เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก – ตอนที่ 224 จะมาปากหวานทำไม

กู้จิ้งเจ๋อก้าวเข้ามาหาและรีบคว้าไหล่เธอไว้
 
 
“ระวังหน่อย บนถนนมีรถ”
 
 
ชายหนุ่มมองดูผู้หญิงจอมซุ่มซ่ามตรงหน้าแล้วก็ถามขึ้นว่า “ก็เป็นซะอย่างนี้ แล้วเธอจะเป็นคุณนายใหญ่ของตระกูลกู้ในอนาคตได้ยังไงกันนี่”
 
 
หลินเช่อทำปากยื่นแล้วก็คิดว่าเธอคงไม่มีทางเป็นคุณนายใหญ่ให้ครอบครัวเขาได้อย่างแน่นอนที่สุด เธอคิดว่าจะต้องมีผู้หญิงคนอื่นที่จะเข้ามารับหน้าที่นี้ในอนาคต ถึงจะยังไม่แน่ใจว่าเป็นใคร แต่ไม่ใช่เธอแน่นอนละ
 
 
อาจจะเป็นโม่ฮุ่ยหลิงละมั้ง
 
 
ถึงแม้หลินเช่อจะไม่ค่อยเต็มใจที่จะยกเขาให้ผู้หญิงอย่างโม่ฮุ่ยหลิง แต่ถึงกระนั้นทั้งคู่ก็เติบโตมาด้วยกัน และเขาก็ไม่รู้จักผู้หญิงคนอื่นอีกนอกจากหล่อน ถ้าเขาหย่ากับเธอในวันหนึ่งข้างหน้า บางทีเขาอาจจะกลับไปหาหล่อนกระมัง
 
 
ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะทะเลาะกับหล่อนอยู่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะคืนดีกันไม่ได้
 
 
ถึงอย่างไรความรู้สึกที่พวกเขามีต่อกันมากว่าสิบปีก็ยังคงหลงเหลืออยู่
 
 
ปฏิเสธไม่ได้ว่าคำพูดของโม่ฮุ่ยหลิงมีผลต่อเธอไม่น้อย
 
 
สิ่งที่โม่ฮุ่ยหลิงพูดนั้นถูกต้องแล้ว เมื่อเปรียบเทียบกันเขาเพิ่งใช้เวลากับเธอได้ไม่นานนัก ความรู้สึกที่เขามีต่อโม่ฮุ่ยหลิงจึงล้ำลึกกว่ามาก ที่เขาอยากอยู่กับเธอและทำสิ่งต่างๆ ด้วยกันนั้นอาจเป็นเพราะเขาไม่สามารถแตะต้องผู้หญิงคนไหนได้ และมีเพียงเธอเท่านั้นที่สัมผัสเขาได้โดยไม่เป็นอะไร
 
 
กู้จิ้งเจ๋อเห็นรถบนถนนที่มากขึ้นทุกที จึงหันไปส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ดของตัวเอง
 
 
บอดี้การ์ดเข้าใจในทันและรีบสั่งการให้ช่วยกันชะลอจำนวนรถให้เข้ามาถึงบริเวณนี้น้อยลง
 
 
กู้จิ้งเจ๋อจับมือหลินเช่อไว้ สอดนิ้วมือเข้าไปประสานกับนิ้วเธอ
 
 
ความรู้สึกพึงพอใจที่ผุดวาบขึ้นมา ทำให้ชายหนุ่มคลายยิ้มออกมาเบาๆ
 
 
มือของเธอเล็กนิดเดียวเท่านั้น เมื่อก้มลงมอง เขาก็รู้สึกอยากจะกระชับมือเล็กๆ นั้นให้แน่นเข้าอีก เขาอยากบีบมือนั้นเสียให้สาแก่ใจ
 
 
แต่ก็อีก มือของเธอบอบบางยิ่งนัก มันทำให้เขากลัวว่าแม้ด้วยแรงเพียงเล็กน้อยก็อาจจะทำให้กระดูกเล็กๆ นั้นเปราะหักได้
 
 
มือของหลินเช่อเย็นเฉียบ อาจจะเพราะความหนาวเย็นของอากาศ
 
 
กู้จิ้งเจ๋อขมวดคิ้วพลางถูมือเธอและถามว่า “ทำไมมือเย็นอย่างนี้ เธอหนาวรึเปล่า ทำไมเราไม่กลับกันซักทีล่ะ”
 
 
“ฉันไม่หนาวหรอกค่ะ ปกติแล้วมือฉันก็เย็นแบบนี้นี่แหละ” หลินเช่อหันกลับไปมองและยิ้มตอบเขา เธอสวมแจ็คเก็ตขนเป็ดตัวหนา ในขณะที่ชายหนุ่มสวมเพียงแจ็คเก็ตตัวบาง ด้วยร่างสูงเพรียวของเขา การสวมแจ็กเก็ตกันลมก็ยังทำให้ดูหล่อเนี้ยบได้ ข้างในนั้นกู้จิ้งเจ๋อสวมเพียงเสื้อเชิ้ตตัวเดียวเท่านั้น หลินเช่อนึกกลัวว่าเขาเองนี่แหละที่น่าจะเป็นคนรู้สึกหนาว
 
 
เธอจึงถามขึ้นว่า “เรากลับกันซักทีมั้ยคะ คุณใส่เสื้อมาบางนิดเดียว คงจะหนาว”
 
 
กู้จิ้งเจ๋อยิ้มแล้วดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขน
 
 
หลินเช่อส่งเสียงเบาๆ เมื่อรู้สึกได้ว่าท่อนแขนยาวนั้นเลื่อนลงมาที่ต้นคอ ร่างใหญ่ของเขายืนแอบอิงด้านหลังของเธอไว้ และสวมกอดแนบแน่น
 
 
เธอไม่คิดเลยว่าตัวเขาจะอุ่นขนาดนี้ทั้งที่สวมเสื้อผ้าเพียงบางเบา แม้แจ็คตัวหนาที่เธอสวมอยู่จะกั้นขวางระหว่างผิวเนื้อไว้ แต่เธอก็รู้สึกถึงไออุ่นที่ค่อยๆ แผ่มาตามผิวเนื้อที่ต้นคอของตัวเองได้ มันเป็นความอบอุ่นที่เธอไม่อยากจะละทิ้งไปเลย
 
 
ความอบอุ่นนั่นทำให้หลินเช่อขยับชิดเข้าไปในอ้อมกอดของเขามากขึ้นอีก มันอุ่นสบายจนเธอยิ้มออกมา เป็นความรู้สึกเปี่ยมสุขที่ทำให้หัวใจของเธอหลอมละลาย
 
 
กู้จิ้งเจ๋อสวมกอดร่างบอบบางนั้นไว้แล้วก้มลงกระซิบที่ข้างหู “ฉันไม่ชอบหน้าหนาวเลย”
 
 
“ทำไมล่ะคะ” หลินเช่อเงยหน้าถาม
 
 
ชายหนุ่มหัวเราะ “ก็เธอใส่เสื้อผ้าซะหลายชั้นขนาดนี้ ฉันสัมผัสเธอไม่ได้…”
 
 
“…”
 
 
หญิงสาวยกเท้ากระทืบลงบนเท้าใหญ่เข้าเต็มรัก “คนบ้า นี่เราอยู่กันกลางถนนนะคะ จะมาสัมผัสอะไรกัน”
 
 
กู้จิ้งเจ๋อท้วง “คนอื่นเขาจะมาแคร์ทำไมที่ฉันกำลังกอดเมียตัวเอง”
 
 
หัวใจของหลินเช่อหวานล้ำขึ้นมาอีกนิด รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอีกหน่อย
 
 
“กู้จิ้งเจ๋อ เดี๋ยวนี้ปากหวานจังนะคะ” เธอถาม
 
 
กู้จิ้งเจ๋อแปลกใจ “ฉันปากหวานตรงไหน”
 
 
“นี่คุณไปหัดพูดหวานๆ แบบนี้มาจากไหนกัน”
 
 
“อา เรื่องแบบนี้ต้องหัดกันด้วยเหรอ” ชายหนุ่มสงสัย
 
 
หลินเช่อว่า “ก็ถ้าไม่อย่างงั้น คนแบบคุณที่ไม่เคยออกเดตกับใครเป็นเรื่องเป็นราวจะพูดจาแบบนี้เป็นได้ยังไง”
 
 
กู้จิ้งเจ๋อหัวเราะ “ของแบบนี้ไม่ต้องหัดหรอก ถ้าเธออยากจะพูดจาหวานๆ กับใคร มันก็จะออกมาเองโดยธรรมชาติ มันเป็นเรื่องของสัญชาตญาณน่ะ”
 
 
หลินเช่อตัวแข็ง
 
 
คนปากหวานยังพูดต่อไปอีก “ไม่อย่างงั้นเราจะผลิตทายาทไว้สืบสกุลกันได้ยังไง”
 
 
“เงียบไปเลยนะ!” หลินเช่อกลอกตา “นี่แปลว่าคุณตั้งใจพูดหวานๆ แค่เพราะจะพาขึ้นเตียงเท่านั้นเหรอเนี่ย”
 
 
“ไม่ใช่สิ ทำไมถึงมองฉันเป็นคนแบบนั้นล่ะ” คนพูดทำหน้าขึงขังจริงจัง “ต่อให้ไม่ได้ขึ้นเตียง จะเป็นบนพรม โซฟา ในครัว ที่ระเบียง…ฉันก็รับได้หมดเหมือนกันนั่นแหละ”
 
 
“…” หลินเช่อหน้าแดง “คนอันธพาล ลามกสัปดนที่สุด!”
 
 
“ถ้าฉันยังทำตัวเป็นคนดีอยู่ละก็ เธอคงทนไม่ได้แล้วก็หนีไปนานแล้วละ เธอชอบเพราะว่าฉันสัปดนนี่แหละ”
 
 
“…” หลินเช่อเอาหน้าซุกเสื้อแจ็คเก็ตแล้วทำแก้มป่องเหมือนปลาปักเป้าที่กำลังตัวพองด้วยความโกรธ และมองอีกฝ่ายตาเขียวปั้ด
 
 
กู้จิ้งเจ๋อหัวเราะอย่างเอ็นดู หัวใจของเขายิ่งเปิดกว้างกว่าเก่าเมื่อเธอยั่วแหย่เขาแบบนี้
 
 
ส่วนหลินเช่อเมื่อเห็นอีกฝ่ายยิ้มกว้าง เธอก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาดูดีเอามากๆ ยามที่ยิ้มแย้มหัวเราะแบบนี้
 
 
โดยเฉพาะเวลาที่เขาไม่ได้วางมาดและทำอะไรเป็นธรรมชาติแบบนี้ ความสุขดูจะเปล่งประกายออกมาจากตัวเขา ดวงตาส่องแสงวาววับราวกับเพชร เส้นกรอบแนวคางก็ดูละมุนลงไม่เคียดขึงเหมือนยามปกติ เขาดูเปล่งประกายเหมือนดวงอาทิตย์สว่างไสวจนเธอไม่อาจละสายตาไปได้เลย
 
 
หลินเช่อแตะมือเขา ถึงแม้ว่าฝ่ามือใหญ่นั้นจะร้อน แต่หลังมือของเขาก็เย็นเฉียบ
 
 
เธอพูดขึ้นว่า “คุณใส่เสื้อผ้ามาน้อยเกินไปนะคะ ดูนั่นสิคะ มีแผงลอยขายผ้าพันคอด้วย”
 
 
กู้จิ้งเจ๋อมองตามไป แล้วก็ได้เห็นแผงขายสินค้าริมถนน มีเด็กสาวคนหนึ่งกำลังนั่งเหลียวซ้ายแลขวาอย่างกระตือรือร้น เฝ้ารอคนที่จะมาเป็นลูกค้า
 
 
หลินเช่อลากเขาเข้าไปดู
 
 
ชายหนุ่มนิ่วหน้า เขากวาดตามองสินค้าที่วางขายอยู่นั้นและก็อดรู้สึกไม่ได้ว่ามันไม่ค่อยจะสะอาดสะอ้านนัก
 
 
เนื้อผ้าที่ใช้ก็มีสีซีดจางเมื่อเทียบกับผ้าพันคอที่ผลิตในอิตาลี
 
 
แต่หลินเช่อไม่ทันได้สังเกตท่าทีไม่เห็นด้วยนั้น และเดินตรงแน่วเข้าไป เธอถามว่า “น้องคะ ผ้าพันคอขายยังไง”
 
 
“พี่สาวคนสวย อยากซื้อผ้าพันคอเหรอจ๊ะ ผืนละสามสิบจ้ะ ถ้าเอาสองผืนเดี๋ยวลดให้อีก ลองซื้อไปซักสิคะ ฉันถักเอง” สาวน้อยเงยหน้ามองลูกค้าทั้งสองแล้วก็ต้องตาเป็นประกาย
 
 
หนุ่มหล่อสาวสวยนั้นเป็นของน่ามองอยู่แล้ว แต่ความโก้หรูสง่างามของกู้จิ้งเจ๋อนั้นสะดุดตาเธอเข้าเต็มที่ ใบหน้าของเขาก็หล่อเหลาสมบูรณ์แบบเสียจนทำให้คนที่เห็นต้องทึ่ง แววตาเฉยเมยไม่ยินดียินร้ายนั้นดูเซ็กซี่เป็นที่สุด เป็นชายหนุ่มที่น่ามองเสียจนไม่อยากละสายตา สาวน้อยตาวาววับทีเดียวเมื่อถามว่า “คุณคะ นี่แฟนคุณรึเปล่าคะ เธอสวยมากเลยนะคะ ทำไมไม่ซื้อให้เธอใส่ซักผืนล่ะ อากาศเย็นออกค่ะ! ปล่อยให้แฟนหนาวน่ะไม่ดีหรอกนะคะ”
 
 
เมื่อกู้จิ้งเจ๋อได้ยินแม่ค้าสาวชมหลินเช่อว่าสวย เขาก็หัวเราะหึและหันไปมองเธอ
 
 
หลินเช่อเป็นฝ่ายตอบเสียเองว่า “ฉันอยากจะซื้อให้เขาน่ะจ้ะ”
 
 
เมื่อคนขายได้ยินเช่นนั้นก็รีบบอก “ของผู้ชายอยู่ทางนี้จ้ะ ลองดูๆ มันเข้ากับชุดของเขาพอดีเปี๊ยบเลย”
 
 
หลินเช่อมองเห็นผ้าพันคอสีเทาเข้มเข้าผืนหนึ่ง เนื้อผ้าเป็นปุยยาวและไม่ได้ดูสะดุดตามากนัก ถึงแม้ว่าจะเทียบกับสินค้าแบรนด์เนมราคาแพงไม่ได้ แต่มันก็ดูน่าจะอุ่นดี
 
 
เธอยกมือชี้และบอกว่า “ฉันอยากได้ผืนนี้ ช่วยหยิบให้ลองหน่อยได้มั้ย”
 
 
“ได้เลยจ้ะ” เด็กสาวรีบหยิบผ้าพันคอส่งให้หลินเช่อพร้อมยิ้มกว้าง เธอแอบเหลือบมองหนุ่มหล่อที่ยืนอยู่ข้างหลินเช่ออีกครั้ง แล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าช่างหล่อเหลาเสียจริง
 
 
กู้จิ้งเจ๋อนิ่วหน้าเมื่อเห็นหลินเช่อรับผ้าพันคอและหันมาทางเขา แต่เพราะว่ายืนอยู่ที่ข้างถนน เขาจึงทำได้เพียงข่มใจและยอมให้เธอจับผ้ายกขึ้นพันรอบคอเขา

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

หลินเช่อ สาวน้อยนักแสดงปลายแถวตัดสินใจวางยาลักหลับดาราชายชื่อดังอย่าง กู้จิ้งอวี่ เพื่อหาทางไต่เต้าขึ้นไปในวงการบันเทิง แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เมื่อเหยื่อผู้โชคร้ายของเธอดันกลายมาเป็น กู้จิ้งเจ๋อ พี่ชายของเขาแทน! ทว่าหลังผ่านค่ำคืนอันเร่าร้อนไป การแยกทางกันแต่โดยดีกลับไม่ใช่บทสรุปของคนทั้งคู่ เพราะกู้จิ้งเจ๋อมีโรคประจำตัวสุดประหลาดอย่างหนึ่ง นั่นคือเขาไม่สามารถแตะต้องผู้หญิงคนไหนได้ หากสัมผัสตัวเพศตรงข้ามเมื่อไหร่ เขาจะคลื่นไส้และมีผื่นขึ้นทันที ดังนั้นเมื่อพบว่าเขาและหลินเช่อสามารถนอนร่วมเตียงกันได้โดยไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น ครอบครัวของกู้จิ้งเจ๋อจึงใช้อำนาจบีบบังคับให้ทั้งคู่แต่งงานกัน! เมื่อระฆังวิวาห์ลั่นแบบสายฟ้าฟาด หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อจึงต้องสวมบทบาทคู่สามีภรรยาและเก็บข้าวของย้ายมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันในที่สุด

Options

not work with dark mode
Reset