เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก – ตอนที่ 211 กู้จิ้งเจ๋อเฉียดตายในวันนั้น

หลินเช่อรีบพูดว่า “เอาละค่ะ เอาละค่ะ พี่อวี๋ ฉันสบายดี เห็นมั้ยคะ ไม่เป็นไรเลยซักนิด”
 
 
“ฉันรู้ว่าเธอต้องไม่เป็นไรอยู่แล้วละน่า ถึงยังไงเธอก็ออกไปกับกู้จิ้งเจ๋อนี่นา เพียงแต่ฉันไม่ได้ข่าวอะไรจากเธอเลยหลังจากนั้น ฉันก็เลยเป็นห่วงน่ะ”
 
 
“โชคดีค่ะที่เรารีบออกมาจากลิฟต์นั่นได้ก่อน ฉันก็เลยไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ไม่รู้เหมือนกันนะคะว่าทำไมลิฟต์ถึงได้เป็นแบบนั้น” เมื่อย้อนคิดไปถึงเหตุการณ์ที่ว่า หลินเช่อก็ยังนึกกลัวอยู่ในใจ วันนี้ที่เธอมาบริษัท เธอก็ไม่กล้าใช้ลิฟต์เหมือนกัน
 
 
อวี๋หมินหมิ่นถาม “นี่เธอไม่รู้หรอกเหรอ นั่นไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดาๆ นะ ใครซักคนจะต้องไปทำอะไรบางอย่างเข้าแน่”
 
 
“อะไรนะคะ” หลินเช่อแปลกใจ “เป็นฝีมือคนหรือคะ”
 
 
“ก็ใช่น่ะสิ ฉันได้ยินมาว่ามีคนไปทำให้ลิฟต์เสียหาย แล้วผลก็เลยออกมาเป็นแบบนี้นี่แหละ”
 
 
หลินเช่อยิ่งแปลกใจหนักขึ้นไปอีก “แต่ใครกันที่จะทำแบบนั้นได้คะ แล้วเป้าหมายคือใคร กู้จิ้งเจ๋อเหรอคะ”
 
 
“อืม เรื่องนั้นเราก็ยังไม่รู้กันหรอกนะ เราแค่ได้ยินใครบางคนพูดขึ้นตอนประชุมทีมงาน ว่าพวกเขาสืบจนพบว่ามีคนตั้งใจทำลิฟต์นั่นเสีย แต่ยังไม่แน่ชัดว่าเป้าหมายที่ต้องการทำร้ายเป็นใครกันแน่”
 
 
หลินเช่องุนงงอย่างที่สุด “แล้วทำไมกู้จิ้งเจ๋อถึงไม่ยอมบอกฉันล่ะคะ เขาน่าจะรู้เรื่องนี้นะ”
 
 
“บางทีเขาคงไม่อยากทำให้เธอเป็นกังวลน่ะ เหตุการณ์วันนั้นมันก็น่าสยองอยู่มาก เธอเองก็เกือบจะเคราะห์ร้ายเข้าแล้ว ต้องขอบคุณคนของกู้จิ้งเจ๋อที่ช่วยเธอเอาไว้ได้ พวกเขาทำงานกันรวดเร็วมาก มีคนบอกว่าถ้าเป็นคนอื่นละก็ เธอกับกู้จิ้งเจ๋ออาจจะไม่ได้ออกมาทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ได้”
 
 
หลินเช่อรำพึง “ก็จริงค่ะ วันนั้นมันน่ากลัวมากทีเดียว”
 
 
“โชคดีนะที่เธอเป็นฝ่ายออกมาก่อนน่ะ เพราะหลังจากนั้น กู้จิ้งเจ๋อต้องห้อยตัวอยู่ที่ประตูตั้งนานกว่าจะสามารถปีนออกมาได้ เขาเกือบจะหล่นลงไปพร้อมลิฟต์อยู่แล้ว ฉันคิดว่าเฉียดฉิวไปแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น น่ากลัวเป็นบ้าเลย”
 
 
“จริงหรือคะ มันอันตรายขนาดนั้นเลยเหรอ”
 
 
กู้จิ้งเจ๋อไม่ได้เล่าให้เธอฟังทั้งหมด
 
 
นี่เขาเป็นห่วงว่าเธอจะกังวลใจอย่างนั้นเหรอ
 
 
คิดแล้ว หลินเช่อก็อดอุ่นวาบขึ้นมาในใจไม่ได้
 
 
“แถมกู้จิ้งเจ๋อยังสั่งให้ทุกคนปิดปากห้ามพูดเรื่องนี้ ฉันเดาว่าเขาคงไม่อยากให้มันกลายเป็นข่าวใหญ่น่ะ เพราะถึงยังไงเขาก็เป็นบุคคลสำคัญ”
 
 
“ก็จริงค่ะ” หลินเช่อเห็นด้วย “ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขาละก็ ทางตระกูลกู้คงจะต้องบังคับให้เขาไปตรวจเช็กร่างกายแล้วก็เข้ารับการรักษา เขาคงไม่อยากวุ่นวายเรื่องนี้น่ะค่ะ”
 
 
“ถ้าเป็นแบบนี้ การมีสถานะเป็นคนสำคัญแบบเขาก็เป็นปัญหามากอยู่เหมือนกันนะ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่หมดเลย ฉันเดาว่าเขาคงต้องได้รับแรงกดดันมหาศาลทีเดียว”
 
 
“ใช่ค่ะ…” หลินเช่อทรุดตัวลงนั่งและคิดว่า กู้จิ้งเจ๋อมักจะคิดพิจารณาทุกอย่างอย่างทะลุปรุโปร่งทุกขั้นตอนเสมอ มันกลายเป็นนิสัยของเขาไปแล้ว
 
 
ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยภาระงานสำคัญ ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจกลายเป็นความเสียหายใหญ่ได้เสมอ แค่คิดก็เหนื่อยแทนแล้ว
 
 
อวี๋หมินหมิ่นพูดต่อไป “ทางบริษัทเองก็เป็นห่วงเรื่องนี้มากเหมือนกัน เลยจัดเตรียมทีมใหม่ให้เธอเรียบร้อยแล้วละ ตอนนี้เธอจะมีผู้ช่วยสามคนแล้วก็บอดี้การ์ดอีกสองคน เดี๋ยวก็คงได้เจอ มีคนคอยตามล้อมหน้าล้อมหลังเป็นพรวนแบบนี้ เธอคงจะดูยิ่งใหญ่พิลึกละ”
 
 
“ไม่เอานะคะ แบบนั้นวุ่นวายตายเลย”
 
 
“ต้องเอาสิ! ตอนนี้เธอเป็นตัวทำเงินของบริษัทไปแล้วนะ อีกหน่อยก็คงจะมีงานโฆษณาติดต่อเข้ามาอีก ถ้าเธอเกิดเป็นอะไรขึ้นมาแม้แต่นิดเดียว พวกเขาจะต้องสูญเสียเงินมหาศาล”
 
 
หลินเช่อพูดอ่อยๆ “ฉันเคยคิดว่าแค่มีผู้ช่วยคอยวิ่งไปซื้ออาหารให้ก็ดีมากแล้ว”
 
 
“อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องกินตอนนี้เลย แค่คิดว่าเธอจะมีผู้ช่วยคอยไปไหนต่อไหนด้วยเวลาออกไปข้างนอกก็พอ” อวี๋หมินหมิ่นเตือน
 
 
“ว้าว ถ้าเป็นแบบนั้นฉันก็คงกดดันแย่เลยนะคะนี่ แล้วถ้าเกิดฉันทำเงินได้ไม่มากพอจะเป็นยังไงล่ะคะ”
 
 
“เธอเพิ่งจะเริ่มต้นทำเงินเท่านั้นเอง หนทางยังอีกยาวไกล อย่ากังวลมากเกินไปเลยนะ” อวี๋หมินหมิ่นยิ้มพลางปลอบใจ
 
 
ไม่ช้า ละครของหลินเช่อก็ออกอากาศ หญิงสาวยังคงพะวักพะวนไม่หาย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้รับบทนำในละคร ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ร่วมงานกับละครฟอร์มใหญ่ขนาดนี้ก็ตาม แต่ตอนนั้นเธอก็เป็นเพียงนักแสดงสมทบในละครกับกู้จิ้ิ้งอวี่เท่านั้น แต่คราวนี้เธอเป็นนักแสดงหลัก
 
 
ในวันฉายรอบปฐมทัศน์ อวี๋หมินหมิ่นและหลินเช่อมานั่งดูพร้อมหน้ากันที่ออฟฟิศ ขณะที่เฝ้าดูการแสดงของตัวเอง หญิงสาวก็พยายามเก็บรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ดูว่าตรงจุดไหนบ้างที่เธอยังแสดงได้ไม่ดีนัก
 
 
ด้วยความที่เป็นครั้งแรกที่เธอได้แสดงละครที่ไม่ใช่ละครพีเรียด การแสดงออกทางสีหน้าของเธอจึงยังไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก
 
 
โชคดีที่เมื่อแสดงไปเรื่อยๆ เธอก็เริ่มที่จะคุ้นเคยและกลมกลืนเป็นธรรมชาติมากขึ้น
 
 
ขณะที่ดูละคร หลินเช่อก็ไล่ดูความคิดเห็นของผู้ชมผ่านทางหน้าจอโทรศัพท์ไปด้วย
 
 
หลายคนที่ดูละครก็ไถดูความเห็นในเว่ยป๋อไปด้วย และมีคนเขียนเริ่มคอมเมนต์เกี่ยวกับละครเรื่องนี้เอาไว้ไม่น้อยแล้ว
 
 
หลินเช่อเห็นคอมเมนต์ส่วนใหญ่จะพูดถึงละครอย่างตรงไปตรงมา พวกเขาบอกว่าละครเรื่องนี้ค่อนข้างดีทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหรือองค์ประกอบฉาก เห็นได้ชัดว่ามีการทุ่มทุนในเรื่องนี้ไม่น้อย ไม่มีเสื้อผ้าถูกๆ ห่วยๆ ให้เห็น
 
 
ใครบางคนเขียนว่า [หลินเช่อน่าจะเป็นนักแสดงหน้าใหม่ที่มีฝีมือการแสดงดีกว่าใคร เธอแสดงได้ลื่นไหลมาก แล้วก็สวยมากด้วย อาจเป็นเพราะเธอไม่ได้ศัลยกรรมมากนัก การแสดงออกทางสีหน้าจึงดูเป็นธรรมชาติดี]
 
 
หมายความไงน่ะที่บอกว่า ‘ไม่ได้ศัลกรรมมากนัก’ …
 
 
หน้าเธอไม่เคยผ่านมีดหมอมาเลยซักครั้งด้วยซ้ำ
 
 
แต่หญิงสาวก็ทำใจยอมรับ เพราะถึงอย่างไรการทำศัลกรรมเสริมความงามก็กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปแล้วในทุกวันนี้ หลายคนเคยพูดว่าหน้าเธอทั้งหน้าเป็นพลาสติก แต่พวกเขาก็ไม่เคยมาถามได้แต่มองเท่านั้น
 
 
ที่ใดมีคำชม ที่นั่นก็ย่อมมีคำติ มีบางคนพูดว่า หลินเช่อนั้นน่ารังเกียจ และดูเหมือนพระแม่มารีย์ บางคนเขียนว่า หลินเช่อไม่อาจเทียบได้กับฉินหวานหว่าน ฝีมือการแสดงของฉินหวานหว่านนั้นนับว่าดีที่สุดในบรรดาดาราหน้าใหม่ ที่หลินเช่อโด่งดังได้ก็เพราะคบหาสนิทสนมกับกู้จิ้ิ้งอวี่เท่านั้นเอง เขาทำให้เธอกลายเป็นที่สนใจ
 
 
ทุกคนพากันเปรียบเธอกับฉินหวานหว่าน แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ภาพลักษณ์ของพวกเธอสองคนคล้ายคลึงกันมาก และชาวเน็ตก็ชอบเรื่องแบบนี้ ฉินหวานหว่านนั้นโด่งดังขึ้นมาทันทีที่ละครของเธอออกอากาศจบลง แล้วละครของหลินเช่อก็ออกอากาศต่อกันทันที การวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องนี้จึงเป็นไปอย่างสนุกปาก
 
 
เมื่อการออกอากาศรอบแรกทางโทรทัศน์สิ้นสุดลง ต่อไปก็จะเป็นการเผยแพร่ทางเว็บไซต์ที่เป็นพาร์ทเนอร์ลงทุนร่วมกัน
 
 
ยอดคลิกเข้ามาชมทะลุหนึ่งล้านในวันนั้น
 
 
เมื่อเรตติ้งผู้ชมถูกส่งกลับมาในอีกหนึ่งชั่วโมงให้หลัง ก็พบว่ามันได้เรตติ้งเป็นอันดับหนึ่ง
 
 
ทุกคนในบริษัทต่างพากันยินดี
 
 
หลินเช่อจึงเริ่มเบาใจได้เสียที เธอได้ยินเสียงโทรศัพท์และเมื่อหันไปดูก็พบว่าเป็นสายจากฉินหวานหว่าน
 
 
หลินเช่อรับสายและได้ยินเสียงอีกฝ่ายร้องแสดงความยินดีเข้ามา “ฉันเห็นคะแนนเรตติ้งแล้วนะ ไม่เลวเลยนะจ๊ะ พุ่งขึ้นสู่อันดับหนึ่งทันทีเลย เธอเกือบจะทำลายสถิติแน่ะวันนี้ ยินดีด้วยนะจ๊ะ!”
 
 
เมื่อหลินเช่อได้ยินคำพูดแสดงความยินดีอย่างคนใจกว้างจากฉินหวานหว่าน เธอก็รีบตอบออกไป “ขอบใจจ้ะ!”
 
 
“จริงสิ มีคนเปรียบเทียบเราสองคนกันในบอร์ดออนไลน์น่ะ ฉันหวังว่าเธอจะไม่โกรธนะ พวกชาวเน็ตไม่มีอะไรทำกันน่ะ ให้ตายสิ พวกเขาคงไม่รู้ละมังว่าเราเป็นเพื่อนกันน่ะ”
 
 
“ไม่โกรธหรอกจ้ะ ฉันไม่สนใจเรื่องนี้ มีชาวเน็ตตั้งมากมายแล้วพวกเขาก็มีความเห็นแตกต่างกันไป”
 
 
“ดีแล้วละจ้ะ ฉันอ่านแล้วก็อึดอัดใจบอกไม่ถูก”
 
 
“ฉันก็เหมือนกัน” หลินเช่อว่า
 
 
เมื่อฉินหวานหว่านวางสายตา หลินเช่อก็หันไปบอกกับอวี๋หมินหมิ่น “ฉินหวานหว่านนี่น่ารักเหลือเกินนะคะ เธออุตส่าห์โทรมาหาฉันเพียงแค่จะขอโทษเรื่องที่เธอไม่ได้ทำด้วยซ้ำ”
 
 
อวี๋หมินหมิ่นตอบว่า “ใช่ เรื่องที่ชาวเน็ตพูดน่ะมันไม่เกี่ยวกันหรอก แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะที่เขาดูมารยาทดีมากขนาดนี้ ปกติแล้วเขาเป็นคนแบบนี้เหรอ”

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

หลินเช่อ สาวน้อยนักแสดงปลายแถวตัดสินใจวางยาลักหลับดาราชายชื่อดังอย่าง กู้จิ้งอวี่ เพื่อหาทางไต่เต้าขึ้นไปในวงการบันเทิง แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เมื่อเหยื่อผู้โชคร้ายของเธอดันกลายมาเป็น กู้จิ้งเจ๋อ พี่ชายของเขาแทน! ทว่าหลังผ่านค่ำคืนอันเร่าร้อนไป การแยกทางกันแต่โดยดีกลับไม่ใช่บทสรุปของคนทั้งคู่ เพราะกู้จิ้งเจ๋อมีโรคประจำตัวสุดประหลาดอย่างหนึ่ง นั่นคือเขาไม่สามารถแตะต้องผู้หญิงคนไหนได้ หากสัมผัสตัวเพศตรงข้ามเมื่อไหร่ เขาจะคลื่นไส้และมีผื่นขึ้นทันที ดังนั้นเมื่อพบว่าเขาและหลินเช่อสามารถนอนร่วมเตียงกันได้โดยไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น ครอบครัวของกู้จิ้งเจ๋อจึงใช้อำนาจบีบบังคับให้ทั้งคู่แต่งงานกัน! เมื่อระฆังวิวาห์ลั่นแบบสายฟ้าฟาด หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อจึงต้องสวมบทบาทคู่สามีภรรยาและเก็บข้าวของย้ายมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันในที่สุด

Options

not work with dark mode
Reset