หรือบางทีอาจเป็นเพราะคนอื่นหวั่นเกรงเขามากเกินไป ก็เลยทำให้เขากลายเป็นคนที่ดูน่ากลัว พวกเขาไม่รู้ว่าความจริงแล้วกู้จิ้งเจ๋อเป็นผู้ชายที่มีหลักการ เขาเอาใจใส่และเป็นคนดีมาก
แต่ไม่ว่าคนอื่นจะคิดกับกู้จิ้งเจ๋อยังไง หลินเช่อก็ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะเป็นคนน่ากลัวเลยแม้แต่น้อย ก็เขาออกจะเป็นคนดีมีมารยาทถูกแบบแผนไปหมดทุกกระเบียดนิ้วออกอย่างนั้น จะเป็นคนเลวไปได้ยังไงกัน
หยางหลินซิงบอกเธออย่างนอบน้อมว่า “ฉันจะไปดูก่อนนะคะว่าคุณยายต้องการอะไรหรือเปล่า”
หลินเช่อพอใจที่เด็กสาวเป็นคนขยันขันแข็ง ความจนไม่เชื่อใช่เรื่องน่ากลัวเลย ตราบใดที่เอาจริงเอาจังและตั้งใจพยายาม ก็จะได้รับผลตามแทนที่คู่ควรเอง
หยางหลินซิงช่วยคุณยายเก็บเสื้อผ้าและต้มซุป ระหว่างนั้นเธอก็ครุ่นคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่บ้านตระกูลหลินเมื่อวันก่อน
ดูเหมือนว่าตระกูลหลินจะไม่ใช่คนดีนัก
ดูเหมือนว่าแม่ของหลินเช่อจะเป็นมือที่สามและหลินเช่อก็เป็นลูกนอกสมรส
ดูเหมือนว่าครอบครัวนี้จะเต็มไปด้วยปัญหา และสถานะของหลินเช่อก็ดูจากมีความซับซ้อนไม่ชัดเจนอยู่มาก สมาชิกในบ้านแต่ละคนล้วนมีเจตนาไม่ดีและไม่มีใครที่ดูจะซื่อตรงเลย…
เมื่อกู้จิ้งเจ๋อเสร็จงาน เขาก็กลับมาเจอหลินเช่อที่กำลังนั่งดูทีวี ส่วนคุณยายที่อายุมากเข้านอนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หยางหลิงซินเป็นเพื่อนอยู่ข้างหลินเช่อ
เมื่อเห็นชายหนุ่มกลับมา หยางหลิงซินก็รีบลุกขึ้น
กู้จิ้งเจ๋อเดินเข้ามาหา มองหลินเช่อ ยิ้มและแตะไหล่เธอ
หญิงสาวเงยหน้ามอง “เป็นยังไงบ้างคะ คุณจองตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยหรือยัง”
“ฉันสั่งให้เตรียมเครื่องบินส่วนตัวของที่บ้านเอาไว้แล้ว คนแก่ไม่ควรจะเดินทางด้วยเครื่องบินพาณิชย์หรอกนะ”
หลินเช่อซาบซึ้งในความเอาใจใส่ของเขาเหลือเกิน เธอบอกกับเขาว่า “ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์เตรียมเครื่องบินส่วนตัวเอาไว้ไปส่งคุณยายของฉันน่ะ”
“ยัยบ๊อง ยายของเธอก็เป็นยายของฉันเหมือนกัน”
“แต่มันก็ยังทำให้วุ่นวายอยู่ดี”
“ถ้าเธออยากจะขอบคุณจริงๆ ละก็ ก็หัดทำตัวดีๆ แล้วก็คอยอยู่ข้างๆ ฉัน” เขาแตะปลายจมูกเธอ หลินเช่อถูจมูก “แล้วฉันไม่ดีตรงไหนคะ”
“ก็ไม่ดีตลอดนั่นแหละ ยกเว้นเวลาอยู่บนเตียง พอขึ้นเตียงปุ๊บก็ดีปั๊บเลย”
“อีตาบ้า” หลินเช่อเอื้อมมือออกไปหยิกเขา
กู้จิ้งเจ๋อสะดุ้งเพราะความเจ็บ “นี่เพิ่งบอกว่าตัวเองดีอยู่หยกๆ ก็มาเล่นงานฉันซะแล้วเหรอ ไม่ได้สั่งสอนแค่สามวัน ชักกำแหงใหญ่แล้วนะ”
“ความผิดคุณนั่นแหละค่ะ ก็อยากทำตัวเป็นหัวหน้าแก๊งอยู่เรื่อยทำไมล่ะ”
“ฮ่า ฉันก็แค่อยากแสดงให้เห็นว่าฉันยังมีเรี่ยวมีแรงแค่ไหนไงล่ะ ถ้าขืนฉันไม่มีแรงเหลือที่จะทำตัวเป็นหัวหน้าแก๊งเข้าซักวันละก็ เธอจะต้องแอบไปนั่งร้องไห้ขี้มูกโป่ง”
หลินเช่ออดคิดไม่ได้ ใครจะรู้ล่ะว่าจะมีวันนั้นหรือเปล่า ถึงตอนนั้น เขาอาจจะเบื่อตัวเธอแล้วก็ได้ อาการป่วยของเขาก็อาจจะหายดี และเขาก็จะขอหย่าขาดจากเธอ
หลินเช่อยังมันเขี้ยวอยากจะหยิกเขาต่อ แต่กู้จิ้งเจ๋อกดแขนเธอไว้ และตอนนั้นเองที่หญิงสาวนึกขึ้นได้ว่ายังมีคนยืนมองอยู่อีกคนในห้อง หลินเช่อเงยหน้าขึ้นและเห็นหยางหลินซิงยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เธอรีบผลักกู้จิ้งเจ๋อออก และส่งสัญญาณบอกให้เขาสำรวมกิริยา
เมื่อชายหนุ่มหันมาเห็น เขาก็ทำท่าผิดหวัง จึงพูดกับหลินเช่อว่า “ให้คุณยายพักผ่อนเถอะ เรากลับบ้านกันดีกว่า”
“โอเคค่ะ” หลินเช่อว่า
เมื่อเห็นว่าหยางหลินซิงยังยืนอยู่ข้างหลัง เธอก็บอกว่า “จะว่าไปนี่มันก็ดึกแล้ว เดี๋ยวเราไปส่งเธอที่บ้านเองจ้ะ”
หยางหลินซิงปฏิเสธว่า “พวกคุณไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันขึ้นรถไฟกลับเอง”
“ไม่เป็นหรอก ขึ้นรถไฟกลางดึกแบบนี้ไม่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิงนะจ๊ะ เราจะไปส่งเธอเอง ไม่ได้ไกลอะไรซักหน่อย” หลินเช่อยืนกราน
หยางหลินซิงได้ยินเช่นนั้น เธอก็หันไปมองกู้จิ้งเจ๋ออย่างลังเล
ชายหนุ่มพยักหน้าและบอกว่า “ไปด้วยกันนี่แหละ”
ในรถของกู้จิ้งเจ๋อ หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อนั่งอยู่ด้วยกันที่เบาะหลัง ส่วนหยางหลินซิงนั่งหน้า ไม่ช้าก็มาถึงที่พักของเด็กสาวที่อยู่ในพื้นที่เล็กๆ และเก่าแก่
หยางหลินซิงบอกว่า “บ้านของฉันอยู่ตรงโน้นเองค่ะ มันเก่าแล้วก็ผุพังมากแล้ว ท่านประธานกู้อย่าเข้าไปจะดีกว่าค่ะ เดี๋ยวฉันเดินเข้าไปเอง ไม่อย่างงั้นรถจะเลอะเทอะเสียเปล่าๆ”
หลินเช่อชะงักมอง มันเป็นถนนเส้นเล็กๆ ซึ่งยากที่รถใหญ่จะกลับออกมาได้ เธอจึงพยักหน้า “ตกลงจ้ะ”
หยางหลิงซินบอกลาและก้าวลงจากรถ ก่อนจะกระโดดหลบหลุมบ่อบนถนนเข้าไปข้างใน
ระหว่างมองเด็กสาวเดินห่างออกไป กู้จิ้งเจ๋อก็ถามว่า “ตอนนี้เขามาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของเธอเหรอ”
หลินเช่อพยักหน้า “ใช่ค่ะ เขาคล่องแคล่วดีนะคะ พี่อวี๋บอกฉันว่าเขาอาจจะเด็กไปหน่อย แต่ก็ทำงานได้รวดเร็วกว่าผู้ช่วยคนอื่นเสียอีก แถมยังสามารถทำงานหลายอย่างได้ด้วยตัวเอง เหมาะมากที่จะเอามาฝึกปรือฝีมือเลยละค่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อมองตามไป ก่อนจะพยักหน้าและถามอีกว่า “แล้วทำไมอวี๋หมินหมิ่นถึงไม่มากับเธอวันนี้ล่ะ”
“มีเรื่องด่วนขึ้นที่บ้านน่ะค่ะ พี่อวี๋ก็เลยลางาน”
“โอเค เธอควรจะอยู่กับอวี๋หมินหมิ่นมากกว่านะ อย่าเอาตัวไปใกล้ชิดกับคนอื่นมากนัก”
“โอ้…โอเคค่ะ” หลินเช่อคิด แล้วคนอื่นไม่ดียังไงหรือ
แต่เธอก็ไม่ค่อยจะมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นมากนักจริงๆ นั่นแหละ เธอจะเล่าให้อวี๋หมินหมิ่นฟังในเรื่องต่างๆ ที่เธอไม่ได้เล่าให้คนอื่นฟัง เพราะเธอเชื่อใจผู้จัดการสาวผู้นี้มากกว่าใคร
หลินเช่อถาม “คุณคิดว่าพ่อฉันจะหย่ากับแม่เลี้ยงจริงรึเปล่าคะ”
“ทำไมเหรอ”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่คิดว่ามันฟังดูไม่น่าจะเป็นไปได้”
“ไม่ต้องห่วง เขาไม่กล้าไม่หย่าหรอก”
“ทำไมล่ะคะ”
กู้จิ้งเจ๋อมองหลินเช่อ “ระดับสติปัญญาอย่างเธอคงไม่เข้าใจ ช่างเถอะ แล้วก็เลิกคิดเรื่องนี้ซะด้วย”
“…”
หลินเช่อไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงได้กลัวเขานัก
กู้จิ้งเจ๋อรู้ดีว่าหลินเช่อไม่รู้ว่าชื่อของเขามีความหมายอย่างไรสำหรับคนทั้งในและนอกประเทศซี แต่เขาก็ไม่อยากให้เธอรู้อยู่ดีนั่นแหละ เพราะถ้าเป็นแบบนี้ เขาก็จะได้เป็นเพียงกู้จิ้งเจ๋อ คนธรรมดาในสายตาเธอ
เธอคอยบ่นเวลาที่เขาอารมณ์ร้อน เขาห่วงเรื่องความสะอาดมากเกินไป หรือเจ้าปัญหาจุกจิกมากเกินไป นอกเหนือจากนั้นแล้ว เขาก็ไม่ได้แตกต่างจากคนทั่วไป
บางทีอาจจะเป็นเพราะเขาเป็นเพียงกู้จิ้งเจ๋อในสายตาเธอเท่านั้น เธอไม่มีทางรู้ว่าในสายตาคนอื่นแล้วเขาเป็นคนอย่างไร เธอไม่มีทางล่วงรู้ถึงสิ่งน่ากลัวที่เขาทำข้างนอกนั่น
กู้จิ้งเจ๋อตัดบทว่า “เอาละ เอาไว้ถึงบ้านแล้วค่อยคุยกันก็แล้วกัน”
“ค่ะ กลับบ้านกันเถอะ”
ข้อมูลเกี่ยวกับภาพยนตร์ของหลินเช่อและกู้จิ้งอวี่แพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อกู้จิ้งอวี่เริ่มต้นการถ่ายทำ พวกเขาก็มีการจัดงานแถลงข่าว โดยกู้จิ้งอวี่เองเดินทางมาร่วมงานแถลงและประกาศรายชื่อนักแสดงในเรื่อง
ภาพยนตร์แฟนตาซีเรื่องนี้มีชื่อว่า ‘เทพธิดากรงทอง’ โดยมีนักแสดงหลักคือ กู้จิ้งอวี่ หลินเช่อ ฉินเสี่ยวหยวน และนักแสดงหน้าใหม่ หลี่จวิ้นอี้ ส่วนนักแสดงคนอื่นที่ถูกเอ่ยถึงก็ล้วนแต่เป็นดารามีชื่อทั้งสิ้น
หลินเช่อไม่คิดว่าฉินเสี่ยวหยวนจะมารับบทในหนังเรื่องนี้ด้วย
ฉินเสี่ยวหยวนมีชื่อเสียงโด่งดังมานานหลายปี แม้จะสู้มู่เฝ่ยหรานไม่ได้ แต่เธอก็เป็นที่รู้จักและมีแฟนๆ ติดตามมากมาย หลินเช่อจะต้องแสดงร่วมกับเธอในฐานะนางเอกของเรื่องเป็นครั้งแรก หญิงสาวอดกังวลใจขึ้นมานิดๆ ไม่ได้ว่าฉินเสี่ยวหยวนอาจจะไม่พอใจและสร้างปัญหาขึ้นได้
อวี๋หมินหมิ่นช่วยปลอบใจ “ไม่ต้องห่วงไปหรอก ที่เธอได้เป็นนางเอกของเรื่องก็เพราะว่าผู้กำกับคิดว่าคาแรคเตอร์ของเธอเหมาะสมกับบท และทางบริษัทก็ให้หล่อนมาออดิชั่นบทนางรองนี่เองตั้งแต่แรกแล้ว หล่อนจะมารับบทเป็นคนรักที่อายุมากกว่าของหลี่จวิ้นอี้ ส่วนเธอจะรับบทเป็นคู่ปรับของกู้จิ้งอวี่ มันเป็นคาแรคเตอร์คนละแนวกันเลย หล่อนไม่มีทางบ่นเรื่องนี้ได้ และถ้าหล่อนโวยวายขึ้นมา ก็ให้หล่อนไปคุยกับผู้กำกับเอาเอง”
เพื่อสร้างกระแสให้กับภาพยนตร์ ทีมงานจึงแนะนำให้นักแสดงนำของเรื่องสองสามคนเข้าร่วมรายการเรียลลิตี้โชว์
ปกติแล้วกู้จิ้งอวี่ไม่มีทางที่จะมาร่วมรายการเรียลลิตี้โชว์อย่างแน่นอนอยู่แล้ว ด้วยเขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพื่อรักษาสถานะชื่อเสียงของตัวเองเอาไว้ ที่ไหนมีกู้จิ้งอวี่ ที่นั่นก็ไม่จำเป็นต้องมีการโปรโมต ด้วยเหตุนี้ นักแสดงคนอื่นของเรื่องจึงต้องไปร่วมรายการแทน เรียลลิตี้โชว์นี้มีชื่อว่า “ฉันจะไปโรงเรียน” โดยให้นักแสดงไปเข้าเรียนในโรงเรียนไฮสคูลแห่งหนึ่งของเมืองบี พวกเขาจะได้สัมผัสประสบการณ์ชีวิตนักเรียน พักค้างที่นั่นและเรียนรู้ทุกอย่างในโรงเรียนแห่งนั้น
รายการมีการถ่ายทำถึงหนึ่งสัปดาห์เต็ม และนั่นหมายความว่า ทุกคนจะต้องอยู่ในโรงเรียนนั่นตลอดเวลา