เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก – ตอนที่ 217 เขาอยากเห็นนักว่านักแสดงนำชายหน้าตาเป็นยังไง

ตอนที่ 217 เขาอยากเห็นนักว่านักแสดงนำชายหน้าตาเป็นยังไง
 
 
หลินเช่อกัดฟันกรอดๆ ใส่เฉินโยวหราน ยัยเพื่อตัวแสบนี่พูดจาบ้าบออะไรกัน
 
 
กู้จิ้งเจ๋อหันไปมองเฉินโยวหรานและยิ้มน้อยๆ
 
 
หน้าตานิ่งเฉยตามปกติของเขาทำให้เฉินโยวหรานยิ่งกระเซ้าหนัก
 
 
หลินเช่อต้องรีบเข้ามาผลักเพื่อนของเธอออกไป “เอาละ ไปกันได้แล้ว โอ้ จริงสิ คุณหมอเฉินคะ ในเมื่อคุณรู้จักบ้านเฉินโยวหรานแล้ว คุณช่วยพาเธอไปส่งแทนฉันหน่อยได้มั้ยคะ”
 
 
“ตกลง”
 
 
“อะไรนะ ฉันไม่อยากไปกับเขานี่…” เฉินโยวหรานทำตาเขียวใส่หลินเช่อบ้าง เธอก็เป็นยัยเพื่อนตัวแสบเหมือนกันนั่นแหละ!
 
 
เฉินอวี่เฉิงพูดเยาะๆ ว่า “อะไรกัน นี่เธอกลัวฉันจะทิ้งเธอไว้งั้นเหรอ สบายใจได้น่า พรุ่งนี้ฉันยังต้องใช้งานเธอตรวจเอกสารอีกกองโตเลย เพราะฉะนั้นคืนนี้ฉันจะไปส่งเธอให้ถึงบ้านอย่างปลอดภัยเลย”
 
 
“ไปให้พ้นเลยไป๊”
 
 
คนทั้งกลุ่มพากันหัวเราะและเดินออกมา หลินเช่อถามอวี๋หมินหมิ่นว่าจะกลับยังไง
 
 
กู้จิ้งเจ๋อจึงตัดบทให้ว่า “ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันให้คนไปส่งเอง”
 
 
เมื่อหลินเช่อได้ยิน จึงพยักหน้าด้วยความโล่งใจ
 
 
วันต่อมา หลินเช่อวุ่นวายอยู่กับรายชื่อการค้นหานักแสดงหน้าใหม่ โดยปกติละครโทรทัศน์จะมีการค้นหานักแสดงชายหน้าใหม่ๆ อยู่เสมอ ด้วยความที่ผู้ชมส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ซึ่งก็อยากจะติดตามชมนักแสดงที่เป็นเพศตรงข้าม ผู้หญิงจึงให้ความสนใจในนักแสดงชายมากกว่า แต่ถึงกระนั้น ความนิยมในตัวหลินเช่อก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นอยู่ตลอด
 
 
การเปรียบเทียบระหว่างหลินเช่อและฉินหวานหว่านก็ยังคงมีให้เห็นไม่ขาด
 
 
หลินเช่อเดินทางไปพบครอบครัวตระกูลกู้พร้อมกับกู้จิ้งเจ๋อในช่วงเช้า ระหว่างเดินทางเธอก็คอยไล่ดูโพสต์ต่างๆ ในเว่ยป๋อไปด้วย และเก็บโทรศัพท์เมื่อถึงที่หมาย
 
 
ที่บ้าน มู่หว่านฉิงออกปากชมหลินเช่อทันทีที่ได้เห็นหน้า “เสี่ยวเช่อจ๊ะ นี่ฉันติดตามดูละครของเธอทุกวันเลยนะ การแสดงของเธอยอดเยี่ยมมาก นี่ฉันยังบอกบรรดาป้าๆ น้าๆ ในครอบครัวให้ดู รวมทั้งบอกเพื่อนๆ ของฉันทุกคนเลยด้วยนะจ๊ะ”
 
 
หลินเช่อมองแม่สามีอายๆ “คุณแม่คะ คุณแม่ได้ดูจริงๆ หรือคะ นี่…การแสดงของหนูไม่ได้ดีขนาดนั้นหรอกค่ะ ตัวละครก็ออกจะเก่งกล้าสามารถเพอร์เฟ็กต์ไปหมด ไม่ค่อยจะมีอะไรสมจริงหรือมีความเป็นศิลปะซักเท่าไหร่…มันเป็นแค่เรื่องราวเกี่ยวกับ…ความรักน่ะค่ะ”
 
 
มู่หว่านฉิงว่า “จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกจ้ะ ความรักก็เป็นส่วนหนึ่งของความจริง แล้วก็เป็นส่วนหนึ่งของศิลปะด้วยนะจ๊ะ อีกอย่าง การแสดงของเธอก็ดีมากด้วย แต่พระเอกของเรื่องนี้หล่อเหลาเอาการทีเดียว พอเห็นพวกเธอสองคนคู่กันเข้า ทำเอาฉันชักรู้สึกตงิดๆ ขึ้นมาว่าจิ้งเจ๋อนี่ไม่ค่อยจะสมกับเธอเท่าไหร่เสียแล้วสิ…”
 
 
“…” กู้จิ้งเจ๋อที่ยืนอยู่ข้างๆ ถึงกับหน้าถอดสี “แม่ครับ…”
 
 
ทำไมแม่เขาถึงได้เป็นคนแบบนี้นะ
 
 
มู่หว่านฉิงยังไม่หยุดแค่นั้น “จริงๆ นะจ๊ะ แม่คิดว่าพวกเขาเหมาะกันมากเลยทีเดียว แต่พอมาเป็นลูก ลูกน่ะชอบทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ตลอดเวลา”
 
 
แล้วนี่ทำไมเขาถึงถูกลากเข้ามาเกี่ยวด้วยล่ะเนี่ย
 
 
หลินเช่อเข้าใจได้ทันทีว่ามู่หว่านฉิงอินกับละครมากเมื่อได้ดูฉากเข้าพระเข้านาง จนถึงขนาดหวังให้หลินเช่อได้คู่กับพระเอกของเรื่องจริงๆ
 
 
แต่เธอก็ยังคิดว่านั่นเป็นคำตัดสินที่ไม่ยุติธรรมสำหรับกู้จิ้งเจ๋อซักเท่าไหร่ เพราะถึงอย่างไรเขาก็ดูดีกว่าพระเอกของเรื่องมาก
 
 
โดยเฉพาะหลังจากที่พระเอกคนดีของเธอผ่านมาแล้วทั้งการผ่าตัดดึงหน้า แถมเวลาดูใกล้ๆ ก็มองเห็นดั้งจมูกปลอมอีกต่างหาก แล้วแบบนี้จะให้มาเทียบกับกู้จิ้งเจ๋อได้ยังไง
 
 
แต่หญิงสาวก็ตัดสินใจที่จะไม่บอกความจริง และปล่อยให้มู่หว่านฉิงฝันหวานของเธอต่อไป
 
 
เพราะถึงอย่างไร นี่ก็เป็นการแสดงความสนับสนุนที่แม่สามีมีต่อเธอ สำหรับคนที่เคยไม่ดูละครทีวีน้ำเน่าแบบนี้ แต่ก็ยังอุตส่าห์ยอมดูเพื่อเธอ
 
 
หลินเช่อจึงอดซาบซึ้งใจไม่ได้
 
 
กู้จิ้งเจ๋อหันมองมารดาแล้วก็รู้สึกว่า เขาจะต้องหาโอกาสดูละครเรื่องนี้ซักที เพื่อดูว่าไอ้หมอนั่นหน้าตาเป็นยังไงกันแน่
 
 
การที่เขาไม่เข้าไปยุ่มย่ามวุ่นวายกับงานของเธอ ก็ไม่ได้แปลว่าเขาไม่สนใจ
 
 
เขาเองก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน แต่เมื่อได้ยินมารดาพูดถึงเรื่องนี้เข้า ในใจเขาก็เริ่มเต้นยิบๆ ด้วยความหึงหวงขึ้นมาทันที
 
 
มู่หว่านฉิงออกปากว่า “เอาละ เอาละ พวกเธอสองคนเข้าไปพักกันก่อนเถอะจ้ะ โอ้ จริงสิ จิ้งเจ๋อ ของของลูกมาถึงแล้วนะ ลองเข้าไปดูสิ”
 
 
ชายหนุ่มพยักหน้าและพาหลินเช่อเข้าบ้านไป
 
 
หญิงสาวถามขึ้น “ของอะไรมาถึงเหรอคะ เกี่ยวกับงานหรือเปล่า จะให้ฉันออกไปก่อนมั้ยคะ” หลินเช่อไม่เคยเข้าไปวุ่นวายหรือขัดขวางงานของเขา
 
 
แต่กู้จิ้งเจ๋อรีบบอกว่า “ไม่เป็นไร ไม่ใช่เรื่องงานหรอก เป็นของใช้ส่วนตัวที่เพิ่งถูกส่งมาจากที่อื่นน่ะ”
 
 
“ว้าว อะไรเหรอคะ” เมื่อได้ยิน หลินเช่อก็สนใจขึ้นมาทันที
 
 
ชายหนุ่มจึงบอกว่า “ของไร้สาระน่ะ พวกข้าวของที่ฉันเคยใช้สมัยเรียนที่ต่างประเทศ พวกเขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับมัน ฉันก็เลยขอให้คนของฉันช่วยส่งกลับมาเก็บไว้ที่นี่”
 
 
“ว้าว ของใช้สมัยเป็นนักเรียนน่ะหรือคะ แล้วมีไดอารี่หรืออะไรพวกนั้นด้วยรึเปล่าคะ ฮิๆ”
 
 
เมื่อเห็นหลินเช่อหัวเราะหน้าเป็น เขาก็หยิกหนับเข้าให้ “ฉันจะทิ้งของส่วนตัวขนาดนั้นไว้ทำไมกัน อีกอย่าง ฉันไม่เคยเขียนไดอารี่”
 
 
“อา ทำไมล่ะคะ…”
 
 
“การทำธุรกิจก็เหมือนการออกรบ ในสนามรบ เป็นสิ่งสำคัญมากที่จะไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่”
 
 
หลินเช่อเคยได้ยินคำสอนนี้และเธอก็คิดว่ามันลึกล้ำมาก เธอหันไปมองหน้าเขา และทำหน้าราวกับเข้าใจสิ่งที่ชายหนุ่มกำลังพูดถึงอยู่
 
 
เมื่อเห็นกู้จิ้งเจ๋อเดินเข้าไปในห้อง เธอจึงเดินตามเข้าไปบ้าง
 
 
ขณะที่กำลังกวาดตามองกล่องขนาดใหญ่ที่วางซ้อนทับกันอยู่เป็นกองพะเนิน เธอก็เห็นกู้จิ้งเจ๋อเดินเข้าไปเปิดกล่องใบหนึ่ง จึงตามไปชะโงกดูบ้าง
 
 
เขาเปิดกล่องออกและยิ้มพลางบอกว่า “นี่เป็นเครื่องเขียนที่ฉันเคยใช้สมัยอยู่ชั้นประถม”
 
 
หลินเช่อพลิกฝากล่องให้เปิดกว้างขึ้น และได้เห็นอุปกรณ์เครื่องเขียนมากมายที่อัดแน่นอยู่ในนั้น
 
 
ทุกอย่างยังคงอยู่ในสภาพใหม่เอี่ยม และดูเป็นของดีมีราคาทั้งสิ้น
 
 
“ว้าว คุณนี่ใช้ของหรูๆ ทั้งนั้นเลยนะคะ ทุกอย่างที่คุณใช้นี่มีแต่ของแพงๆ ทั้งนั้นเลย”
 
 
“ก็แค่ปากกาหมึกซึม เป็นของแพงตรงไหนกัน”
 
 
“คุณไม่เห็นหรือคะ ว่านี่มันทำจากทองคำนะ แถมยังมีหยกชิ้นใหญ่ติดอยู่ตรงปลายนี่ด้วย” หลินเช่อหยิบปากกาอันหนึ่งชูขึ้นมาให้เห็น
 
 
เขาจึงอธิบายว่า “ทั้งหมดนี่เป็นของขวัญจากคุณปู่ ที่ให้เป็นรางวัลที่ฉันสอบได้ที่หนึ่งของทั้งระดับชั้นน่ะ”
 
 
“คุณเป็นที่หนึ่งของทั้งระดับชั้นงั้นหรือคะ” หลินเช่อหรี่ตาถาม
 
 
ชายหนุ่มพยักหน้า “นี่สำหรับการสอบได้ที่หนึ่งในปีแรก คุณปู่ของฉันก็เลยดีใจมาก แต่หลังจากนั้นฉันก็สอบได้ที่หนึ่งทุกปี คุณปู่ก็เลยไม่ค่อยได้พูดอะไรอีก”
 
 
“…” หลินเช่อมองหน้าอีกฝ่าย “เอาเถอะค่ะ ฉันคงไม่ค่อยเข้าใจโลกของเด็กเรียนดีนักหรอก”
 
 
ไม่ช้า เธอก็ค้นพบภาพถ่ายปึกใหญ่ข้างในนั้น
 
 
สายตาเธอกวาดไปเห็นเด็กชายที่ยืนอยู่ตรงกลางรูปทันที เขามีริมฝีปากแดงระเรื่อ ฟันขาวแต่ไม่ยอมยิ้มแย้มเลยสักนิด และยืนอยู่ตรงกลางภาพ
 
 
หลินเช่อชี้ไปที่เด็กชายตัวน้อยทันที “ว้าว กู้จิ้งเจ๋อ นี่ต้องเป็นคุณแน่ๆ เลย ดูหน้าบูดๆ นี่สิคะ คุณเป็นคนหน้าบึ้งแบบนี้มาตั้งแต่เด็กเลยเหรอเนี่ย เด็กๆ ควรจะทำหน้าตาน่ารักกว่านี้สิคะ แล้วนี่จะหน้าบูดไปถึงไหนกัน คุณทำหน้าอย่างกับเป็นเจ้าหนี้เพื่อนทุกคนงั้นแหละ”
 
 
ชายหนุ่มตวัดสายตามามองและตอบว่า “ตลกตรงไหน ก็แค่ภาพถ่ายเท่านั้น”
 
 
หลินเช่อยังไม่หยุดขุดคุ้ยกองภาพถ่าย เธอได้เห็นภาพจากสมัยเรียนไฮสคูลของเขาที่มีเด็กสาวหน้าตาดีอยู่ในรูปด้วยหลายต่อหลายคน ชั้นเรียนของกู้จิ้งเจ๋อจัดว่าเป็นห้องเรียนสาวสวยโดยแท้ ทุกคนดูดีกันหมด
 
 
กู้จิ้งเจ๋อยืนอยู่ตรงกลาง เห็นได้ชัดว่าเป็นเด็กหนุ่มที่ป๊อบปูล่าเป็นที่ชื่นชอบของใครต่อใคร เพราะเขาทั้งหล่อเหลาและยังมีบุคลิกของผู้นำอยู่ในตัว
 
 
หลินเช่อหันไปพูดกับเจ้าของภาพถ่ายด้วยน้ำเสียงเยาะๆ ว่า “ห้องเรียนคุณน่ะมีแต่ผู้หญิงสวยๆ ทั้งนั้นเลยนะคะ กู้จิ้งเจ๋อ ดูสิ แต่เพราะอาการป่วยของคุณ คุณก็เลยต้องพลาดสาวสวยๆ พวกนี้ไปหมดเลย ถ้าคุณไม่ได้ป่วยละก็ ตอนนั้นคุณคงมีสาวๆ พวกนี้คอยขนาบซ้ายขวาเลยล่ะ จนถึงตอนนี้ก็น่าจะมีวังใหญ่ๆ แล้วก็มีนางสนมมากมายเต็มไปหมด คุณเสียใจมั้ยคะที่ไม่มีโอกาสได้จีบเพื่อนร่วมชั้นสวยๆ พวกนี้น่ะ”

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

หลินเช่อ สาวน้อยนักแสดงปลายแถวตัดสินใจวางยาลักหลับดาราชายชื่อดังอย่าง กู้จิ้งอวี่ เพื่อหาทางไต่เต้าขึ้นไปในวงการบันเทิง แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เมื่อเหยื่อผู้โชคร้ายของเธอดันกลายมาเป็น กู้จิ้งเจ๋อ พี่ชายของเขาแทน! ทว่าหลังผ่านค่ำคืนอันเร่าร้อนไป การแยกทางกันแต่โดยดีกลับไม่ใช่บทสรุปของคนทั้งคู่ เพราะกู้จิ้งเจ๋อมีโรคประจำตัวสุดประหลาดอย่างหนึ่ง นั่นคือเขาไม่สามารถแตะต้องผู้หญิงคนไหนได้ หากสัมผัสตัวเพศตรงข้ามเมื่อไหร่ เขาจะคลื่นไส้และมีผื่นขึ้นทันที ดังนั้นเมื่อพบว่าเขาและหลินเช่อสามารถนอนร่วมเตียงกันได้โดยไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น ครอบครัวของกู้จิ้งเจ๋อจึงใช้อำนาจบีบบังคับให้ทั้งคู่แต่งงานกัน! เมื่อระฆังวิวาห์ลั่นแบบสายฟ้าฟาด หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อจึงต้องสวมบทบาทคู่สามีภรรยาและเก็บข้าวของย้ายมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันในที่สุด

Options

not work with dark mode
Reset