เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก – ตอนที่ 202 กู้จิ้งเจ๋อเปลี่ยนไปมากจริงๆ

อย่างไรก็ตาม เมื่อหลินเช่อเดินลงจากเครื่อง เธอก็ไม่พบว่ามีความผิดปกติสนามบินแต่อย่างใด
 
 
นั่นเป็นเพราะว่ากู้จิ้งเจ๋อพาเธอเดินตรงเข้าสู่ช่องทางส่วนตัวสำหรับเข้าสู่สนามบินโดยเฉพาะ และออกจากที่นั่นโดยไม่ได้มองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอกเลย
 
 
เมื่อออกจากสนามบินมาได้ อวี๋หมินหมิ่นก็โทรศัพท์มาถาม เมื่อได้รู้ว่าหลินเช่อออกจากสนามบินมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้จัดการสาวก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
 
 
“ก็ควรจะเป็นแบบนั้นนั่นแหละ กู้จิ้งเจ๋อคงคิดเอาไว้แล้วละ ดูเข้าสิ ฉันน่ะลืมไปสนิทเลยว่าคนอย่างเขาจะต้องมีช่องทางส่วนตัวสำหรับเข้าสนามบินแน่ๆ เขาไม่ใช่คนธรรมดา จะไปใช้ช่องทางเข้าปกติเบียดเสียดกับผู้คนมหาศาลไปทำไม แต่ฉันก็ยังกลัวว่านักข่าวจะไปเจอเธออยู่กับกู้จิ้งเจ๋อเข้า ถ้าแบบนั้นคงจะกลายเป็นข่าวพาดหัวใหญ่ และเธอคงจะใช้ชีวิตคนเงียบๆ ในอนาคตไม่ได้แน่ คงจะต้องโดนตามล้อมหน้าล้อมหลังจนไม่เป็นสุขทุกวันไม่ว่าจะย่างกรายไปไหน”
 
 
หลินเช่อเองก็คิดเรื่องนี้เช่นกัน แต่ก็เชื่อว่าไม่น่าจะมีใครเชื่อมโยงเธอกับเขาเข้าด้วยกันได้ในตอนนี้แน่ หรือต่อให้เห็นเธอกับเขาอยู่ด้วยกัน ก็คงจะไม่มีใครผิดสังเกตหรือคิดอะไรไปในทางนั้น เพราะฉะนั้นถึงจะถูกเห็นว่าอยู่ด้วยกัน ก็คงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรและโอกาสที่จะถูกคนจำได้ก็มีน้อยมากด้วย
 
 
อวี๋หมินหมิ่นตัดบทว่า “เอาไว้ค่อยคุยกันตอนเธอมาที่นี่ก็แล้วกัน”
 
 
หลังจากได้ไปอยู่ในที่ที่มีอากาศอบอุ่นอย่างลอสแองเจลิสมา หลินเช่อก็ยังต้องใช้เวลาในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศหนาวเหน็บของที่บ้าน เธอสวมแจ็คเก็ตขนเป็ดตัวใหญ่แต่เนื้อตัวก็ยังสั่นระริกด้วยความหนาวไม่หยุด
 
 
เมื่อกลับมาถึง กู้จิ้งเจ๋อก็ต้องออกไปจัดการกับธุรกิจการงานต่างๆ ที่ถูกทิ้งค้างเอาไว้ก่อนหน้า
 
 
ส่วนหลินเช่อและอวี๋หมินหมิ่นก็ได้พบกันเมื่อหญิงสาวเดินทางไปที่กองถ่าย
 
 
อวี๋หมินหมิ่นพาหลินเช่อพาหลินเช่อเข้าไปกล่าวสวัสดีผู้กำกับของเรื่องเป็นการส่วนตัว ซึ่งเขาก็ต้อนรับเธอเป็นอันดีและเชื้อเชิญเธอเข้ามาอย่างสุภาพ ขณะที่หลินเช่อเดินเข้าไปนั้น เธอก็สังเกตว่าผู้คนรอบตัวดูจะปฏิบัติกับเธอแตกต่างไปจากเดิม ทุกคนดูให้เกียรติและนอบน้อมมีมารยาทจนทำให้หญิงสาวอดรู้สึแปลกใจนิดๆ ไม่ได้
 
 
แม้กระทั่งบรรดานักแสดงชายหน้าใหม่ที่ก่อนหน้านี้ดูจะเชิดใส่เธออยู่ตลอดเวลา บัดนี้กลับพยักหน้าให้เธออย่างสุภาพ ให้เกียรติเป็นอย่างยิ่ง
 
 
หญิงสาวหันไปมองหน้าผู้จัดการด้วยความสับสนงงงุน
 
 
แต่อวี๋หมินหมิ่นก็เพียงแค่ยักไหล่ให้เท่านั้น
 
 
ผู้กำกับเอ่ยขึ้นอย่างขอโทษขอโพยว่า “จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อน เราได้ดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้แล้ว แล้วเราก็จัดการไล่สตันท์แมนที่แสดงนอกบทออก รวมถึงแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันเพื่อไม่ให้มีใครจ้างงานเขาด้วย โชคดีที่นางฟ้าแห่งโชคลาภยังเข้าข้างเรา เพราะไม่เพียงแต่เธอจะหายดีเต็มร้อยแล้วเท่านั้น แต่ยังดูสวยขึ้นแถมมีชีวิตชีวาขึ้นด้วย”
 
 
หลินเช่อออกจะอายเมื่อได้ยินคำชมและไม่ค่อยคุ้นเคยกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าซักเท่าไหร่
 
 
เมื่อผู้กำกับปลีกตัวออกไป เธอก็เข้ามาจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าและแต่งหน้าแต่งตาเตรียมเข้าฉาก
 
 
หลินเช่อหันไปมองอวี๋หมินหมิ่นด้วยสีหน้าแปลกใจ “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ ทำไมทุกคนถึงมองฉันแปลกๆ แบบนี้ล่ะ นี่ฉันไม่ได้หายไปเป็นปีๆ ซักหน่อยนะ”
 
 
หลินเช่อเริ่มคิดแล้วว่า หรือเธอจะเดินทางข้ามเวลามารึเปล่า
 
 
ผู้จัดการสาวหัวเราะและบอกว่า “วันนั้นกู้จิ้งเจ๋อส่งคนของเขามารับเธอเพื่อนำตัวไปรักษาบาดแผล ถึงแม้ว่าทุกคนจะไม่ค่อยเข้าใจนักว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วก็ไม่มีใครกล้าถามด้วย แต่พวกเขาก็รู้ว่าเธอมีคนสำคัญทีเดียวของสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เพราะแบบนี้พวกเขาถึงได้นอบน้อมนักไงล่ะ”
 
 
“หือ จะเป็นไปได้หรือคะ…”
 
 
“แน่นอนที่สุด คนของกู้จิ้งเจ๋อน่ะทำทุกคนกลัวจนหัวหดเลยทีเดียวละ”
 
 
“…”
 
 
อวี๋หมินหมิ่นยังพูดต่อไปอีกว่า “อย่ากังวลไปเลย พวกทีมงานน่ะเขามีกฎเหล็กอยู่ แล้วก็จะไม่มีใครพูดอะไร และจะไม่มีใครเอาเรื่องไปเล่าให้คนข้างนอกฟังหรอก อีกอย่างก็คือ พวกเขาไม่รู้แน่ด้วยแน่ด้วยว่าคนที่มารับเธอน่ะเป็นใคร เพียงแต่รู้กันเพียงเลาๆ ว่าน่าจะเป็นคนที่มีอิทธิพลไม่น้อย เพราะฉะนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับกู้จิ้งเจ๋อจึงยังคงเป็นความลับอยู่”
 
 
“โอเคค่ะ ถ้างั้นก็ดีแล้ว ไม่งั้นฉันคงไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงดีเหมือนกัน เพราะเราตกลงกันว่าจะเก็บเรื่องแต่งงานไว้เป็นความลับ”
 
 
และถ้าเกิดเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปละก็ มันก็กลายจะเป็นการเชิญชวนสารพัดปัญหาเข้ามาอย่างแน่นอน
 
 
หลินเช่อถอดเสื้อโค้ตตัวหนาออก และอวี๋หมินหมิ่นก็สังเกตเห็นร่องรอยบนเนื้อตัวของหญิงสาวแทบในทันที
 
 
ผู้จัดการสาวส่งยิ้มซุกซนให้หลินเช่อ “ดูเหมือนว่าเธอจะ…เอ่อ มีวันหยุดพักผ่อนที่อิ่มเอมใจจริงๆ สินะ”
 
 
“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ เราก็แค่เดินช้อปปิ้งกันแล้วก็ซื้อของขวัญฝากคนในครอบครัวเท่านั้น แล้ววันสุดท้าย เราก็ไปลานสกีในร่มด้วยกันเท่านั้นเอง” หลินเช่อเล่าเรื่อยๆ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นสายตาของอวี๋หมินหมิ่นที่จับจ้องมา เธอก็รู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นมีเลศนัยกว่าปกติ
 
 
หลินเช่อก้มลงมองและก็เห็นร่องรอยที่ฝากเอาไว้บนผิวกายของตัวเองได้อย่างชัดเจน
 
 
ตอนนั้นเองที่เธอเพิ่งเข้าใจที่อวี๋หมินหมิ่นพูดว่า ‘อิ่มเอม’ นั้น หมายถึงอะไร
 
 
ใบหน้าของเธอแดงซ่านพลางยกมือขึ้นแตะรอยที่ลำคอ เธอยังจำได้ว่ากู้จิ้งเจ๋อเป็นฝ่ายขบกัดเธอในขณะที่เขาจวนเจียนจะคลุ้มคลั่งและทิ้งร่องรอยเหล่านี้เอาไว้
 
 
และร่องรอยเหล่านั้นก็ยังไม่จางหายจนถึงวันนี้
 
 
หลินเช่อรีบแก้ตัวพัลวัน “มันไม่ใช่อย่างที่พี่คิดนะคะ นี่มัน…นี่มัน…”
 
 
แต่ยิ่งพูดหญิงสาวก็ยิ่งหน้าแดง
 
 
อวี๋หมินหมิ่นหัวเราะและพูดว่า “อะไรกัน ฉันไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย ก็แค่คิดว่าพวกเธอสองคนนี่รักกันร้อนแรงดีนะ ไม่เลว ไม่เลวเลยจริงๆ …”
 
 
“ไม่ใช่นะคะ!”
 
 
“รักกันหวานชื่นแบบนี้ก็ดีแล้วนี่ แล้วเธอจะกลัวอะไรล่ะ”
 
 
“เรื่องของเรื่องก็คือ…มันไม่ใช่อย่างที่พี่คิดค่ะ…”
 
 
“งั้นมันคืออะไรล่ะ เล่ามาสิ…”
 
 
“…มันคือ…มันคือ…”
 
 
แต่หลินเช่อก็ไม่อาจอธิบายเรื่องนี้ให้อีกฝ่ายรู้ได้อยู่ดีนั่นเอง
 
 
อวี๋หมินหมิ่นจึงหัวเราะและตัดบทว่า “เอาเถอะ เอาเถอะ ฉันไม่แหย่เธอแล้วละ ไปแต่งตัวเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปก่อนละ”
 
 
“…”
 
 
อวี๋หมินหมิ่นก็ยังคงเข้าใจผิดอยู่จนนาทีสุดท้ายนั่นเอง
 
 
ในอีกสองสามวันต่อมา ทุกคนต่างก็รีบเร่งถ่ายทำฉากสุดท้ายกันอย่างเต็มที่ ทำให้หลินเช่อยุ่งวุ่นวายอย่างสุดๆ
 
 
เมื่อกลับมาถึง กู้จิ้งเจ๋อก็ไปพบเฉินอวี่เฉิงเพื่อที่จะทำการตรวจร่างกายอย่างเต็มรูปแบบ
 
 
แต่นายแพทย์ก็เห็นว่าชายหนุ่มดูสดชื่นมีชีวิตชีวาเป็นอันดี ไม่ได้ดูเหมือนมีวี่แววว่าเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้แต่อย่างใด
 
 
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะหยอกเย้าคนไข้อย่างอารมณ์ดี “ท่านประธานกู้ ผมว่าอีกหน่อยคุณน่าจะกินเจ้ายาที่ว่านี่เป็นประจำด้วยซ้ำไปนะ เพราะดูท่าทางกินแล้วจะดูสดชื่นดีเหลือเกินนี่ครับ”
 
 
“…” กู้จิ้งเจ๋อตวัดสายตามองที่นายแพทย์หนุ่ม
 
 
เฉินอวี่เฉิงพูดต่อไปอีกว่า “ผมแค่ล้อเล่นหรอกน่า ท่านประธานกู้ ทำตัวเคร่งเครียดแบบนี้เดี๋ยวสาวๆ เผ่นหนีกันหมดนะครับ นานๆ พูดเล่นบ้างอะไรบ้างก็ไม่เสียหายอะไรหรอกน่า”
 
 
“ยังมีอะไรต้องตรวจอีกรึเปล่า”
 
 
“มีครับ มีครับ มาตรวจเลือดกันอีกซักรอบดีกว่า ว่าแต่ คุณกับคุณหลินนี่น่าจะเป็นคู่ที่เหมาะเจาะกันมากกว่านะครับ คุณโม่น่ะถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนูไฮโซแท้ๆ ก็เลยทำอะไรจริงจังเป็นทางการไปหมดเหมือนกับคุณ ถ้าอยู่ด้วยกันคงจะเคร่งเครียดแย่ แต่กับคุณหลินนี่ไม่เหมือนกัน พวกคุณเป็นคู่ที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งเข้ากันอย่างเหมาะเจาะลงตัวมากทีเดียว ฮิๆ นี่แหละครับที่เขาเรียกว่าหยินหยางละ พวกคุณเติมเต็มซึ่งกันและกัน…”
 
 
ส่วนเว้าส่วนโค้งอะไรกัน…
 
 
ทำไมประโยคนี้ถึงฟังทะแม่งหูพิลึก
 
 
ชายหนุ่มรู้สึกว่าหลินเช่อนั้นมีอิทธิพลต่อเขาในเรื่องแย่ๆ ทั้งนั้น ดูเถอะแม้แต่ประโยคธรรมดาๆ แบบนี้ ยังทำให้เขาคิดไปถึงเรื่องสองแง่สองง่ามได้…
 
 
แต่ก็จริงที่ว่าเขาและเธอต่างช่วยเติมเต็มกัน …และเขาก็อยากจะเอาส่วนโค้งของเขาเข้าไปเติมเต็มส่วนเว้าของเธอจริงๆ …
 
 
กู้จิ้งเจ๋อเหลือบตามองเฉินอวี่เฉิงและก็จับได้ถึงสีหน้ายั่วแหย่ของอีกฝ่าย
 
 
คนฉลาดอย่างชายหนุ่มจึงเข้าใจได้ในทันที นายเฉินอวี่เฉิงนี่จงใจที่จะพูดลามกนี่นา
 
 
เพียงตวัดสายตาแว่บเดียว กู้จิ้งเจ๋อก็รู้ทัน นายแพทย์หนุ่มอดกลั้นไว้ไม่ไหวจึงระเบิดหัวเราะเสียงดังออกมา
 
 
กู้จิ้งเจ๋อเปลี่ยนไปมากจริงๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาจะไม่มีวันเข้าใจมุกตลกลามกประเภทนี้เป็นอันขาด
 
 
อย่างที่เขาว่ากันสินะ ผู้ชายที่มีผู้หญิงอยู่เคียงข้างจะเปลี่ยนไปมากในทางที่ดี…

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

หลินเช่อ สาวน้อยนักแสดงปลายแถวตัดสินใจวางยาลักหลับดาราชายชื่อดังอย่าง กู้จิ้งอวี่ เพื่อหาทางไต่เต้าขึ้นไปในวงการบันเทิง แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เมื่อเหยื่อผู้โชคร้ายของเธอดันกลายมาเป็น กู้จิ้งเจ๋อ พี่ชายของเขาแทน! ทว่าหลังผ่านค่ำคืนอันเร่าร้อนไป การแยกทางกันแต่โดยดีกลับไม่ใช่บทสรุปของคนทั้งคู่ เพราะกู้จิ้งเจ๋อมีโรคประจำตัวสุดประหลาดอย่างหนึ่ง นั่นคือเขาไม่สามารถแตะต้องผู้หญิงคนไหนได้ หากสัมผัสตัวเพศตรงข้ามเมื่อไหร่ เขาจะคลื่นไส้และมีผื่นขึ้นทันที ดังนั้นเมื่อพบว่าเขาและหลินเช่อสามารถนอนร่วมเตียงกันได้โดยไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น ครอบครัวของกู้จิ้งเจ๋อจึงใช้อำนาจบีบบังคับให้ทั้งคู่แต่งงานกัน! เมื่อระฆังวิวาห์ลั่นแบบสายฟ้าฟาด หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อจึงต้องสวมบทบาทคู่สามีภรรยาและเก็บข้าวของย้ายมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันในที่สุด

Options

not work with dark mode
Reset