หลินเช่อกวาดตาอ่านคอมเมนท์ออนไลน์ทั้งหมด เธอไม่คิดเลยจริงๆ ว่าเรื่องนี้จะถูกนำมาพูดต่อๆ กันในอินเทอร์เน็ตอยู่หลายวันติดกัน
อวี๋หมินหมิ่นยิ้มและพูดว่า “คราวนี้หนังของเธอได้กลายเป็นกระแสขึ้นมาอีกแน่ๆ”
หลินเช่อว่า “ฉันไม่คิดเลยนะคะว่าพวกเขาจะถกเถียงกันจริงจังขนาดนี้ แถมยังเลยเถิดถึงขั้นไปโจมตีฉินเสี่ยวหยวนด้วยน่ะ”
“อยากหาเรื่องใส่ตัวเองนี่นา เป็นความผิดของเขานั่นแหละที่มาลอบกัดเธอโดยไม่มีเหตุผลแบบนี้”
หลินเช่อว่า “แล้วถ้าเขาคิดว่าฉันเจตนาทำให้เขาโดนด่าแล้วเกิดอยากจะแก้แค้นขึ้นมาล่ะคะ”
“ต่อให้เป็นแบบนั้นเธอก็ทำอะไรไม่ได้นี่นา จริงมั้ย เขาเป็นฝ่ายเกลียดเธอก่อน เพราะฉะนั้นไม่ว่าเธอจะทำอะไร ไม่ว่ามันจะถูกหรือผิด เขาก็เกลียดเธอและคอยหาเรื่องเธออยู่ดีนั่นแหละ ไม่มีประโยชน์ที่จะมานั่งกังวลว่าเขาจะกลับมาแก้แค้นหรือเปล่าหรอก”
เมื่อหลินเช่อได้ยินเช่นนั้นก็เห็นด้วย “พี่พูดถูกค่ะ…ฉันแค่กลัวว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระขึ้นมาเท่านั้นเอง เพราะฉันเอาแต่สร้างปัญหาอยู่เรื่อย”
“ไม่หรอก เธอทำดีแล้วละ แต่ยิ่งเธออยู่สูงเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งตกเป็นเป้าของบรรดาคนที่มองขึ้นมามากขึ้นเท่านั้น บางครั้งต่อให้เธออยู่เฉยๆ ไม่ก่อเรื่องอะไรเลย ปัญหาก็ตามหาจนเจอได้อยู่ดีนั่นแหละ ของมันเลี่ยงไม่ได้น่ะ”
“โอเคค่ะ…”
หลินเช่อว่า “ฉันไม่คิดเลยนะคะว่าตัวเองจะกลายเป็นข่าวพาดหัวเต็มไปหมดแบบนี้ แค่เพราะความไม่ถูกกันเท่านั้นเอง”
“ใช่ ตอนนี้พาดหัวข่าวทุกสื่อเป็นเรื่องของเธอทั้งนั้น”
ฉินเสี่ยวหยวนถูกสับเละทีเดียวในเว่ยป๋อ แต่เธอก็เพียรพยายามที่จะตอบโต้กลับไปอย่างไม่ลดละ บอกว่าเธอไม่ได้เป็นคนทำและหลินเช่อเองก็เป็นนักแสดงรุ่นน้อง เธอไม่มีเจตนาใดที่จะไปทะเลาะกับดารารุ่นน้อง หนำซ้ำยังพยายามพูดอีกด้วยว่า หลินเช่อนั้นพยายามที่จะสร้างสถานการณ์ขึ้นมาและลากเธอเข้าไปรับกรรม
แต่เมื่อเทียบกันแล้ว ข่าวคราวจากทางฝั่งหลินเช่อค่อนข้างจะใสสะอาดกว่า นานๆ ครั้งเธอก็จะโพสต์เกี่ยวกับสิ่งที่เธอทำ ของที่เธอกิน หรืออะไรที่เธอเล่น คนทั่วไปจึงคิดว่าหลินเช่อดูเป็นคนเงียบๆ ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งเหมือนเสือร้ายคอยจ้องตะปบและไม่ยอมปล่อยดารารุ่นน้องไปง่ายๆ หนำซ้ำยังกล้าพูดอีกว่าหลินเช่อเป็นคนปั่นกระแสเรื่องราวทั้งหมดนี้ขึ้น ทั้งที่เห็นอยู่ได้ชัดเจนว่าเป็นตัวเองต่างหากที่เป็นคนทำ
อวี๋หมินหมิ่นหันมองรายงานข่าวแล้วก็ส่ายหน้า “ฉันกลัวว่าฉินเสี่ยวหยวนจะสะกดอารมณ์โกรธของตัวเองเอาไว้ไม่ได้ ทีมงานของเธอคงกำลังหัวเสียน่าดูกับสิ่งที่เธอเพิ่งโพสต์ลงไปทั้งหมดนั่น”
หยางหลิงซินเอ่ยว่า “แต่เธอก็สมควรโดนแล้วนะคะ เธอน่ารังเกียจมากเลยที่ทำกับพี่เช่อแบบนั้นน่ะ”
อวี๋หมินหมิ่นว่า “ในวงการนี้มันก็เป็นแบบนี้แหละ เดี๋ยวอีกหน่อยเธอได้เห็นอะไรมากขึ้น ก็จะรู้เองว่ามันมีคนร้อยพ่อพันแม่ วุ่นวายกันไปหมดนั่นแหละ”
หยางหลิงซินพูดต่อไปอีก “ฉันไม่สวยพอจะเป็นดาราได้เหมือนพี่เช่อนี่คะ ฉันคงไม่มีทางได้เข้าวงการหรอก คงทำได้แค่คอยดูพวกพี่ต่อกรกับคนอื่นนี่แหละค่ะ”
หลินเช่อฟังหยางหลิงซินพูดแล้วก็เงยหน้าขึ้นหัวเราะ “อันที่จริงเสี่ยวซินก็สวยน่ารักออกนะ ถ้าได้แต่งเนื้อแต่งเนื้อเข้าซักหน่อย ก็พอจะสวยเทียบกับดาราทั่วๆ ไปได้อยู่นา”
หลินเช่อยิ้มและรวบผมเด็กสาวขึ้น แล้วหันไปถามอวี๋หมินหมิ่น “จริงมั้ยคะพี่อวี๋ เห็นมั้ย ไม่สวยเหรอคะ”
“เอาละ เอาละ เอาละ เธอก็สวยดีหรอก” อวี๋หมินหมิ่นรู้ดีว่าหลินเช่อแค่พูดเล่นสนุกๆ เท่านั้น เธอจะปล่อยให้หยางหลิงซินเข้ามาเป็นดาราจริงๆ ได้ยังไงกันเล่า
แม้ว่าเด็กสาวจะไม่ได้หน้าตาขี้ริ้ว แต่การเข้าสู่วงการนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าหน้าตาเป็นอย่างไรเท่านั้น แต่มันยังขึ้นอยู่กับโชคด้วย บางอาจจะดูเป็นดาราได้ ในขณะที่บางคนให้พยายามยังไงก็ไม่มีทาง มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้น่ะ
หยางหลิงซินหน้าตาไม่เลวก็จริง แต่ก็ดูธรรมดาเหมือนคนทั่วไป อวี๋หมินหมิ่นเป็นผู้จัดการดารามานานจนสามารถบอกได้เพียงแค่ปรายตามองครั้งเดียว
เมื่อเด็กสาวได้ยินก็ยิ้มอายๆ และบอกว่า “พวกพี่นี่ก็ เลิกล้อฉันเล่นเถอะค่ะ”
ตอนนั้นเอง กู้จิ้งเจ๋อก็โทรเข้ามาแจ้งว่า เขาจัดการนัดรับประทานอาหารกับกู้จิ้งเหยียนไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หลินเช่อตกใจมาก “อะไรกัน ทำไมถึงไม่บอกฉันก่อนหน้านี้ล่ะคะ นี่ฉันจะต้องออกไปเลยรึเปล่า”
“ใช่ ฉันเตรียมไว้หมดแล้ว อีกเดี๋ยวเธอก็มาได้เลย”
หลินเช่อพูดไม่ออก เธอรีบวางสายด้วยความกังวลใจอย่างยิ่ง
เธอคว้าแขนหยางหลิงซินและถามว่า “บอกหน่อยว่าฉันควรจะใส่อะไรดี…มันต้องไม่ดูเป็นทางการเกินไปจนทำให้ฉันดูเคร่งเครียด แต่จะให้ดูสบายเกินไปก็ไม่ได้ เพราะไม่งั้นมันจะทำให้ฉันดูขี้เกียจ”
หยางหลิงซินตอบ “พี่เช่อคะ พี่ใส่อะไรก็สวยทั้งแหละค่ะอย่าคิดมากเลย”
หลินเช่อยิ้มให้ “แหม เข้าใจพูดนะจ๊ะ”
หญิงสาวขอให้อวี๋หมินหมิ่นและหยางหลิงซินกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลกู้ด้วยเพื่อช่วยเธอเลือกชุด
หยางหลิงซินไม่เคยมาที่นี่มาก่อน แล้วเธอก็ต้องประหลาดใจตั้งแต่ประตูทางเข้า
เด็กสาวอ้าปากค้าง จ้องมองพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ยืนกันอยู่บริเวณประตูทางเข้าด้วยความทึ่ง
“ฉันคิดว่าคฤหาสน์ตระกูลกู้จะเหมือนวิลล่าหลังที่กู้จิ้งเจ๋อเตรียมไว้ให้คุณยายซะอีกค่ะ ฉันไม่คิดเลยว่า…”
ดวงตาเธอยิ่งเบิกกว้างหนักขึ้นไปอีกเมื่อมองดูบริเวณรอบๆ และพูดอย่างไม่อยากเชื่อว่า “ที่นี่มันใหญ่มหึมาทีเดียว”
อวี๋หมินหมิ่นบอก “อย่าเพิ่งตกใจ ตอนที่ฉันมาที่นี่ครั้งแรกฉันก็คิดแบบนี้เหมือนกัน แต่หลังจากที่ได้เข้าไปข้างใน ฉันถึงได้รู้ว่า…ไอ้ที่น่าทึ่งจริงๆ น่ะอยู่ข้างในต่างหาก กู้จิ้งเจ๋อก็คือกู้จิ้งเจ๋อ มีหลายอย่างที่เธอคิดไม่ถึง แล้วก็ไม่มีอะไรที่จะเป็นไปไม่ได้ด้วย”
หลินเช่อเสริมว่า “เพราะว่าเขาทำงานหลายอย่างน่ะจ้ะ ก็เลยต้องมีคนช่วยงานเยอะ เพราะแบบนี้เขาถึงได้สร้างที่นี่ให้ใหญ่ขนาดนี้”
หยางหลิงซินเหลียวมองไปรอบๆ ก่อนจะเดินต่อ เธอไม่คิดเลยว่าบ้านของกู้จิ้งเจ๋อจะใหญ่โตมโหฬารขนาดนี้
เด็กสาวถามขึ้นว่า “พี่เช่อคะ ปกติแล้วพี่อยู่ที่บ้านหลังนี้เหรอคะ”
“ใช่จ้ะ”
หยางหลิงซินกวาดตามองดูการประดับตกแต่งห้องอันหรูหรางดงาม มีสาวใช้เดินขวักไขว่ไปมาไม่ขาด
พวกสาวใช้ต่างก็โค้งให้หลินเช่ออย่างสุภาพ “คุณผู้หญิง ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ”
“สวัสดีค่ะ คุณผู้หญิง”
“คุณผู้หญิงพาเพื่อนๆ มาบ้านหรือคะ”
หลินเช่อปล่อยให้สาวใช้ช่วยเตรียมเครื่องดื่มให้อวี๋หมินหมิ่นและหยางหลิงซิน หยางหลิงซินนั้นยังเดินสำรวจไปทั่วไม่ยอมหยุด ก่อนจะหันกลับมามองหลินเช่อและแอบกัดริมฝีปากตัวเองอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ
บางคนก็เป็นได้แค่สาวใช้ ในขณะที่บางคนได้อยู่ในบ้านหลังโต มีคนคอยเรียกขานว่า ‘คุณผู้หญิง’ โลกนี้มันช่างไม่ยุติธรรมเลย ทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับว่าชีวิตของใครจะดีแค่ไหนเท่านั้น
หลินเช่อเดินเข้าห้องมาเปิดประตูตู้เสื้อผ้า เธอหมุนตัวกลับมาและได้เห็นหยางหลิงซินที่มองมาด้วยดวงตาเป็นประกายยามไล่เรียงมองดูเสื้อผ้าที่อัดแน่นอยู่ในตู้
ผู้หญิงสาวนั้นเกิดมาพร้อมกับความหลงใหลในเสื้อผ้าและเครื่องประดับอยู่แล้ว เมื่อได้เห็นสิ่งเหล่านี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชอบมัน
ผู้หญิงคนไหนบ้างที่ไม่อยากได้ของแบบนี้ บางคนอาจจะไม่ยอมรับ เพียงเพราะว่าพวกเธอไม่มีปัญญาซื้อหามัน
หยางหลิงซินมองดูเสื้อผ้าในตู้แล้วก็พูดว่า “พี่เช่อคะ พี่มีเสื้อผ้าเยอะจัง”
หลินเช่อว่า “พวกเขาซื้อมาให้ทั้งหมดนี่เลยน่ะจ้ะ ปกติฉันใส่อยู่ไม่กี่ตัวหรอก แต่วันนี้ต้องออกไปกินข้าวกับจิ้งเหยียนก็เลยคิดว่าน่าจะเลือกชุดที่ถูกกาลเทศะหน่อย”
หลินเช่ออดคิดถึงคำพูดของโม่ฮุ่ยหลิงไม่ได้ ในฐานะคุณผู้หญิงตระกูลกู้ การแต่งตัวของเธอก็ส่งผลกับภาพลักษณ์ของกู้จิ้งเจ๋อเช่นกัน
เธอไม่อยากให้เขาต้องกลายเป็นตัวตลกเพราะเธอ
กู้จิ้งเจ๋อเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมและมีชีวิตที่เพียบพร้อม ข้อบกพร่องใหญ่ที่สุดในชีวิตเขาก็คือเธอเองนี่แหละ
แต่เมื่อลองคิดดูแล้ว เขาไม่เคยว่าอะไรเธอในเรื่องนี้เลย และเธอก็รู้สึกซาบซึ้งในความดีของเขาอย่างมาก
หลินเช่อเห็นหยางหลิงซินมองเสื้อผ้าในตู้ไม่วางตา ก่อนจะก้มลงมองเสื้อผ้าของตัวเอง เนื้อตัวของเด็กสาวสะอาดสะอ้านก็จริง แต่เสื้อผ้านั้นค่อนข้างเก่า หลินเช่อจึงพูดว่า “ถ้าเธอชอบตัวไหน ฉันยกให้ได้นะ เป็นไงล่ะ”
หยางหลิงซินได้ยินเช่นนั้นก็เรียกสติตัวเองกลับมาสู่ความเป็นจริง “ไม่ค่ะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่เช่อ ฉันก็แค่มองเท่านั้น ฉันจะใส่เสื้อผ้าแพงๆ แบบนี้ได้ยังกันคะ เห็นก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ของราคาถูกเลย”
หลินเช่อว่า “ฉันไม่รู้หรอกจ้ะว่าแพงรึเปล่า แต่ปกติแล้วฉันก็ใส่อยู่แค่ไม่กี่ตัว ฉันคิดว่าเสื้อผ้าพวกนี้ยังไม่เคยถูกใช้เลยนะ แล้วทำไมเธอจะช่วยแบ่งเอาไปใส่บ้างไม่ได้ล่ะ”
หยางหลิงซินถามอายๆ “ได้เหรอคะ”
หลินเช่อตอบ “หยิบตัวที่เธอชอบมาลองสวมดูสิจ๊ะ ถึงยังไงมันก็แขวนไว้เฉยๆ นี่ จริงมั้ย”
เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก – ตอนที่ 285 ฉันควรใส่ชุดไหนดีเพื่อไปเจอน้องสาวคุณ
Posted by ? Views, Released on September 30, 2021
, เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก
หลินเช่อ สาวน้อยนักแสดงปลายแถวตัดสินใจวางยาลักหลับดาราชายชื่อดังอย่าง กู้จิ้งอวี่ เพื่อหาทางไต่เต้าขึ้นไปในวงการบันเทิง แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เมื่อเหยื่อผู้โชคร้ายของเธอดันกลายมาเป็น กู้จิ้งเจ๋อ พี่ชายของเขาแทน!
ทว่าหลังผ่านค่ำคืนอันเร่าร้อนไป การแยกทางกันแต่โดยดีกลับไม่ใช่บทสรุปของคนทั้งคู่ เพราะกู้จิ้งเจ๋อมีโรคประจำตัวสุดประหลาดอย่างหนึ่ง นั่นคือเขาไม่สามารถแตะต้องผู้หญิงคนไหนได้ หากสัมผัสตัวเพศตรงข้ามเมื่อไหร่ เขาจะคลื่นไส้และมีผื่นขึ้นทันที ดังนั้นเมื่อพบว่าเขาและหลินเช่อสามารถนอนร่วมเตียงกันได้โดยไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น ครอบครัวของกู้จิ้งเจ๋อจึงใช้อำนาจบีบบังคับให้ทั้งคู่แต่งงานกัน! เมื่อระฆังวิวาห์ลั่นแบบสายฟ้าฟาด หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อจึงต้องสวมบทบาทคู่สามีภรรยาและเก็บข้าวของย้ายมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันในที่สุด