เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก – ตอนที่ 243 เราไม่ควรจะทำแบบนี้กันต่อไปนะคะ

เมื่อมู่หว่านฉิงเห็นหลินเช่อมาถึง เธอก็เลิกสนใจคนอื่น และรีบดึงหลินเช่อเข้ามาใกล้และเริ่มพูดคุยกัน ทั้งสองสนิทกันมากจนทำให้สมาชิกผู้หญิงคนอื่นๆ ในครอบครัวนึกอิจฉา
แต่เธอก็เป็นลูกสะใภ้
สมาชิกในตระกูลกู้มีอยู่มากมาย แต่ไม่มีใครที่จะเก่งกาจเท่าสามหนุ่มพี่น้อง ทุกคนจึงยกย่องพวกเขาเป็นอย่างดี ทุกคนล้วนอยากเข้ามาพูดคุยกับมู่หว่านฉิงและทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมกับเธอ อยากร่วมวงสนทนาและชื่นชมเธอ
มู่หว่านฉิงมองที่ท้องของหลินเช่อ เธอได้ยินสาวใช้พูดกันว่าเจ้านายทั้งสองใกล้ชิดกันอย่างมาก และมักจะกระซิบถ้อยคำพร่ำรักกันอยู่บ่อยๆ เธอจึงคิดว่าข่าวดีน่าจะมาถึงในเร็วนี้เป็นแน่
แต่แล้วก็กลับยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอจึงอดไม่ได้ที่จะนึกกังวลใจขึ้นมา
แต่การมีลูกนั้นเป็นเรื่องของสามีภรรยา ซึ่งเธอเองไม่อยากจะไปเซ้าซี้เจ้ากี้เจ้าการจนเกินไป
ผู้เป็นแม่สามีจึงเพียงแต่มองดูหลินเช่อและพูดว่า “แม่ตุ๋นยาบำรุงไว้ให้แน่ะ อย่าลืมเอากลับไปดื่มที่บ้านด้วยล่ะจ๊ะ”
หลินเช่อหัวเราะแห้งๆ “โอเคค่ะ ขอบคุณนะคะคุณแม่”
“นี่แม่ไม่ได้จะกดดันอะไรนะจ๊ะ อย่าคิดมาก พวกเธอสองคนอยากจะสนุกกันไปอีกนานแค่ไหนก็ได้ แต่ถ้า…บังเอิญท้องขึ้นมาละก็ ฮิๆ อย่าพยายามจะปิดบังแม่ล่ะจ๊ะ”
“ไม่หรอกค่ะ…” หลินเช่อรู้สึกกระอักกระอ่วนมาก
ข้างตัวเธอ กู้จิ้งเจ๋อเองก็ทำหน้าเครียดเมื่อพูดกับมารดาว่า “แม่ครับ…แบบนี้ไม่เรียกว่ากดดันหรือไงครับ”
มู่หว่านฉิงว่า “ไปให้พ้นเลยไป พ่อคนไร้น้ำยา”
กู้จิ้งเจ๋อจึงหันมามองหน้าภรรยาด้วยดวงตาลุกโชน “เอาละ ตกลงที่ผมไร้น้ำยาก็เพราะว่าไม่สามารถมีลูกได้ซักทีใช่มั้ยครับ งั้นเดี๋ยวผมจะจัดให้เอง นับตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป หลินเช่อกับผมจะอยู่บนเตียงกันทั้งวันแล้วก็พยายามกันอย่างหนักทุกวันด้วย แบบนั้นใช้ได้มั้ยครับ”
หน้าของหลินเช่อแดงซ่านทีเดียว
อีตานี่พูดเรื่องไร้สาระอะไรกันน่ะ
มู่หว่านฉิงว่า “ฮ่า นี่แม่กดดันลูกขนาดนี้เชียวหรือนี่ มันไม่ใช่ว่าลูกยังไม่มีลูกหรอกนะจ๊ะ แม่แค่รู้สึกว่ายังมีอะไรขาดหายไปเท่านั้น แม่ถึงได้รู้สึกแบบนี้”
กู้จิ้งเจ๋อหันขวับมามองหลินเช่อที่นั่งปิดปากเงียบเชียบ ก่อนจะบอกกับมารดาตัวเองว่า “โอเคครับแม่ ผมให้สัญญา วันนึงแม่จะได้อุ้มหลานแน่นอน สามหรือสี่คนนี่แหละครับ โปรดเชื่อในความสามารถของผม หลินเช่อเองก็รู้ดีว่าความสามารถของผมน่ะเยี่ยมยอดขนาดไหน”
มู่หว่านฉิงมองลูกชายด้วยท่าทีตกตะลึง นี่เขากลายเป็นคนพูดหยอกเย้าคนอื่นเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ดูเหมือนว่าข่าวดีน่าจะมาถึงในเร็ววันนี้เสียแล้วละสิ
เธอหรี่ตายิ้มให้กู้จิ้งเจ๋อ รู้สึกเป็นสุขใจเหลือเกินที่ได้เห็นทั้งสองรักใคร่กันเป็นอันดี
หลินเช่อเองก็เงยหน้าขึ้นมองด้วยความช็อกไม่แพ้กัน
กู้จิ้งเจ๋อคนนี้เสียสติไปแล้วหรือไงกันนะ ไปสัญญาเรื่องบ้าบอคอแตกอะไรแบบนั้นเล่า
แถมยังพูดพล่ามเรื่องเพ้อเจ้ออะไรก็ไม่รู้
แต่หลินเช่อก็คิดว่า บางทีเขาอาจจะพยายามสร้างภาพว่ากำลังรักใคร่กับเธอเป็นอันดีก็ได้
นี่เป็นเทศกาลปีใหม่ เขาคงอยากทำให้พ่อแม่สบายใจนั่นแหละ
หญิงสาวเงยหน้ามองมู่หว่านฉิง มู่หว่านฉิงช่างดีกับเธอเหลือเกิน
หลินเช่อนึกตำหนิตัวเองที่เธอไม่อาจบอกหล่อนได้ว่า เธอไม่มีวันที่จะอุ้มท้องลูกของกู้จิ้งเจ๋อ
ถึงแม้ว่าเธอและเขาจะมีอะไรกัน แต่ก็เป็นไปภายใต้ข้อตกลงการแต่งงานเท่านั้น ไม่มีเรื่องของความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ช้าก็เร็ว เธอและเขาก็ต้องเลิกรากันไป ถ้าเกิดเธอและเขามีลูกด้วยกันขึ้นมา แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนั้นบ้างล่ะ
ไม่ว่าเธอจะด้อยสติปัญญาซักแค่ไหน แต่เธอก็รู้ดีว่านี่เป็นเรื่องไม่ควรทำ
อีกอย่าง กู้จิ้งเจ๋อเองก็ฉลาด เขาจะป้องกันทุกครั้งและไม่เคยที่จะทำอะไรพลาดเลย
เธอและเขาไม่มีทางที่จะบังเอิญลูกขึ้นมาโดยที่ไม่ได้ตั้งใจอย่างแน่นอน
หลินเช่อเข้าใจทุกอย่างดี แต่เธอไม่สามารถเล่าเรื่องนี้ให้มู่หว่านฉิงรู้ได้
ไม่ช้า ประมุขใหญ่ของบ้านตระกูลกู้ก็มาถึง
งานเลี้ยงของตระกูลกู้จะเป็นการรับประทานโต๊ะจีนกันภายในครอบครัว บรรดาญาติห่างๆ ของกู้จิ้งเจ๋อก็มาร่วมงานเลี้ยงนี้ด้วย บ้านตระกูลกู้จึงดูมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษในวันนี้
ตกกลางคืน หลินเช่อและมู่หว่านฉิงนั่งอยู่ด้วยกันตรงกลางห้อง เมื่อเหลียวมองดูบรรดาผู้คนที่นั่งกันอยู่แน่นขนัดแล้ว หญิงสาวก็ยังรู้สึกไม่ค่อยจะเคยชินนัก นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ฉลองปีใหม่กับครอบครัวใหญ่ขนาดนี้ ขณะที่นั่งอยู่ท่ามกลางผู้คนนั้นเอง เธอก็รู้สึกได้ว่าทุกคนกำลังจับจ้องมาที่เธอ สายตาของพวกเขาบ่งบอกความอิจฉา ริษยา สงสัยใคร่รู้และแสดงความเป็นศัตรู
ต้องขอบคุณที่เธอเคยมีประสบการณ์การการถูกเขม่นด้วยสายตาแบบนี้มาบ้างแล้วจากวงการบันเทิง ไม่อย่างนั้นเธอคงเผ่นหนีไปเสียนานแล้ว
ในงานขึ้นปีใหม่ของตระกูลกู้ อั่งเปาถูกแจกจ่ายออกไป และทุกคนก็พากันนั่งดูโทรทัศน์ หลินเช่อนั่งดูรายการคืนฤดูใบไม้ผลิและได้เห็นฉินหวานหว่านกำลังร้องเพลงอยู่บนเวที มันเป็นเพลงใหม่ที่ไพเราะทีเดียวและน่าจะถูกแต่งขึ้นโดยนักแต่งเพลงระดับมืออาชีพ ฉินหวานหว่านอยู่ในชุดสีแดงสดที่ทำให้เธอดูสวยสะดุดตาอย่างยิ่ง
เมื่อรายการจบลง ข้างนอกก็เริ่มจุดดอกไม้ไฟกัน
หลินเช่อมองดูดอกไม้ไฟที่เบ่งบานอยู่เหนือศีรษะอย่างทึ่งจัด
มู่หว่านฉิงจึงรีบบอกว่า “เธอสองคนออกไปดูกันสิจ๊ะ ดอกไม้ไฟที่เราเป็นคนจัดเองนั่นแหละ”
หลินเช่อตอบ “คุณแม่เป็นคนจัดดอกไม้ไฟพวกนี้หรือคะ งั้นหนูจะออกไปดูค่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อบังเอิญได้ยินเข้า จึงลุกขึ้นและเดินตามเธอออกไปด้วย
ที่ด้านนอก ท้องฟ้าเจิดจ้าไปด้วยแสงพลุ กู้จิ้งเจ๋อหันมองหลินเช่อที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง “เธอจะไม่เปิดอั่งเปาดูหน่อยเหรอว่าได้เงินมาเท่าไหร่น่ะ”
หลินเช่อนึกถึงซองแดงที่ได้รับมา “โอ้ จริงสิคะ ฉันอยากเห็นอยู่เหมือนกัน ก็น่าจะได้เยอะทีเดียวละคราวนี้”
หญิงสาวดึงออกมาและร้องอุทานด้วยความตื่นเต้นว่า “โอ๊ย สิบล้าน! นี่ฉันไม่ได้ฝันไปใช่มั้ยคะนี่ โอ๊ย ตายแล้ว”
กู้จิ้งเจ๋อมองดูใบหน้าเปี่ยมสุขของเธอและยิ้มออกมา ผู้หญิงคนนี้ตาโตกับเรื่องเงินๆ ทองๆ ได้ตลอดสิน่า “นี่แค่ของคุณปู่ฉันเท่านั้นนะ เธอยังมีซองที่ได้จากแม่ฉันอีก”
เมื่อได้ยินชื่อมู่หว่านฉิง หญิงสาวก็อดรู้สึกผิดต่อเธอไม่ได้
ในจังหวะนั้นเอง ร่างอุ่นๆ ของชายหนุ่มก็เดินเข้ามาแนบหลัง
เมื่ออยู่บ้าน กู้จิ้งเจ๋อสวมเสื้อผ้าเพียงบางเบา อย่างตอนนี้เขาสวมเพียงเสื้อเชิ้ตบางๆ ตัวเดียวเท่านั้น
เขาแนบร่างเข้ากับด้านหลังเธอ มือเขาเอื้อมออกมาล้วงเข้าไปใต้ชุดของเธอจากด้านล่าง
เมื่อรู้สึกได้ถึงสัมผัสที่จู่โจมเข้ามากะทันหัน หลินเช่อก็อดตัวสั่นน้อยๆ ไม่ได้ ความรู้สึกที่ไม่อาจต้านทานพรั่งพรูเข้ามาในหัว ช่วงท้องส่วนล่างของเธอเริ่มรุมร้อนขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ริมฝีปากของเขาแตะลงมาที่คอเธอ
ร่างกายของหลินเช่อยิ่งรู้สึกช็อกหนักขึ้นไปอีก ริมฝีปากเขาทำให้หัวใจเธอแผดเผาจนแทบแหลกละเอียดเป็นผุยผง
“ไม่ค่ะ…”
“คุณแม่ก็บอกแล้วไงว่าเราควรจะขยันให้มากขึ้นน่ะ…”
หลินเช่อรู้สึกได้ว่าเขากำลังจับมือทั้งสองข้างของเธอไว้ ร่างของเธอถูกสวมกอดเอาไว้ในวงแขนใหญ่
แล้วเธอก็ทรุดฮวบลงบนตักของชายหนุ่ม
ความฉ่ำชื้นตรงหว่างกลางทำให้ชายหนุ่มยังรู้สึกตื่นเต้นขึ้นไปอีก เขาจูบเธอ “ทำไมล่ะ…ก็เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเธอต้องการฉัน…”
หลินเช่อสัมผัสได้ถึงทั้งริมฝีปากและฟันของเขา
ทุกตารางนิ้วในร่างกายเธอโหยหาความอบอุ่นจากเขามากเสียจนเธอแทบจะกรีดร้องออกมา
แต่
“อย่าค่ะ…”
เธอทำแบบนี้ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว เธอทำอีกไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเธอจะต้องตกหลุมรักเขา ลุ่มหลงในความอ่อนโยนนุ่มนวลนี้ของเขา
แต่คนที่อยู่ในหัวใจของเขากลับไม่ใช่เธอ
หญิงสาวยึดมือของกู้จิ้งเจ๋อไว้และขยับตัวออกห่างมาอย่างยากเย็น “กู้จิ้งเจ๋อคะ”
เธอสูดหายใจเมื่อมองตาเขา “คุณเป็นคนบอกเองว่าถ้าฉันไม่เต็มใจ คุณก็จะไม่บังคับ ไม่ใช่หรือคะ”
กู้จิ้งเจ๋อมองเธอ ถึงแม้ร่างกายเขาจะกำลังล้นปรี่ด้วยอารมณ์อันรุนแรง แต่เขาก็ระงับมันไว้ได้อย่างรวดเร็ว สายตาของเขาฉายแววสับสน และในความมืดนั้นก็ไม่มีใครกล้าที่จะขยับตัว
“เธออยากพูดอะไร” เขาถาม
หลินเช่อตอบว่า “ฉันคิดว่าเราไม่ควรจะทำอย่างนี้กันต่อไปอีกแล้วละค่ะ การแต่งงานของเราเป็นไปตามข้อตกลง แต่พอนานไปมันก็กลายเป็นเรื่องง่ายที่เราจะลืมสิ่งที่เราตกลงกันไว้แต่เดิม ฉันคิดว่าเราควรจะรักษาระยะห่างกันเอาไว้ ฉัน…ไม่อยากทำแบบนี้กับคุณอีกต่อไปแล้วละค่ะ”
เขายังเสียใจเรื่องโม่ฮุ่ยหลิงไม่เลิก นั่นหมายความว่าในใจเขายังมีเธออยู่ เขายังไปพบเจอเธอ สนิทสนมใกล้ชิดกับเธอ โดยไม่ได้สนใจอาการป่วยของตัวเองเลยซักนิด
แล้วเขายังจะมาทำแบบนี้กับเธออยู่อีกได้ยังไงกัน
มันไม่ถูกต้อง
เมื่อชายหนุ่มได้ยินสิ่งที่เธอพูด ดวงตาของเขาก็หม่นแสงลง

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

หลินเช่อ สาวน้อยนักแสดงปลายแถวตัดสินใจวางยาลักหลับดาราชายชื่อดังอย่าง กู้จิ้งอวี่ เพื่อหาทางไต่เต้าขึ้นไปในวงการบันเทิง แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เมื่อเหยื่อผู้โชคร้ายของเธอดันกลายมาเป็น กู้จิ้งเจ๋อ พี่ชายของเขาแทน! ทว่าหลังผ่านค่ำคืนอันเร่าร้อนไป การแยกทางกันแต่โดยดีกลับไม่ใช่บทสรุปของคนทั้งคู่ เพราะกู้จิ้งเจ๋อมีโรคประจำตัวสุดประหลาดอย่างหนึ่ง นั่นคือเขาไม่สามารถแตะต้องผู้หญิงคนไหนได้ หากสัมผัสตัวเพศตรงข้ามเมื่อไหร่ เขาจะคลื่นไส้และมีผื่นขึ้นทันที ดังนั้นเมื่อพบว่าเขาและหลินเช่อสามารถนอนร่วมเตียงกันได้โดยไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น ครอบครัวของกู้จิ้งเจ๋อจึงใช้อำนาจบีบบังคับให้ทั้งคู่แต่งงานกัน! เมื่อระฆังวิวาห์ลั่นแบบสายฟ้าฟาด หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อจึงต้องสวมบทบาทคู่สามีภรรยาและเก็บข้าวของย้ายมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันในที่สุด

Options

not work with dark mode
Reset