เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก – ตอนที่ 231 ว่าแต่ เธออยากจะจัดงานแต่งหรือเปล่าล่ะ

หลินเช่อพูดต่อ “งั้นก็ไปเป็นเพื่อนฉันช้อปปิ้งหน่อยสิคะ แค่ซื้ออะไรให้ฉันซักอย่างสองอย่างก็พอ”  
 
 
“ซื้อของเหรอ”  
 
 
“ค่ะ ช้อปปิ้งน่ะช่วยบำบัดความหงุดหงิดของฉันได้ทุกรูปแบบเลยละ” หลินเช่อว่า  
 
 
ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะไม่ค่อยเข้าใจนักว่าเธอหมายถึงอะไร แต่เขาก็ยอมรับปากแต่โดยดี “ก็ได้ งั้นเดี๋ยวเธออยากจะซื้ออะไรก็เชิญตามสบายเลย”  
 
 
เมื่อหลินเช่อได้ยินเช่นนั้น เธอก็ปรบมือดังลั่นและร้องว่า “โอเค งั้นเดี๋ยวฉันไม่เกรงใจละนะคะ”  
 
 
“ทำไมถึงได้ขี้งกอย่างนี้นะ”  
 
 
“ก็ถึงยังไงฉันก็ไม่ใช่คุณหนูลูกผู้ดีนี่คะ จะทำตัวขี้งกซักหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอกน่า” หลินเช่อว่า  
 
 
สีหน้าของกู้จิ้งเจ๋อเปลี่ยนไปในทันที  
 
 
หลินเช่อห่อปากและคิดในใจว่า โอ้ ไม่น่าเลย นี่อยู่ๆ เธอปากพล่อยพูดถึงคุณหนูลูกผู้ดีขึ้นมาทำไมกันล่ะเนี่ย เขากำลังคิดเรื่องโม่ฮุ่ยหลิงอยู่แท้ๆ  
 
 
เจ้าตัวจึงรีบฉีกยิ้มและพูดว่า “ฉันหมายถึง เพราะว่าฉันมันจนน่ะค่ะ”  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อตวัดสายตามอง หลินเช่อชอบคร่ำครวญถึงความยากจนของตัวเองอยู่ตลอดเวลา  
 
 
ทั้งสองรับประทานอาหารเพียงไม่กี่คำ ด้วยความที่ไม่มีใครกินอะไรลงกันทั้งคู่  
 
 
เมื่อออกจากร้านอาหาร หลินเช่อก็เดินซื้อของเรื่อยเปื่อยไปในห้างสรรพสินค้า หญิงสาวไม่ได้มีอะไรที่อยากจะซื้ออะไรให้ตัวเองซักเท่าไหร่ เธอจึงซื้อของให้เฉินโยวหรานและอวี๋หมินหมิ่นแทน  
 
 
เพียงไม่นาน เจ้าตัวก็ไม่มีปัญญาจะหอบหิ้วข้าวของประดามีที่ขนซื้อมา  
 
 
การช้อปปิ้งกับกู้จิ้งเจ๋อเป็นความเพลิดเพลินอย่างยิ่ง เธอไม่จำเป็นต้องแคร์ราคาของสินค้าใดๆ เพียงแค่เดินเข้าร้านไปและชี้นิ้วสั่งให้ห่อทุกอย่างที่ต้องการได้ทันที ทำให้ภายในชั่วพริบตา ทั้งคู่ก็จัดการกวาดของในร้านทุกร้านที่พวกเขาสนใจจนมาเกลี้ยง  
 
 
ไม่นาน พวกเขาก็เดินมาถึงหน้าร้านขายเครื่องประดับซึ่งดูหรูหราอย่างยิ่ง  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อชะงักฝีเท้าและเหลือบมองเข้าไปด้านใน “เราไม่เข้าไปดูกันซักหน่อยเหรอ”  
 
 
หลินเช่อด้อมๆ มองๆ ดูแล้วก็รู้สึกว่าของในร้านนั้นน่าจะมีราคาแพงลิบลิ่ว หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเธอก็ตัดสินใจว่าช่างมันเถอะ นี่เธอก็ใช้เงินไปตั้งมากโขแล้ว “ไม่ละค่ะ พอแล้วละ บอกตามตรงว่าฉันเองไม่ค่อยสวมเครื่องประดับซักเท่าไหร่”  
 
 
“ไม่เป็นไรหรอก เข้าไปดูหน่อยเถอะ” เขามองหน้าเธอ ถึงแม้หลินเช่อจะชอบทำตัวเหมือนคนหิวเงิน แต่เอาเข้าจริงเธอกลับไม่เคยสวมใส่เครื่องประดับมีค่าเลยซักครั้ง  
 
 
ขณะที่พูด เขาก็เข็นรถของเธอเข้าไปในร้านเสียแล้ว  
 
 
ร้านนี้โอ่อ่าอลังการอย่างสุดๆ แตกต่างจากร้านขายเครื่องประดับโดยทั่วไปอย่างสิ้นเชิง  
 
 
เมื่อได้เห็นลูกค้าสองคนเดินเข้ามา พนักงานขายนั้นจำกู้จิ้งเจ๋อซึ่งทำตัวโลว์โปรไฟล์อยู่เสมอไม่ได้ และเขาก็จำหลินเช่อไม่ได้เลยแม้แต่น้อยเพราะเธอสวมมาส์กปิดหน้า แต่เมื่อเห็นท่าทางนอบน้อมของบรรดาผู้คนที่ติดตามมาทางด้านหลังของคนทั้งคู่แล้ว เขาก็รู้ได้ว่านี่ไม่ใช่ลูกค้าธรรมดาๆ ที่จะเผลอทำอะไรที่ไม่เป็นการให้เกียรติได้ พนักงานขายเหลือบตามองเหล่าบอดี้การ์ดอีกครั้ง นับตั้งแต่เปิดร้านมาจนถึงตอนนี้ เขายังไม่เคยมีลูกค้าที่น่าเกรงขามในระดับนี้มาเยี่ยมเยือนมาก่อนเลย ด้วยเหตุนี้เขาจึงมีท่าทีนอบน้อมและระมัดระวังมากกว่าปกติเมื่อต้อนรับคนทั้งคู่  
 
 
หลินเช่อไม่เคยได้รับการปฏิบัติที่ดีงามขนาดนี้มาก่อนเลย ทันทีที่ย่างเท้าเข้ามาในร้าน เธอก็ถูกพาตัวไปยังพื้นที่สำหรับต้อนรับแขกพิเศษ ที่ซึ่งมีพนักงานขายสาวสวยยืนรอท่าอยู่  
 
 
มิหนำซ้ำผู้จัดการร้านที่ท่าทางคล่องแคล่วดูดีมีการศึกษา ยังเดินตามมายืนขนาบคอยบริการอยู่ข้างๆ  
 
 
“พวกคุณอยากจะชมสินค้าประเภทไหนกันดีครับ”  
 
 
แล้วหลินเช่อจะไปรู้ได้ยังไงเล่า  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อหันมองหญิงสาวและบอกว่า “เอาของชั้นเยี่ยมที่ทางร้านมีอยู่ออกมาก็แล้วกัน เดี๋ยวถ้าเราชอบอะไรแล้วจะบอกเอง”  
 
 
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้จัดการร้านก็หันไปสั่งการพนักงานขายให้ขนเอาสินค้าพิเศษคุณภาพระดับเหนือกว่าวีไอพีมาโดยเร็ว  
 
 
พนักงานเมื่อเห็นท่าทางจริงจังของทางผู้จัดการ ก็เริ่มไปจัดการตามคำสั่งในทันที  
 
 
เพียงครู่เดียว ก็มีพนักงานอีกสองสามคนเดินเข้ามา พวกเขาถือถาดบรรจุเครื่องประดับอันประกอบไปด้วยสร้อยคอและแหวนแบบต่างๆ ที่วางเรียงรายอยู่เต็มไปหมด ประกายวูบวาบของอัญมณีนั้น ทำให้หลินเช่อเกือบจะตาพร่าแม้ว่าจะกวาดตามองเพียงแวบเดียวเท่านั้น  
 
 
“แหวนนั่นสวยมาก…”  
 
 
“สร้อยคอก็สวยเหมือนกัน”  
 
 
“เฮ้ นี่มันเครื่องรางหยกที่เอาไว้ช่วยปัดเป่าโรคภัยนี่นา แล้วนี่จะต้องสวมไว้ตรงไหนเหรอ”  
 
 
พนักงานขายช่วยอธิบายถึงเครื่องประดับแต่ละชิ้นให้หลินเช่อฟัง  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อที่ยืนอยู่ด้านข้างออกปากว่า “ลองเลือกชิ้นที่เธอชอบมาสิ”  
 
 
หลินเช่อหันขวับไปทันที “ฉันเลือกได้หรือคะ”  
 
 
“ได้สิ”  
 
 
หลินเช่อหันไปมองเครื่องประดับมรกตสีเขียวเจิดจ้าที่ปราศจากตำหนิใดๆ ให้เห็นแม้สักจุด และอดคิดถึงราคาของมันไม่ได้ว่าคงจะแพงจับจิตทีเดียว  
 
 
“ช่างมันเถอะค่ะ ฉันไม่ค่อยใส่เครื่องประดับเท่าไหร่หรอก”  
 
 
“งั้นก็เริ่มใส่ซะตอนนี้ไงล่ะ” ขณะที่พูด เขาก็ดึงมือเธอไป และหันไปพิจารณาดูแหวนวงเล็กที่วางเด่นอยู่กลางถาด ถึงแม้ว่าจะเล็ก แต่มันก็สวยเด่นสะดุดตา อัญมณีถูกเจียระไนเป็นทรงกลมงามระรื่นหาจุดตำหนิไม่ได้แม้สักนิด ที่สำคัญมันสวยถูกตาต้องใจเขาเหลือเกิน ชายหนุ่มหยิบมันขึ้นมาและลองทาบกับขนาดนิ้วของหลินเช่อ ก่อนจะยกมือเธอขึ้นและค่อยๆ บรรจงสวมแหวนให้กับเธอ  
 
 
แหวนมรกตสีเขียวเข้มยิ่งถูกขับให้สวยเด่นเมื่ออยู่บนนิ้วมือขาวๆ  
 
 
พนักงานขายเห็นเข้ายังอดชมขึ้นมาไม่ได้ “มือของคุณผู้หญิงสวยมากจริงๆ ค่ะ”  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อเคยได้ยินคำชมมาแล้วมากมาย แต่นี่กลับเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกยินดีกับมัน  
 
 
และยิ่งคำชมนั้นมีให้กับหลินเช่อแล้ว เขาก็ยิ่งรู้สึกปลาบปลื้มยิ่งกว่าเป็นคำชมถึงตัวเขาเองเสียอีก  
 
 
ชายหนุ่มยิ้มแล้วดึงมือหลินเช่อเข้ามาใกล้ๆ เพื่อที่จะพิจารณาดูได้ถนัดยิ่งขึ้น มือนั่นเต่งตึง แล้วก็ดูเหมือนจะสวยยิ่งกว่ามือของผู้หญิงคนอื่นที่ว่าสวยแล้วด้วยซ้ำ ข้อนิ้วทุกข้อกลมกลึง ดูเรียวเล็กน่าทะนุถนอม  
 
 
แต่ก็ยังมีบางจุดบนฝ่ามือที่หยาบกระด้างอยู่ เมื่อเขากางมันออกดู ก็พบว่ามันคือรอยแผลเป็นนั่นเอง  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อจำได้ถึงสถานะของเธอในบ้านตระกูลหลินที่ไม่สู้จะดีนัก รอยแผลนี้อาจจะหลงเหลือมาจากการต้องตรากตรำทำงานและรับใช้สารพัดหน้าที่ภายในบ้าน  
 
 
อารมณ์ของเขาขุ่นมัวขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นและบอกกับผู้จัดการร้านว่า “เราซื้อวงนี้”  
 
 
แน่นอนว่าผู้จัดการยินดีปรีดาอย่างยิ่ง “คุณลูกค้าตาแหลมมากครับ นี่เป็นหนึ่งในชิ้นที่ดีที่สุดในร้านเราเลยทีเดียว”  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อยิ้ม แต่เขาไม่ได้ฟังถ้อยคำชื่นชมจากผู้จัดการร้านแต่อย่างใด “จะดีหรือไม่ดีก็ไม่สำคัญหรอก ฉันชอบวงนี้ จัดการให้ด้วย”  
 
 
ผู้จัดการรีบดำเนินการเรื่องการชำระเงินทันที พนักงานขายเข้ามาเพื่อจะขอแหวนไปทำการห่อให้เรียบร้อย แต่ชายหนุ่มรีบบอกเสียก่อนว่า “ไม่เป็นไร…ให้เธอสวมไปเลย”  
 
 
หลินเช่อเงยหน้าขึ้นมอง ชายหนุ่มจึงบอกว่า “ก็ฉันซื้อให้เธอใส่ไม่ใช่หรือไงล่ะ”  
 
 
หลินเช่อมองเขาแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างแช่มชื่น เธอก้มลงมองนิ้วมือที่สวมแหวนอีกครั้ง แล้วก็รู้สึกว่ามันดูสวยมากขึ้นและมากขึ้นทุกปี อย่างไรก็ตาม ด้วยราคาแพงหูฉี่ของมันก็ทำให้หญิงสาวอดรู้สึกผิดในใจไม่ได้อยู่นั่นเอง  
 
 
พนักงานขายยิ้มแป้นและมองดูหนุ่มสาวทั้งสองก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “คุณผู้ชายใจดีจังเลยนะคะ เราอิจฉากันจะแย่อยู่แล้ว คุณผู้หญิงนี่โชคดีมากจริงๆ”  
 
 
หลินเช่อเงยหน้ามองกู้จิ้งเจ๋อ  
 
 
ใช่ เธอโชคดีมากที่ได้มาเจอเขา  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อยิ้มและเริ่มรู้สึกว่าคำชมนั้นจะทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมาได้ในทันตา โดยเฉพาะเมื่อได้ยินคนอื่นชมว่าเขาดูแลภรรยาเป็นอย่างดี  
 
 
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคำชมแบบนี้ และมันทำให้เขารู้สึกว่าความพยายามของตัวเองคุ้มค่า ความภาคภูมิในแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนค่อยๆ ซึมซ่านไปทั่วหัวใจ  
 
 
เมื่อพนักงานเดินมาส่งทั้งสองออกจากร้าน หลินเช่อก็มีแหวนสวมติดนิ้วมาเรียบร้อย หญิงสาวก้มหน้าก้มตาจ้องมองมันซ้ำแล้วซ้ำอีก ถึงแม้เธอจะบอกว่าไม่อยากได้ แต่ความจริงแล้วหัวใจเธอกำลังเป็นสุขล้นทีเดียว  
 
 
ชายหนุ่มถึงกับต้องแซวว่า “เอาละ เลิกจ้องซะทีน่า ถึงจะก้มมองอีกกี่รอบก็ไม่มีดอกไม้งอกออกมาจากนิ้วเธอหรอก”  
 
 
“มันแพงออกจะตายไปค่ะ ราคาซื้อบ้านได้ทั้งหลัง นี่ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังสวมบ้านเอาไว้บนนิ้วแน่ะ แบบนี้ฉันก็ยิ่งต้องมองสิคะ”  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อมองหน้าอีกฝ่าย ไม่ว่าหลินเช่อจะทำตัวเป็นคนง่ายๆ ไม่เรื่องมากกับอะไรแค่ไหน แต่ความจริงเธอก็ยังเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง  
 
 
ชายหนุ่มหวนนึกถึงการแต่งงานของเขาและเธอที่จัดขึ้นอย่างเรียกได้ว่าขอไปที ไม่มีทั้งชุดแต่งงาน ไม่มีแหวนหมั้น ไม่มีพิธีวิวาห์ใดๆ ทั้งนั้น  
 
 
ด้วยความรู้สึกผิดที่ปะทุขึ้นมาในใจ และยิ่งดูจะผิดหนักขึ้นไปอีกเมื่อเขาเห็นหลินเช่อก้มมองแหวนในมืออย่างเป็นสุข เขายังไม่เคยซื้อแหวนเพชรให้เธอเลย  
 
 
เขาจึงมองหน้าเธอและถามขึ้นว่า “หลินเช่อ เธออยากจัดงานแต่งงานรึเปล่า”  

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

หลินเช่อ สาวน้อยนักแสดงปลายแถวตัดสินใจวางยาลักหลับดาราชายชื่อดังอย่าง กู้จิ้งอวี่ เพื่อหาทางไต่เต้าขึ้นไปในวงการบันเทิง แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เมื่อเหยื่อผู้โชคร้ายของเธอดันกลายมาเป็น กู้จิ้งเจ๋อ พี่ชายของเขาแทน! ทว่าหลังผ่านค่ำคืนอันเร่าร้อนไป การแยกทางกันแต่โดยดีกลับไม่ใช่บทสรุปของคนทั้งคู่ เพราะกู้จิ้งเจ๋อมีโรคประจำตัวสุดประหลาดอย่างหนึ่ง นั่นคือเขาไม่สามารถแตะต้องผู้หญิงคนไหนได้ หากสัมผัสตัวเพศตรงข้ามเมื่อไหร่ เขาจะคลื่นไส้และมีผื่นขึ้นทันที ดังนั้นเมื่อพบว่าเขาและหลินเช่อสามารถนอนร่วมเตียงกันได้โดยไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น ครอบครัวของกู้จิ้งเจ๋อจึงใช้อำนาจบีบบังคับให้ทั้งคู่แต่งงานกัน! เมื่อระฆังวิวาห์ลั่นแบบสายฟ้าฟาด หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อจึงต้องสวมบทบาทคู่สามีภรรยาและเก็บข้าวของย้ายมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันในที่สุด

Options

not work with dark mode
Reset