเมื่อรู้ว่าหลินเช่อต้องบินไปรักษาตัวไกลถึงอเมริกา
เธอคิดว่าบาดแผลที่อีกฝ่ายได้รับน่าจะสาหัสมากจนทำให้ถึงขั้นหมดสวย เธอยังคิดถึงเรื่องนี้ด้วยความสะใจอยู่เมื่อไม่กี่วันก่อน ลงอัปลักษณ์เข้าละก็ นังหลินเช่อก็ไม่มีทางจะยั่วยวนผู้ชายคนไหนได้อีกต่อไป รวมทั้งกู้จิ้งเจ๋อด้วย
กู้จิ้งเจ๋อคงจะทนดูหน้าหลินเช่อไม่ได้อีกต่อไปและทิ้งขว้างหล่อนในทันที
ใครจะไปคิดล่ะ ว่าสุดท้ายนังนั่นจะหายดีเป็นที่เรียบร้อย
ไม่เพียงแต่จะไม่เป็นอะไรมากเท่านั้น แต่ยังได้พื้นที่ข่าวอยู่นานหลายวันอีกต่างหาก ตลอดทั้งสัปดาห์ มีแต่ข่าวเกี่ยวกับเรื่องที่หลินเช่อเสียโฉมในระหว่างการถ่ายทำถูกนำเสนอซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เมื่อนึกถึงเรื่องราวทั้งหมดนี้แล้ว หลินลี่ก็ยิ่งหัวเสียหนักขึ้นกว่าเดิม
หลินลี่ว่า “นังแพศยานั่น หนูไม่เชื่อหรอกว่ามันจะรอดปลอดภัยไปได้ทุกครั้งน่ะ”
“พอเถอะ ลูกเองก็ต้องระวังด้วยเหมือนกัน ถ้ากู้จิ้งเจ๋อเกิดรู้เข้าว่าเป็นฝีมือลูกละก็ ตระกูลหลินของเราคงไม่อาจมีรอดชีวิตกันไปได้แน่”
“ถ้าเขารู้เข้าแล้วจะทำไมล่ะ” หลินลี่เถียง “ต่อให้หนูต้องตาย หนูก็จะต้องลากมันลงนรกไปด้วยให้ได้ ก็แค่ตระกูลกู้ จะทำอะไรเราได้ ตระกูลหลินของเราก็ไม่ใช่กระจอกซักหน่อยนี่คะ”
“พอที พอที ถ้าพ่อแกได้ยินเข้าละก็ จะต้องโดนเอ็ดใหญ่แน่ๆ ลูกคิดจริงๆ น่ะรึว่าตระกูลเราจะยิ่งใหญ่สามารถขนาดนั้นน่ะ ถ้าขืนเรื่องที่เราไปกระตุกหนวดกู้จิ้งเจ๋อแดงขึ้นมาละก็ รับรองได้ว่าพวกเราไม่มีที่ซุกหัวนอนกันอย่างแน่นอน แล้วทีนี้มาดูกันว่าลูกจะรับมือกับมันยังไง อยากจะไปเป็นขอทานหรือยังไง แค่ทุกวันนี้ยังมีกินอยู่ได้นี่ก็ควรจะขอบคุณแล้วรู้มั้ย ถ้าเกิดต้องโดนเฉดหัวออกไปจากเขตบีนี่หรือแม้แต่ประเทศซีนี่จะทำยังไงกัน”
หลินลี่ไม่เป็นสุขที่ได้ยิน ถึงแม้จะไม่อยากยอมรับความพ่ายแพ้ แต่เธอก็ทำได้เพียงกำโทรศัพท์ในมือแน่นและกัดฟันอย่างโกรธเกรี้ยวเท่านั้น
นังหลินเช่อ มันไปเอาโชคดีมากมายอย่างนี้มาจากไหนกันนะ ตั้งแต่มันกลายเป็นผู้หญิงของกู้จิ้งเจ๋อ มันก็มีแต่โชคเสียจนรอดตัวไปได้จากทุกเรื่อง
ขณะเดียวกันนั้น ในสหรัฐอเมริกา หลินเช่อกำลังมองหาอะไรทำสนุกๆ แล้วเธอก็ได้เห็นลานสกีในร่มซึ่งดูน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว
“กู้จิ้งเจ๋อ ไปลานสกีในร่มกันเถอะค่ะ”
กู้จิ้งเจ๋ออยู่ในห้องทำงาน เมื่อได้ยินคำร้องขอของอีกฝ่าย เขาก็เงยหน้าขึ้นและตอบว่า “ไม่”
“ทำไมล่ะคะ”
“จะต้องใส่เสื้อผ้าหนาๆ ไปทำไมกัน” เขาเงยหน้าขึ้นและหัวเราะ “ทำไมไม่ไปว่ายน้ำล่ะ อย่างน้อยก็มีอะไรน่าดูบ้าง”
หลินเช่อคว้าหมอนปาใส่คนพูดทันที “หื่นกาม”
แต่เมื่อลองคิดทบทวนดูแล้ว ความอยากไปก็ยังคงมีอยู่มาก “ไปลองเล่นกันดูหน่อยน่า นะคะ กู้จิ้งเจ๋อ ไปลองหน่อยน้า…สามีขา ฉันไม่เคยเล่นในลานสกีมาก่อนเลย”
คำว่า ‘สามี’ นั่นเอง ที่ทำให้ชายหนุ่มใจอ่อนยวบ
ยิ่งเมื่อมองหน้าหลินเช่อ เขาก็หมดทางต้านทาน
ทำได้เพียงยกมือขึ้นลูบหัวตัวเองและพูดว่า “ก็ได้ ไปกัน”
“ฮิๆ ขอบคุณค่ะสามี สามีคนดีที่สุดเลย!”
“พอที ฉันฟังเธอจนขนลุกไปหมดแล้ว” แม้จะออกปากเช่นนั้น แต่ในใจชายหนุ่มกลับเอิบอาบไปด้วยความอ่อนหวานอย่างเต็มตื้น
เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก – ตอนที่ 190 ใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้
Posted by ? Views, Released on September 30, 2021
, เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก
หลินเช่อ สาวน้อยนักแสดงปลายแถวตัดสินใจวางยาลักหลับดาราชายชื่อดังอย่าง กู้จิ้งอวี่ เพื่อหาทางไต่เต้าขึ้นไปในวงการบันเทิง แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เมื่อเหยื่อผู้โชคร้ายของเธอดันกลายมาเป็น กู้จิ้งเจ๋อ พี่ชายของเขาแทน!
ทว่าหลังผ่านค่ำคืนอันเร่าร้อนไป การแยกทางกันแต่โดยดีกลับไม่ใช่บทสรุปของคนทั้งคู่ เพราะกู้จิ้งเจ๋อมีโรคประจำตัวสุดประหลาดอย่างหนึ่ง นั่นคือเขาไม่สามารถแตะต้องผู้หญิงคนไหนได้ หากสัมผัสตัวเพศตรงข้ามเมื่อไหร่ เขาจะคลื่นไส้และมีผื่นขึ้นทันที ดังนั้นเมื่อพบว่าเขาและหลินเช่อสามารถนอนร่วมเตียงกันได้โดยไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น ครอบครัวของกู้จิ้งเจ๋อจึงใช้อำนาจบีบบังคับให้ทั้งคู่แต่งงานกัน! เมื่อระฆังวิวาห์ลั่นแบบสายฟ้าฟาด หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อจึงต้องสวมบทบาทคู่สามีภรรยาและเก็บข้าวของย้ายมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันในที่สุด